[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ร้านน้ำชา => ข้อความที่เริ่มโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 14 มิถุนายน 2568 06:36:13



หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ทำไมชายแดนร้อนต่อเนื่อง ! เปิดปมมรดกความขัดแย้งไทย-กัมพูชา บทวิเคราะห์ท่ามกลา
เริ่มหัวข้อโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 14 มิถุนายน 2568 06:36:13
ทำไมชายแดนร้อนต่อเนื่อง ! เปิดปมมรดกความขัดแย้งไทย-กัมพูชา บทวิเคราะห์ท่ามกลางพายุ 'ชาตินิยม'
 


<span>ทำไมชายแดนร้อนต่อเนื่อง ! เปิดปมมรดกความขัดแย้งไทย-กัมพูชา บทวิเคราะห์ท่ามกลางพายุ 'ชาตินิยม'</span>

            <div class="field field--name-field-byline field--type-text-long field--label-hidden field-item"><p>สัมภาษณ์และเรียบเรียง : ณัฐพล เมฆโสภณ</p><p>หมายเหตุมีการแก้ไขและอัพเดท เมื่อ 3 มิ.ย. 2568 เวลา 16.09 น.&nbsp;</p></div>
      <span><span>XmasUser</span></span>
<span><time datetime="2025-06-02T22:12:27+07:00" title="Monday, June 2, 2025 - 22:12">Mon, 2025-06-02 - 22:12</time>
</span>

            <div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p>สำหรับคอการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา มีเรื่องให้ต้องจับตาดูกันอีกครั้ง เพราะเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 28 พ.ค.2568 เกิดเหตุปะทะกันที่จุดพิพาทเขตแดน บริเวณ 'ช่องบก' จ.อุบลราชธานี ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา และผลของการแลกกระสุนจบลงที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย</p><p>ล่าสุด สถานการณ์ดูจะคลี่คลายลงไปบ้าง เพราะกองทัพบกไทยและกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันว่าจะยึดแนวทางสันติในการแก้ไขปัญหา โดย 1.ทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะยอมถอยออกจากจุดปะทะคนละ 200 เมตร 2.ทั้งสองฝ่ายจะอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น 3.ใช้แนวทางแก้ไขปัญหา โดยการหารือผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งมีคิวประชุมช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้</p><p>บางคนอาจมองเรื่องนี้อย่างชินชา นับตั้งแต่มีกรณีปราสาทเขาพระวิหารเมื่อปี 2554 แต่มีข้อน่าสังเกตว่า ทำไมกระแสพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา กลับมาก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จเมื่อปลายปี 2566</p><p>ปีที่ผ่านมา (2567) มีการหยิบข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล และเขตแดนบนบกขึ้นมากล่าวถึงหลายกรณี เริ่มที่เกาะกูด ตามมาด้วยศาลาตรีมุข&nbsp;อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี, ข้อพิพาทกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์,&nbsp;กรณีการขุดคูเลตที่เนิน 745 (ช่องบก) (https://www.youtube.com/watch?v=gYN-n1rbfcA) และการปะทะรอบล่าสุด</p><p>อะไรคือเบื้องหลังของกระแสข้อพิพาทเขตแดนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นความบังเอิญหรือจงใจ เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนอะไรในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา และจะเป็นอุปสรรคต่อไปในอนาคตอย่างไร หากมีความร่วมมือร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศนี้</p><p>เพื่อร่วมตอบคำถามดังกล่าว ประชาไทชวน ‘สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี’ อดีตสื่อมวลชนมากประสบการณ์ และนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภูมิภาคอาเซียน มาร่วมมองเบื้องหลังปรากฏการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของขุนศึกศักดินา</p><p>ผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม อุปสรรคของการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อนบ้าน และข้อเสนอเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งตัวเขาเองยอมรับว่า "ไม่ง่ายนักที่จะลดอารมณ์ความรู้สึกของสังคมไทยขณะนี้"</p><p class="picture-with-caption"><img src="https://live.staticflickr.com/65535/51338739716_c4908478e0_b.jpg" width="1023" height="682" loading="lazy">สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี</p><h2>กรณี 'ช่องบก' ถือว่าผิดวิสัย ต้องตรวจสอบให้ชัด</h2><p>สุภลักษณ์ มองว่า ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาช่วงที่ผ่านมา มี 2 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย</p><p>1. ปัจจุบัน แผนที่เขตแดนไทย-กัมพูชายังไม่มีการชำระ และสำรวจปักปันเขตแดนร่วมกัน ทำให้มันเกิดปัญหาขึ้นได้เรื่อยๆ</p><p>2. การพยายามปลุกเร้าสถานการณ์ความหวาดระแวง และกระแสชาตินิยมของทั้ง 2 ประเทศ</p><p>สุภลักษณ์ ให้ข้อสังเกตว่า หากสังเกตช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่ามีความพยายามของกลุ่มคนที่จะปลุกเร้าปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ‘เกาะกูด’ เรื่อยมาจนถึงกรณีของกลุ่มปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์ กรณีศาลาตรีมุข อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ&nbsp;การขุดคูเลตที่เนิน 745 (ช่องบก (https://www.youtube.com/watch?v=gYN-n1rbfcA)) จนมาถึงกรณีปะทะกันที่ช่องบกใกล้ๆ กันรอบล่าสุด ซึ่งข้อพิพาททางบกมีความอ่อนไหวอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพราะใกล้กับกรณีที่เกิดข้อพิพาทด้านชายแดนเขาพระวิหาร สถานการณ์มันถูกปลุกเร้าเรื่อยมาให้มันเกิดเหตุปะทะได้&nbsp;</p><p>"ผมคิดว่าเขาใช้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลมาได้ในกรณีเขาพระวิหาร เขาก็ทำอีกครั้งหนึ่ง หากเราสังเกตคือคนที่ยกประเด็นเรื่อง MOU44 เรื่อยมา มาจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่เขาเคยอยู่ในรัฐบาล และยกเรื่องนี้ขึ้นมาคัดค้าน สร้างเรื่องนี้ในหมู่ประชาชนฝ่ายขวา สื่อฝ่ายขวาก็พยายามเล่นเรื่องนี้" สุภลักษณ์ กล่าว</p><p class="picture-with-caption"><img src="https://live.staticflickr.com/65535/54563433450_ec243cff1b_b.jpg" width="1024" height="768" loading="lazy">ปราสาทตาเมือนธม (ที่มา: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ (https://surin.prd.go.th/th/content/category/detail/id/171/iid/394205?fbclid=IwY2xjawKqsIdleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFPNWp5WDdndVdxTmVkYnhWAR60HH7j_JdVvdWkQlMGND-jQz1D7Slkq9gF1kQjYBZZ0BWdlU6qKO-cNtpitw_aem_iAWi8ELOOv7PmRtJRR9SAg))</p><p>ส่วนในกรณีของ 'ช่องบก' สุภลักษณ์ ตั้งข้อสังเกตว่า มันเป็นเรื่องที่ผิดวิสัย และต้องตรวจสอบให้แน่ชัด เพราะในทางการทหารถือว่าเป็นการปะทะที่ไม่จำเป็น ขัดกับสิ่งที่เรียกว่ากฎการปะทะ หรือว่า 'Rule of Engagement' เพราะโดยปกติเวลาลาดตระเวนแล้วเจอกัน ทหารเขาจะถามกันหรือเตือนกันก่อน ให้ประกาศตัวเองว่าคุณเป็นใคร แล้วเข้ามาในเขตนี้ทำไม ถ้าไม่ฟัง ก็จะมีการยิงเตือน แต่อยู่ๆ เจอหน้ากันแล้วยิงกันเลย อันนี้แปลก</p><div class="more-story"><p><strong>เรื่องที่เกี่ยวข้อง</strong></p><ul><li>เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี (https://prachatai.com/journal/2025/05/113073)</li></ul></div><p>&nbsp;</p><p>สุภลักษณ์ เน้นย้ำว่า เหตุปะทะที่ไม่จำเป็นมาจากการที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศตอนนี้ตกอยู่ในวาทกรรมและกระแสความไม่ไว้วางใจที่สร้างกันทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ของไทยก็สร้างมาตั้งแต่เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ด้วยวาทกรรมว่า "เราอาจจะเสียเกาะกูดให้กัมพูชา จากการทำ OCA ทำ MOU44" จากนั้น พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชาก็พูดบ้างว่า ขอให้รัฐบาลของเขาแสดงสิทธิเหนือเกาะกูด ก่อนที่จะลามมาที่ปราสาทตาเมือนที่เคยมีข้อพิพาท และมีการยกที่อื่นๆ มาเป็นประเด็นเรื่อยๆ</p><p>ดังนั้น ผลของการไม่ยอมกันทั้ง 2 ฝ่าย ฮุน มาเนต ในฐานะนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และเคยเป็นผู้บัญชาการทหารมาก่อนก็ต้องแสดงจิตวิทยาทางการเมืองว่า เขาไม่ยอมยกอธิปไตย และจะไม่เป็นลูกไล่ไทยอย่างแน่นอน เขามีอำนาจทางทหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ ผสมโรงกับความรู้สึกของคนกัมพูชาที่มักมองว่าไทยชอบมองว่ากัมพูชาด้อยกว่า เขาก็ยอมไม่ได้ ขณะเดียวกัน ทหารไทยเองก็ชอบมองว่าตัวเองเหนือกว่ากัมพูชา ต่างฝ่ายต่างแสดงออกมา มันก็กลายเป็นเหตุปะทะที่ไม่จำเป็น</p><p>สถานการณ์ปัจจุบันหลังเหตุปะทะที่ช่องบก ตามการให้สัมภาษณ์ของ&nbsp;ภูมิธรรม เวชยชัย (https://www.youtube.com/watch?v=8CYQzQcNyoM) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ว่า สถานการณ์คลี่คลายลงไปบ้างแล้ว โดยทั้ง 2 ประเทศยึดมั่นหลักการไม่เผชิญหน้า และให้รอการหารือร่วมของ JBC ซึ่งจะเริ่มในสัปดาห์นี้ (2-6 มิ.ย.) ก็ต้องจับตาดูกันต่อว่าผลประชุมจะออกมาเป็นอย่างไร</p><h2>ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซับซ้อนหลายชั้น</h2><p>“เวลาเรามองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา มันไม่สามารถดูได้เพียงแค่ 2 ก้อน แต่มันมีหลายเลเยอร์ (ชั้น)” สุภลักษณ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นอย่างไรในปัจจุบัน</p><p>สุภลักษณ์ จำแนกความสัมพันธ์ออกมาเป็น 3 ระดับ คือ รัฐต่อรัฐ รัฐบาลต่อรัฐบาล และระดับประชาชนต่อประชาชน</p><p>ระดับ ‘รัฐต่อรัฐ’ นักวิชาการด้านความมั่นคง มองว่า ภาพรวมมันเป็นความร่วมมือมากกว่าความขัดแย้ง ความขัดแย้งมีแค่เรื่องเขตแดน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรัฐสมัยใหม่ สังคมไทยมีภาพจำว่าตัวเองถูกเอาเปรียบเรื่องเขตแดนตั้งแต่ในอดีต คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ แต่ถูกฝรั่งเศสเอาเปรียบ ขณะเดียวกัน มองจากมุมกัมพูชาก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน แต่ถูกไทยเอาเปรียบเหมือนกัน มันมีความรู้สึกอยู่แบบนี้ตลอดเวลา ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐมันมีปัญหาแบบนี้อยู่</p><h2>ความสนิทระหว่าง ทักษิณ-ฮุน เซน ทำให้อีลิตไม่ไว้ใจ</h2><p>ความสัมพันธ์เลเยอร์ชั้นที่ 2 คือความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ระหว่างอดีตนายกฯ ฮุน เซน และรัฐบาลชินวัตร พรรคเพื่อไทย ซึ่งเกือบจะเป็นญาติเกี่ยวดองกัน ฮุน เซน เคยอุปถัมภ์ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ตอนที่ต้องลี้ภัย รวมถึงช่วยเหลือคนเสื้อแดงและพันธมิตรของทักษิณเวลาที่ต้องลี้ภัย ซึ่งความสนิทนี้ก็ทำให้ฝ่ายชนชั้นนำการเมืองไทยไม่ไว้วางใจ</p><p>"ความสนิทที่เกิดขึ้นมันทำให้ ‘อีลิตไทย’ ไม่ไว้วางใจ พอไม่ไว้วางใจ เวลาทำอะไรสักอย่าง มันจะถูกตั้งคำถามตลอดเวลา รัฐบาลเศรษฐาก็ประกาศจะแก้ข้อพิพาททางทะเล สำรวจพัฒนาก๊าซธรรมชาติร่วมกัน สุดท้ายกลายเป็นเจอกระแสความไม่ไว้วางใจ มีผลประโยชน์ทับซ้อนแน่ และอื่นๆ เต็มไปหมด และก็จะยกประโยชน์ให้กัมพูชา ยกเกาะกูด ไปกันใหญ่</p><p>"มันทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีเลิศระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล กลายเป็นสิ่งที่คนจำนวนหนึ่งในไทยหวาดระแวง และขัดกัน" สุภลักษณ์ กล่าว</p><p>อีลิตไทยในที่นี้หมายความถึงกองทัพและศักดินารวมกัน ซึ่งเขาจะสั่งสอนมาโดยตลอดว่าเขมรไว้ใจไม่ได้ เขาไม่เคยหนีจากเรื่องเล่านี้ได้เลย และเรื่องเล่าลักษณะนี้มักถูกส่งต่อในกองทัพไทย&nbsp;ยกตัวอย่าง ประวัติศาสตร์ของพระยาละแวก ซึ่งเป็นลูกหลานของเขมรที่ทรยศต่อไทย หรือเรื่องที่พระนเรศวรเอาเลือดล้างพระบาท (https://www.silpa-mag.com/history/article_26637) ทั้งที่เรื่องนี้ไม่เคยมีอยู่ในประวัติศาสตร์ อีลิตไทยมักมองเขมรว่าไม่ได้เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ด้วยความสงบสุข ไม่เคยรู้สึกว่ามีช่วงที่ชนชั้นนำไทยเคยผูกสัมพันธ์กับชนชั้นนำกัมพูชา</p><p class="picture-with-caption"><img src="https://live.staticflickr.com/65535/54563218264_623006d9ac_b.jpg" width="1024" height="768" loading="lazy">(ซ้าย) ฮุน เซน และ (ขวา) ทักษิณ ชินวัตร (ที่มา: FB Somdech Hun Sen &nbsp;of Cambodia)</p><h2>'คนห่างชายแดน' ตกหล่ม 'ชาตินิยม'</h2><p>ชั้นที่ 3 คือความสัมพันธ์ระดับประชาชน-ประชาชน แบ่งเป็นคนที่อยู่ระหว่างชายแดน-ชายแดน พวกเขาไม่มีปัญหาต่อกัน บางคนเป็นเครือญาติ ชาวบ้านไปมาหาสู่กัน บางคนก็ไปทอดผ้าป่าข้ามฝั่งกัมพูชา-ไทย</p><p>"ในความเห็นของผม ประชาชนที่อยู่ไกลออกไปจากชายแดนกำลังตกอยู่ในวาทกรรมและเรื่องเล่าชาตินิยม ก็คือเอาความหวาดระแวงของอีลิตไปใส่ให้กลายเป็นความหวาดระแวงของประชาชน</p><p>"คนที่เสพหรือหมกมุ่นอยู่กับโซเชียลมีเดียจะรู้สึกเกลียดชาวกัมพูชามากๆ ดูว่ากัมพูชาจะรุกพื้นที่ไทยรึเปล่า หรือเชียร์ให้ทหารไทยรบทหารกัมพูชาอยู่ตลอดเวลา ภาพรวมประชาชนคนทั่วๆ ไปที่อยู่ห่างไกลเส้นเขตแดนจะเกลียดชัง และก็รู้สึกว่าเขมรมันไว้ใจไม่ได้ มันลอบกัดไทยตลอดเวลา สิ่งนี้มันอยู่ใน narrative (เรื่องเล่า) ของคนไทย เดี๋ยวก็มีปัญหาแย่งมรดกทางวัฒนธรรมกัน ปราสาทควรเป็นของใคร มวยควรเป็นของใคร เพราะฉะนั้น ความรู้สึกนี้มันว่ายวนอยู่ในเรื่องเล่าของประชาชนที่ใช้อธิบายความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอยู่ตลอดเวลา มันเลยทำให้ทั้งหมดกลายเป็นภาพความสัมพันธ์ทับซ้อนและเชิงซ้อน มันเลยแก้ยากในหลายประเด็น" สุภลักษณ์ กล่าว</p><h2>ความร่วมมือมีแนวโน้มเดินยาก</h2><p>สุภลักษณ์ มองว่า กระแสข้อพิพาทที่เกิดขึ้น มันส่งผลทางตรงให้ไทย-กัมพูชามีปัญหากัน ส่วนผลในทางอ้อม มันทำให้ไทย-กัมพูชาไม่กล้าที่จะเดินหน้าความร่วมมือที่ควรจะมีและพึงกระทำ เป็นผลเสียมากกว่าจะเป็นผลดี แม้ทำได้แต่ก็จะโดนเรื่องอื่นๆ กลบ อย่างเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เรื่องจะขุดก๊าซร่วมกันในรัฐบาลนี้ ก็เหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าจะมีแต่คนพูดว่าจะยกทรัพยากรให้กัมพูชาอีกแล้ว เชื่อได้เลยว่ามันจะมีคนพูดแบบนี้</p><p>สุภลักษณ์ ยกตัวอย่างหลังมีกรณีพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร (ปี 2554) ความคืบหน้าเรื่องการปักปันเขตแดนไม่มีเลย ไม่มีใครกล้าทำ แม้ว่าศาลโลกมีคำวินิจฉัยว่าตัวปราสาทเขาพระวิหารและภูเขาเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่รอบๆ นั้นไม่ได้ตัดสิน ศาลบอกว่าให้ไปตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา หรือกรณีของปราสาทตาเมือน ถ้ามีการสำรวจปักปันเขตแดนแล้ว กลายเป็นว่าทหารฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องถอย จะต้องถูกกล่าวหาว่ายอมกัน</p><p>"เพราะฉะนั้น เจ้าหน้าที่ ทหาร กระทรวงการต่างประเทศ หรือคนที่หน้าที่ปักปันเขตแดน เขาไม่กล้าทำหรอก เพราะถ้าทำแล้วศาลอาจดำเนินคดีทำให้เสียดินแดน เขตแดน ใครจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น เป็นผม ผมก็นั่งพับเรื่องนี้จนเกษียณเลยดีกว่า" นักวิชาการอิสระ กล่าว</p><h2>เสนอรัฐบาลทำเรื่องชายแดนให้โปร่งใส</h2><p>สุภลักษณ์ มองว่า ทางออกของเรื่องนี้เหมือน 'ไก่กับไข่' คือถ้าจะแก้ไขปัญหาก็ต้องปักปันเขตแดนให้เรียบร้อย แต่การปักปันเขตแดนมันไม่เคยเกิดขึ้นได้ ถ้าความสัมพันธ์มันไม่ดี มีการตั้งแง่ตลอดเวลา วิธีที่เป็นไปได้มากกว่าคือต้องพยายามทำให้ทุกอย่างที่อยู่ระหว่างไทย-กัมพูชาโปร่งใสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราต้องทำให้เรื่องเขตแดนไม่มีความลับทางการทหาร ไม่มีความลับเรื่องความมั่นคง เขตแดนเป็นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้</p><p>สุภลักษณ์ กล่าวต่อว่า ความโปร่งใสนี้ยังรวมถึงการสื่อสารของรัฐบาล 2 ฝ่าย เรื่องกรณีของช่องบก ใครยิงก่อนยังพูดไม่ตรงกันเลย ถ้าเราเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ ประชาชนก็จะสงสัยรัฐบาลตลอดเวลา ไม่สามารถที่จะดำเนินการอะไรต่อไปได้ วิถีทางที่ดีที่สุดคือต้องค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างโปร่งใส เพื่อลดอารมณ์ความรู้สึก แต่อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าเรื่องการลดอารมณ์ความรู้สึกของสังคม ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี</p><p>"ผมเป็นรัฐบาลผมก็คงปวดหัว พูดยังไงให้คนที่เขาเกลียดเขมรเข้าใจ ไม่ต้องถึงกับรักเขาหรอก แต่มองเขาอย่างเป็นมนุษย์ ไม่ได้มาจ้องฮุบดินแดนไทยตลอดเวลา</p><p>"มันจะต้องทำความเข้าใจในมุมประชาชนด้วยเหมือนกัน วัฒนธรรมของเรามันรากเหง้าเดียวกัน แชร์กันได้ แบ่งกันได้ แต่ว่าพูดแบบนี้ก็จะมีข้อโต้แย้งว่ากัมพูชาก็ไม่เห็นมองไทยดี เฟคนิวส์ฝั่งกัมพูชาเต็มไปหมด ก็ต้องอาศัยระยะเวลาและความตั้งใจที่จะทำกันมากหน่อย" สุภลักษณ์ กล่าว</p><p>นักวิชาการด้านความมั่นคง มองว่า กรณีข้อพิพาทเกิดขึ้นได้ แต่เราต้องป้องกันอย่าให้เกิดความรุนแรง ทั้งความรุนแรงทางทหาร หรือความรุนแรงของประชาชนต่อประชาชน มันจะลุกลามไปได้ง่าย ที่ผ่านมารัฐบาลรับมือดีพอสมควร แต่อย่าทำอะไรโดยพลการ เพราะว่าที่เราเห็นช่องบกตอนนี้มันแปลกๆ คือทหารแถวนั้นกินข้าวด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอ อยู่กันคนละเนิน รู้จักกัน ผบ.หมู่ก็น่าจะรู้จักกัน แต่ทำไมลาดตระเวนมาเจอกันแล้วก็ยิงกันเลย คุณว่ามันแปลกไหม คิดว่าเรื่องนี้มันแปลก คงต้องสอบสวน ทั้ง 2 ฝ่ายต้องทำให้ชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจน เรื่องนี้จะถูกพูดไปเรื่อยๆ วิธีที่จะทำในระยะสั้นคือโปร่งใสชัดเจน ฝ่ายไหนผิดต้องยอมรับ ไม่งั้นเรื่องไม่จบ และไม่ได้รับความไว้วางใจ</p><h2>ศึกษาให้ดีก่อนนำเสนอ บทเรียนถึงสื่อด้วยกัน</h2><p>สุภลักษณ์ กล่าวว่า สื่อกระแสหลักไม่น่าห่วง ห่วงโซเชียลมีเดียมากกว่าเพราะว่ามันค่อนข้างควบคุมดูแลยาก (regulate) แต่ถ้าใครก็ตามที่สนใจเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไม่ว่าแง่มุมไหน ต้องศึกษาให้รอบด้านมากกว่านี้ ยกตัวอย่างเรื่องแผนที่ช่องบก มีคนบอกว่ามันเป็นของเมืองไทยชัดเจน แต่ถ้าศึกษาลึกลงไป เราจะพบว่ามันเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับการปักปันเขตแดนเรายังไม่ทราบ และไทย-กัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ</p><p>สุภลักษณ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีแผนที่ 3 ฉบับที่ใช้อธิบายเขตแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่</p><ol><li aria-level="1">แผนที่ที่ถูกระบุในสนธิสัญญาและ MOU ปี 2543 คือแผนที่ที่ฝรั่งเศสเป็นคนจัดทำ มาตรา 1 ต่อ 200,000 เป็นแผนที่ที่คนไทยเกลียดเอามากๆ&nbsp;</li><li aria-level="1">แผนที่ที่คนไทยถือและใช้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับการรักษาอำนาจอธิปไตยของไทย คือแผนที่ L7017 ปัจจุบันอัพเดทเป็น L7018 จัดทำโดยกรมแผนที่ทหารของไทย มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ละเอียดกว่า 1 ต่อ 200,000</li><li aria-level="1">แผนที่ที่กัมพูชาใช้เป็นแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 100,000 ซึ่งหยาบกว่าของไทยอยู่</li></ol><p>สุภลักษณ์ เชื่อว่า ถ้าเราลองเอาแผนที่ 3 แบบมาเทียบกัน เส้นเขตแดนไทยไม่มีทางตรงจนกว่ามันจะได้รับการสำรวจ วิธีการสำรวจมีขั้นตอนเยอะแยะมาก โดยเริ่มตั้งแต่การเอาแผนที่มาดู ตามด้วยการทำภาพถ่ายทางอากาศ การสำรวจทางเท้า และมีคนทำการศึกษาจำนวนมาก รวมถึงรายงานของรัฐสภาก็มี ดังนั้น อยากให้สื่อมวลชนทำการบ้านก่อนที่จะมีการรายงานต่อสาธารณะ</p><h2>ไม่รายงานข่าวแบบ 'ผู้รักชาติ'</h2><p>ข้อคิดจากสุภลักษณ์ อีกประการถึงสื่อมวลชน คือ อย่าเชื่อแหล่งข่าวคุณ 100% เพราะว่าทหารไทย-เขมรมีแนวโน้มที่จะไม่พูดความจริง เพราะเขาต้องสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ลั่นกระสุนได้ อันนี้เป็นเทคนิคทางการทหาร เราต้องเข้าใจเกมทางการทหารก่อน ปกติคนที่ลั่นไกก่อนเป็นคนที่เสียความชอบธรรม เพราะฉะนั้น เขาจะบอกว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายยิงก่อนเสมอ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำสงคราม หน้าที่ของสื่อเราต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน อย่าผลีผลาม ถ้าทำอะไรไม่ได้เลยให้เราฟังทั้ง 2 ฝ่าย เพราะว่าเราไม่สามารถรายงานเรื่องนี้อย่าง 'ผู้รักชาติ' ได้ ซึ่งพูดไปอาจจะขัดกับสามัญสำนึกของคนจำนวนมาก</p><p>"ถ้าคุณรักชาติมาก คุณมีปัญหาแน่ๆ เลยในวิชาชีพของคุณ เพราะงั้นเราไม่อาจจะรายงานเรื่องความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านอย่างผู้รักชาติได้ มันต้องรายงานอย่างมืออาชีพ ฝ่ายไทยรายงานอย่างนี้ ฝ่ายกัมพูชาว่าอย่างไร มันต้องรีบรายงาน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหก เพราะมีคนพูดไม่ตรงกัน เราต้องหาบุคคลที่ 3 มาช่วยอธิบาย เพื่อให้คนอ่านไม่ตัดสินบนอคติ</p><p>"ผมเคยโดนผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงการต่างประเทศ ในกองทัพ ด่าว่านักข่าวไทยภาษาอะไร รายงานข่าวเข้าข้างเขมร ผมต้องยืนยันว่า เรารายงานอย่างมืออาชีพ ในเวลาที่เราทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้านเราไม่อาจจะยืนอยู่ข้างประเทศของเราว่าถูกต้องเสมอไป หลักฐานมันคืออะไร เราก็ต้องรายงาน มันเป็นเรื่องสำคัญ" สุภลักษณ์ ทิ้งท้าย</p><div class="note-box"><h2>ฮุน มาเนต เสนอประชุมด่วน ปักปันเขตแดนอีกครั้ง - เสนอส่งศาลโลกแก้ปัญหา</h2><p>หลังจากการปะทะที่ช่องบก เมื่อ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา (https://www.facebook.com/photo?fbid=1104738958144718&amp;set=a.661952892423329) เผยผ่านเฟซบุ๊กเมื่อ 1 มิ.ย. 2568 ว่า เขามีคำสั่งให้คณะกรรมการ JBC ดำเนินการปักปันเขตแดนร่วมกันอีกครั้ง และเตรียมข้อมูลยื่นให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดน สามเหลี่ยมมรกต ใกล้บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด รวมถึงปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์</p><p>สำหรับ ข้อพิพาทกรณีของกลุ่มปราสาทตาเมือน อยู่บนแนวภูเขาบรรทัด กิ่งอำเภอพนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นกลุ่มปราสาทหิน 3 องค์ ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทเมืองธม และปราสาทตาเมือน ตั้งคร่อมสันปันน้ำ</p><p>ข้อมูลจากเอกสารประกอบการพิจารณา (อ.พ. 4/2551) การประชุมร่วมกันสมัยสามัญนิติบัญญัติ สภาผู้แทนราษฎรไทย อ้างรายงาน "สำรวจุดพิพาทเขตแดนไทย-เขมรพื้นที่ซับซ้อน บก-ทะเล" เผยแพร่ในเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 18 ก.ค.2551 ซึ่งสังเขปเนื้อหาจาก "จุลสารความมั่นคงศึกษา ฉบับที่ 38 (2551) ที่ระบุว่า ไทยและกัมพูชาเคยมีการประชุมของเจ้าหน้าที่เทคนิค นำโดยประชา คุณะเกษม ที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ฝ่ายไทย และ วาร์ กิมฮง ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาด้านกิจการชายแดน ในฐานะประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา ในปี 2544 ฝ่ายไทยได้เสนอว่าจะให้จัดชุดร่วมทำการเดินตรวจสอบแนวสันปันน้ำในภูมิประเทศบริเวณปราสาท เพื่อพิสูจน์ทราบตำแหน่งประสาททั้ง 3 หลัง โดยยึดถือตามแนวสันปันน้ำต่อเนื่องในภูมิประเทศเป็นเส้นเขตแตน</p><p>แต่ฝ่ายกัมพูชา อ้างว่าได้เดินตรวจสอบตำแหน่งของปราสาททั้ง 2 หลัง (ตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด) ประกอบกับหลักฐานบันทึกว่าจากการปักในเขตแดน หมายเลขที่ 23 ระหว่างไทย-ฝรั่งเศส ปี 2451 แสดงสัญลักษณ์ตัวปราสาท 2 หลังอยู่ในเขตกัมพูชา</p><p>ขณะที่ของประเทศไทย อ้างเช่นกันว่า แผนที่ชุด L7017 มาตราส่วน 1: 50,000 ปี 2527 ที่ฝ่ายไทยยึดถือ และแผนที่ชุด L7016 มาตราส่วน 1: 50,000 ปี 2514 จัดทำโดยสหรัฐอเมริกาที่ฝ่ายกัมพูชายึดถือ ปรากฏเส้นเขตแดนตรงกันคือ ตัวปราสาทตาเมือนธม อยู่ในเขตกัมพูชา และอีก 2 ปราสาท (ตาเมือนโต๊ด, ตาเมือน) อยู่ในเขตไทย</p><p>อย่างไรก็ตาม การสำรวจ MOU2543 ยังไม่แล้วเสร็จ พื้นที่ก็ยังถูกปล่อยไว้ สถานะปัจจุบันคือให้ทหารคงอยู่ฝ่ายละ 5 คน</p></div><p>&nbsp;</p></div>
      <div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C" hreflang="th">สัมภาษณ์[/url]</li>
      </ul>
</div> <!--/.node-taxonomy-container -->
<div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" hreflang="th">การเมือง[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8" hreflang="th">ต่างประเทศ[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%87" hreflang="th">ความมั่นคง[/url]</li>
      </ul>
</div> <!--/.node-taxonomy-container -->
<div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5" hreflang="th">สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2" hreflang="th">กัมพูชา[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2" hreflang="th">ไทย[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99" hreflang="th">ข้อพิพาทชายแดน[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99" hreflang="th">ปราสาทตาเมือน[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A1" hreflang="th">ปราสาทตาเมือนธม[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%8A%E0%B8%94" hreflang="th">ปราสาทตาเมือนโต๊ด[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1" hreflang="th">ชาตินิยม[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5" hreflang="th">อุบลราชธานี[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C" hreflang="th">สุรินทร์[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B3" hreflang="th">ชนชั้นนำ[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E" hreflang="th">กองทัพ[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AE%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%95" hreflang="th">ฮุน มาเนต[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AE%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99" hreflang="th">ฮุน เซน[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93-%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3" hreflang="th">ทักษิณ ชินวัตร[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%99" hreflang="th">สื่อมวลชน[/url]</li>
      </ul>
</div> <!--/.node-taxonomy-container -->

 

http://prachatai.com/journal/2025/06/113148