[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะจากพระอาจารย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 27 พฤษภาคม 2568 13:38:07



หัวข้อ: ควรพยายามทำจิตให้สงบ
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 27 พฤษภาคม 2568 13:38:07
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/26995807679162_500703554_1288876989287121_900.jpg)

ควรพยายามทำจิตให้สงบ
พระราชวัชรสังวรมุนี (สุชาติ อภิชาโต)

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวต่อเนื่องมาจาก ที่หลวงปู่มั่นท่านสอนหลวงตา ให้ทำจิตให้สงบในเบื้องต้นก่อน ถึงแม้จะได้ยินได้ฟังธรรมมามากน้อยเพียงไรก็ตาม ถ้าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ยังไม่สามารถทำลายกิเลสภายในใจได้ ก็แสดงว่ายังไม่มีสมาธิไม่มีความสงบพอ แต่สำหรับบางคนบางท่าน อาจจะเป็นบารมีเก่าบุญเก่า มีความสงบเดิมมาแล้ว พอฟังก็สามารถทำลายกิเลสได้เลย อย่างนั้นก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง จะบอกว่าไม่มีสมาธิก็ไม่ได้ ท่านมีอยู่แล้ว บางคนมีบุญเก่า ฟังธรรมแล้วบรรลุได้เลย ไม่ต้องนั่งหลับตาพุทโธๆ ฟังธรรมปั๊บก็ตัดกิเลสภายในใจได้เลย แต่ถ้าฟังแล้วกิเลสก็ยังไม่ตาย อย่างนี้แสดงว่ายังไม่มีความสงบพอ ยังโลภ ยังอยาก ยังต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ ก็พยายามทำจิตใจให้สงบก่อน เมื่อจิตสงบแล้วก็พิจารณาสิ่งต่างๆให้เห็นว่าเป็นไตรลักษณ์ เมื่อเห็นเป็นไตรลักษณ์แล้วก็จะปล่อยวางได้ ก็จะไม่อยากไม่โลภไม่ต้องการสิ่งต่างๆ มีแต่ความอิ่มความพอไปตลอด แสนจะสบาย ไม่รู้จะเอามาทำไมมากมายก่ายกอง เอามาแล้วก็ไม่เคยอิ่มไม่เคยพอเสียที เพราะไม่ได้ให้อาหารของใจ กลับไปให้อาหารกับกิเลส ยิ่งให้อาหารกิเลสๆก็ยิ่งตัวใหญ่ขึ้น ยิ่งโลภมากขึ้น ยิ่งอยากมากขึ้น ยิ่งทุกข์มากขึ้น ถ้าจะให้อาหารใจ ต้องให้สมาธิ ต้องให้ปัญญา ต้องให้ทาน ให้ศีล ถึงจะเป็นอาหารของใจ ถ้าใจได้อาหารครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว จะไม่หิว ไม่อยาก ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลาภยศสรรเสริญสุขต่างๆในโลกนี้ ที่คนในโลกนี้บูชากัน นับถือกัน ยกย่องกัน อยากได้กัน จะไม่มีความรู้สึกในจิตใจเลย ขอให้อยู่ตามลำพังไม่ต้องวุ่นวายกับใครก็พอแล้ว

ดังนั้นควรพยายามทำจิตให้สงบ ให้มีสติอยู่เรื่อยๆ ดึงใจให้อยู่ในปัจจุบันอย่าปล่อยให้ไปไกล ให้อยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง เพราะจะทำให้จิตนิ่ง ถ้าอยู่กับหลายอารมณ์แล้วจะไม่นิ่ง จะแกว่งไปแกว่งมา ถ้าให้อยู่กับพุทโธก็พุทโธไป อยู่กับลมก็ดูลมไป อยู่ที่จุดเดียว อยู่ตรงจุดที่ลมสัมผัส ถ้าจะสวดมนต์ไปก่อนก็สวดมนต์ไป ให้อยู่กับบทสวดมนต์ไป หรือจะพิจารณาด้วยปัญญาเลยก็ได้ เรียกว่าปัญญาอบรมสมาธิ พิจารณาดูอาการ ๓๒ ของร่างกายไปเรื่อยๆ ก็ทำให้จิตสงบได้เหมือนกัน แล้วแต่จะถนัด เมื่อจิตสงบนิ่งอยู่ได้นานเท่าไหร่ก็ปล่อยให้นิ่งไป ตอนนั้นไม่ต้องทำอะไร อย่าไปเจริญปัญญาในตอนนั้น ตอนที่จิตสงบนิ่งปล่อยให้นิ่งไป เหมือนคนนอนหลับ อย่าไปปลุกให้ขึ้นมาทำงาน จะรำคาญ จะหงุดหงิด ให้นอนหลับให้พอ ให้จิตพักให้พอ พอจิตพักพอแล้วจะถอนออกมาเอง จะเริ่มคิดปรุง ก็อย่าปล่อยให้คิดเรื่อยเปื่อยเหมือนที่เคยคิด ให้คิดเป็นเรื่องเป็นราว ให้คิดพิจารณาร่างกายในเบื้องต้น พิจารณาดูไตรลักษณ์ของร่างกาย ว่าเป็นอย่างไร  พิจารณาดูให้เห็นว่าเป็นธาตุ ๔ พิจารณาให้เห็นว่าเป็นอสุภไม่สวยไม่งาม เพื่อจะได้ไม่หลงยึดติดกับร่างกาย จากนั้นก็พิจารณาเวทนา มีสุข มีทุกข์ มีไม่สุขไม่ทุกข์ ต้องปล่อยให้เขาเป็นไปตามเรื่องของเขา พิจารณาสังขารสัญญาว่าเกิดดับเกิดดับอยู่ตลอดเวลา สังขารความคิดปรุงแต่ง คิดแล้วก็ดับไป แล้วก็คิดใหม่ สัญญาจำได้แล้วก็ดับไป แล้วก็จำขึ้นมาใหม่ ไม่มีตัวตน ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เป็นสภาวธรรม ให้รู้ทัน จะได้ไม่หลงตาม เช่นสัญญาว่าคนนั้นเป็นคน เป็นหญิง เป็นชาย ก็จะไม่หลงตามถ้ามีปัญญา จะเห็นว่าเป็นแค่ธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ เป็นแค่อาการ ๓๒ มารวมกันแล้วก็อยู่กันไปชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็ล้มหายตายจากไป ขอให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง หรือตายไปก่อน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๑๓ กัณฑ์ที่ ๓๘๒     
วันที่  ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑