|
หัวข้อ: ปาราชิกเสพเมถุน ครั้งที่ 1 ในพุทธศาสนา เกิดขึ้นเพราะผู้ใด มีผลต่อคณะสงฆ์อย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 21 พฤษภาคม 2568 14:38:52 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/98105846179856_6_Copy_.jpg) (ภาพประกอบเนื้อหา) จิตรกรรมภาพพระภิกษุ วัดบวรนิเวศวิหาร ปาราชิกเสพเมถุน ครั้งที่ 1 ในพุทธศาสนา เกิดขึ้นเพราะผู้ใด มีผลต่อคณะสงฆ์อย่างไร ผู้เขียน - วิภา จิรภาไพศาล เผยแพร่ - ศิลปวัฒนกรรม วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2568 เมื่อกล่าวถึง “ปาราชิก” โดยทั่วไปมักนึกถึง “ปาราชิกเสพเมถุน” อันเนื่องจากการที่สงฆ์มีเพศสัมพันธ์กับสตรี หากแท้จริงแล้ว “ปาราชิก” อันเป็นอาบัติหนักที่สุดในพระวินัยมีอยู่ 4 ข้อด้วยกัน “ปาราชิก” แปลว่า “ผู้พ่ายแพ้” มีอยู่ 4 ข้อ คือ 1. เสพเมถุน 2. ลักทรัพย์ 3. ฆ่ามนุษย์ 4. อวดอุตตริมนุสสธรรม พระสงฆ์รูปใดล่วงละเมิดแม้เพียงข้อใดข้อหนึ่งต้องขาดจากความเป็นพระสงฆ์ทันที ที่สำคัญจะกลับมาบวชอีกไม่ได้ ก่อนหน้ามีพระวินัย พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวาของพุทธเจ้าเคยกราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทรงกำหนด “พระวินัย” ด้วยเกรงพระสงฆ์สาวกทั้งหลายละเมิดคำสอน และเพื่อความมั่นคงของพุทธศาสนา แต่พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ โดยทรงให้รอจนกว่าจะเกิด “เหตุ” จำเป็นให้ต้องบัญญัติพระวินัย คือ หนึ่ง เมื่อสงฆ์ที่บวชนานแล้วจะเกิดปัญหาขึ้นได้ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หนึ่ง เมื่อสงฆ์เป็นหมู่ใหญ่และแพร่หลาย จนอาจเกิดความแตกแยกทางความคิดและการปฏิบัติ หนึ่ง เมื่อสงฆ์ส่วนใหญ่มีลาภสักการะมาก แลติดสิ่งนั้น หนึ่ง เมื่อสงฆ์ส่วนใหญ่เป็นพหูสูต จนตีความพระพุทธพจน์แตกต่างกัน มีความเห็นไม่ตรงกัน ต่างอ้างว่าตนเป็นพหูสูตและไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน แล้วก็เกิดเหตุให้พระองค์ต้องทรงบัญญัติพระวินัย ปาราชิกเสพเมถุน ครั้งที่ 1 เมื่อครั้งพุทธกาล “พระสุทินกลันทกบุตร” หรือ บุตรชายคนเดียวของเศรษฐีกรุงเวสาลี ออกบวชด้วยศรัทธา ถือธุดงควัตรอย่างเคร่งครัด ได้เสพเมถุนกับภรรยาเก่าที่ป่ามหาวัน ตามที่บิดามารดาอ้อนวอน เพื่อให้ครอบครัวมีผู้สืบสกุล และจะได้บวชต่อโดยไม่ต้องลาสิกขาออกไป หลังการเสพเมถุนธรรมแล้วพระสุทินกลันทกบุตร มีผิวพรรณหมองคล้ำ ภิกษุทั้งหลายจึงสอบถาม เมื่อทราบเรื่องก็ตำหนิแล้วพาพระสุทินกลันทกบุตรเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ขณะนั้นยังไม่มีการบัญญัติสิกขาบทใดๆ พระองค์จึงทรงรับสั่งให้ประชุมสงฆ์และทรงสอบสวน พระสุทินกลันทกบุตรรับสารภาพ พระพุทธเจ้าก็ทรงตำหนิ และตรัสถึงประโยชน์สงฆ์ทั้งหลาย จึงทรงบัญญัติพระวินัยขึ้น ... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_153098 |