หัวข้อ: เจตนามี กรรมมา...เจตนาไม่มา กรรมไม่มี เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 06 มิถุนายน 2553 22:30:18 (http://4.bp.blogspot.com/_VihO9mhErbk/SjP0dgeQQSI/AAAAAAAAAGQ/xbdOA-Sjf7E/s400/white+lotus.jpg) เจตนามี กรรมมา...เจตนาไม่มา กรรมไม่มี กรรม...... ที่แท้จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 2 ประการคือ... หลักเกณฑ์ข้อที่ 1. 'ผู้ทำมีเจตนา' มีหลักการที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในนิพเพธิกสูตร ฉักกนิบาต อังคุตตรนิกาย ว่า... 'เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ'...แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม... เจตนา...... ได้แก่ ความตั้งใจหรือความรับรู้ ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 อย่างคือ... 1. บุพเจตนา...เจตนาก่อนทำ 2. มุญจนเจตนา...เจตนาในเวลาทำ 3. อปราปรเจตนา...เจตนาเมื่อได้ทำไปแล้ว การกระทำโดยมีเจตนา เกิดขึ้นในตอนใดตอนหนึ่ง ถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น ส่วนการกระทำที่ไม่มีเจตนา คือใจไม่ได้สั่งให้ทำ ไม่จัดว่าเป็นกรรม เช่น คนเจ็บซึ่งมีไข้สูง เกิดเพ้อคลั่ง แม้จะพูดคำหยาบออกมา เอามือหรือเท้าไปถูกใครเข้าก็ไม่เป็นกรรม ในทางวินัยก็ยกเว้นให้ พระที่วิกลจริตซึ่งล่วงเกินสิกขาวินัย ไม่ต้องอาบัติ ทั้งนี้ก็โดยหลักที่ว่าถ้าผู้ทำไม่มีเจตนา การกระทำนั้นก็ไม่เป็นกรรม... ส่วนหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 การกระทำนั้นจะต้องให้ผลเป็นบุญหรือบาป ก็เพื่อแยก การกระทำของพระอรหันต์ ออกจากการกระทำของปุถุชนเนื่องจากพระอรหันต์ เป็นผู้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ไม่มีความยึดถือในตัวตน การกระทำเรียกว่า อัพยากฤต ไม่นับว่าเป็นกรรมดี หรือกรรมชั่ว บุญและบาปไม่มี การกระทำของพระอรหันต์ จึงไม่เรียกว่า กรรม...แต่เรียก กิริยา... ส่วนปุถุชน ยังมีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนอยู่ จะทำอะไรก็ยังยึดถือ ว่าตนเป็นผู้กระทำ 'การกระทำ' ของปุถุชน..จึงเป็นกรรม ย่อมจะก่อให้เกิดวิบาก หรืิอผล..เสมอ.... 'กรรมดี'...ก็ก่อให้เกิด...บุญ... 'กรรมชั่ว'...ก็ก่อให้เกิด...บาป... ~~พระธรรมสิงหบุราจารย์~~ หลวงพ่อจรัญ จิตธัมโม (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ZUqrfd6y85TiEM:http://www.palungjit.com/buddhism/gallery/data/557/P-03.jpg) (:88:) : http://www.tamdee.net/main/read.php?tid-522.html (http://www.tamdee.net/main/read.php?tid-522.html) อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ |