|
หัวข้อ: วัดเลขธรรมกิตติ์ ต.บางอ้อ อ.บ้านนา จ.นครนายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 กันยายน 2568 15:06:41 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/51233227012885_1_Copy_.jpg) "พระพุทธเลขธรรมกิตติมหามงคล" พระประธานในอุโบสถวัดเลขธรรมกิตติ์ จังหวัดนครนายก ซึ่งได้อัญเชิญมาจากโบสถ์ปรกโพธิ์มาประดิษฐานในอุโบสถใหม่เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่พุทธศาสนิกชน วัดเลขธรรมกิตติ์ ตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก วัดเลขธรรมกิตติ์ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครนายก ในตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก มีพื้นที่ ๒๕ ไร่ ๒ งาน ๗๔ ตารางวา วัดเลขธรรมกิตติ์ มีความหมายว่า "วัดมีเกียรติด้วยธรรมอันจารึกไว้แล้ว" เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมมีชื่อว่า วัดบางอ้อนอก ว่ากันว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยเสด็จทางชลมารคและขึ้นมาประทับเพื่อเสวยพระกระยาหารที่วัดแห่งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่าตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๓ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ อุโบสถหลังเก่าสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ โดยเจ้าอาวาสในสมัยนั้น และมีคุณปู่เผือกและคุณย่าลำภูเป็นผู้อุปถัมภ์ในการก่อสร้างอุโบสถหลังนี้ มีสภาพหลงเหลือเพียงผนังบางส่วนและซุ้มประตูอุโบสถที่ถูกปกคลุมด้วยรากและต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ผนังฝั่งหนึ่งหลงเหลือหน้าต่างสองบาน มีรากไม้ขนาดใหญ่เลื้อยคลุมโดยรอบ ด้านในอุโบสถเก่ามีศาลาเล็ก ๆ ประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนอุโบสถหลังใหม่สร้างทดแทนหลังเดิมสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/27547368490033_11_Copy_.jpg) ประวัติพระอุโบสถ วัดเลขธรรมกิตติ์ มีผู้เล่าว่า พระอุโบสถหลังนี้สร้างสมัยที่หลวงปู่นุช เป็นเจ้าอาวาส คาดว่าเป็นช่วงก่อนล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ เสด็จแวะพักที่วัดเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๑ เพราะเท่าที่จำได้ เมื่อครั้งที่พระอุโบสถยังมีสภาพที่ดี ที่ซุ้มประตูกำแพงแก้วมีลายปูนปั้น มีข้อความว่า ร.ศ.๑๒๗ ซึ่งตรงกับปีที่เสด็จ สำหรับหัวหน้าที่สร้างโบสถ์หลังนี้มีอยู่หลายคน ที่พอระบุได้คือ ปู่เผือกและย่าลำพู ซึ่งเป็นคหบดีและคหปตานี ในตำบลนี้ เล่ากันว่าเมื่องฝังลูกนิมิต ลำพูมีศรัทธามาก ถึงกับถอดสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน บรรจุในหลุมนิมิต และเล่ากันอีกว่า เคยมีพระบางรูปเข้าไปท่องหนังสือในอุโบสถแล้วเผลอหลับไปฝันเห็นสาวสวยห่มผ้าสไบอยู่ในโนโบสถ์วัดเลขธรรมกิตติ์ (วัดบางอ้อนอก) ความเป็นมา : เล่ากันว่าช่างที่ก่อสร้างเป็นคนจีน ชื่อเจ๊กลิ้ม มาจากอยุธยา (ต่อมาแต่งงานกับนางอยู่ แม่ยายอดีตกำนันตำบลบางอ้อ) ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ เพราะรูปทรงลวดลายของพระอุโบสถเป็นศิลปะผสมไทย – จีน ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ ๓ – รัชกาลที่ ๕ ช่อฟ้าเป็นปูนปั้นรูปหัวมังกร แทนที่จะเป็นนาคเหมือนอุโบสถทั่วไป ส่วนหน้าบันไดทั้งสองนั้นเป็นปูนปั้นเครือเถาสไตล์จีน ตรงกลางมีช้าง ๓ เศียร ข้างช้างมีกิเลน (สัตว์ในเทพนิยายจีน ตัวเป็นมังกรหัวเป็นม้า) เกาะอยู่ที่ช้าง ๒ ข้าง ด้านบนของช้าง ๓ เศียรเป็นเจดีย์ เหนือขึ้นไปเป็นดอกบัวบาน ทำคล้ายรูปพัดซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนประตูและหน้าต่างเป็นไม้หนาแผ่นเดียวไม่มีลวดลาย โดยสภาพแล้วเป็นโบสถ์ที่มีลักษณะเรียบง่ายไม่โดดเด่นนัก เพราะใช้ช่างพื้นบ้าน แต่ทรงคุณค่าทางจิตใจ ใช้ประโยชน์คุ้มค่ามาหลายสิบปี เป็นที่น่าเสียดายว่าพระอุโบสถหลังเดิมสร้างอยู่บนพื้นที่อ่อนเป็นเลน (ในสมัยโบราณบริเวณบางอ้อคงจะเป็นทะเลมาก่อนแล้วตื้นเขิน) ประกอบกับฐานพระอุโบสถเดิมเป็นแท่นสี่เหลี่ยม ด้านหน้าและด้านข้างเป็นปูนปั้นสด จึงอยู่ในสภาพชำรุดเสียหายตามกาลเวลา จนไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ ปัจจุบันพระประธานได้ย้ายไปประดิษฐานที่อุโบสถหลังใหม่แล้ว (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/90854325352443_7_Copy_.jpg) วัดเลขธรรมกิตติ์
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/59071683718098_4_Copy_.jpg) อุโบสถหลังใหม่วัดเลขธรรมกิตติ์ จ.นครนายก (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/15880189629064_9_Copy_.jpg) ประตูกาลเวลา โดยการนำฝาเฟี้ยม กุฏิเรือนไทยไม้เก่าแก่ของวัดมาวางตั้งโชว์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/94272979638642_10_Copy_.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/96743946770826_2_Copy_.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/60739909567766_12_Copy_.jpg) |