|
หัวข้อ: วิลเฮ็ล์ม ค็อนราท เรินท์เกิน นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 29 กันยายน 2568 11:25:33 (https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/71/Roentgen2.jpg/800px-Roentgen2.jpg) วิลเฮ็ล์ม ค็อนราท เรินท์เกิน นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ วิลเฮ็ล์ม ค็อนราท เรินท์เกิน (เยอรมัน: Wilhelm Conrad Röntgen) เป็นนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ประจำมหาวิทยาลัยเวือทซ์บวร์ค ผู้ค้นพบและสร้างรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นขนาดที่รู้จักในปัจจุบันว่า รังสีเอกซ์ (X-rays) หรือรังสีเรินท์เกิน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 1895 ความสำเร็จที่ทำให้เรินท์เกินได้รับรางวัลโนเบล ในปี 1901 เรินท์เกินได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ซึ่งเป็นรางวัลแรกสุด รางวัลนี้ให้อย่างเป็นทางการเพื่อ "เป็นการรับรู้และยกย่องในความวิริยอุตสาหะที่เขาได้ค้นพบรังสีที่มีความสำคัญและได้รับการตั้งชื่อตามเขานี้" เรินท์เกินได้บริจาครางวัลทีได้รับให้แก่มหาวิทยาลัยที่เขาสังกัด และได้ทำเช่นเดียวกับที่ ปีแยร์ กูว์รี ได้ทำบ้างในหลายปีต่อมา คือการปฏิเสธไม่ถือลิขสิทธิ์ในสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่สืบเนื่องมาจากผลงานที่เขาค้นพบด้วยเหตุผลทางจริยธรรม เรินท์เกินไม่ยอมแม้แต่จะให้ใช้ชื่อเขาเรียงรังสีที่เขาเป็นผู้ค้นพบ อย่างไรก็ดี ในปี 2004 IUPAC ได้ตั้งชื่อธาตุใหม่ว่า "เรินท์เกินเนียม" (Roentgenium) เพื่อเป็นเกียรติแก่เรินท์เกิน เรินท์เกิน ที่สะกดในภาษาเยอรมันว่า "Röntgen" มักสะกดเป็นภาษาอังกฤษโดยทั่วไปว่า "Roentgen" ดังนั้น ในเอกสารวิชาการและการแพทย์เกือบทั้งหมดจึงใช้คำสะกดว่า "Roentgen" เรินท์เกิน เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1845 ที่เมืองเล็นเน็พ ปัจจุบันอยู่ในแคว้นเร็มส์ไชด์ ราชอาณาจักรปรัสเซีย, ประเทศเยอรมนี บิดามารดาเป็นช่างตัดเย็บเส้อผ้า ต่อมาได้ย้ายครอบครัวไปตั้งรกรากที่เอเปลดูร์น ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อเรินท์เกินอายุได้ 3 ขวบ เรินท์เกินได้รับการศึกษาขั้นต้นที่สถาบันแห่งมาร์ตินุส เฮอร์มัน ฟาน เดอร์ดูร์น ต่อมาได้เข้าเรียนในสถาบันเทคนิคอูเทรชต์ ที่ซึ่งเขาถูกไล่ออกจากสถาบันเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเขียนภาพล้ออาจารย์คนหนึ่ง ซึ่งเรินท์เกินไม่เคยยอมรับว่าเป็นผู้เขียน ในค.ศ. 1865 เรินท์เกินพยายามสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอูเทรชต์โดยไม่มีเอกสารหลักฐานที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาปกติแต่ไม่ได้รับการรับเข้าเรียน ต่อมาเรินท์เกินทราบว่าที่สถาบันสารพัดช่างในซือริช (ปัจจุบันคือสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิส ซือริช ที่มีชื่อเสียง) รับนักศึกษากรณีนี้เข้าเรียนได้โดยการสอบ เขาจึงเริ่มการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยสาขาวิศวกรรมเครื่องกล ในปี 1878 เรินท์เกินจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยซือริชแห่งนี้ ในปี 1867 เรินท์เกินเข้าทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยสตราสบวร์ก และในปี 1871 ได้เป็นศาสตราจารย์ในสถาบันเกษตรศาสตร์ที่ฮอเฮนไฮม์ เวิร์ทเตมเบิร์ก เรินท์เกินได้กลับไปเป็นศาสตราจารย์สาขาวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยสตราสบวร์กอีกครั้งหนึ่งเมื่อ 1876 และในปี 1879 เรินท์เกินได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยไกส์เซน ต่อในปี 1888 ย้ายไปรับตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเวิร์ซเบิร์ก และอีกครั้งที่มหาวิทยาลัยมิวนิกในปี 1900 โดยคำขอของรัฐบาลบาวาเรีย เรินท์เกินมีครอบครัวอยู่ในประเทศสหรัฐ ที่รัฐโอไฮโอ ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะย้ายไปตั้งรกรากที่นั่น เรินท์เกินได้ยอมรับการแต่งตั้งที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ก และได้ซื้อตั๋วเรือไว้แล้ว แต่การระเบิดของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้แผนการนี้เปลี่ยนไป เรินท์เกินตกลงอยู่ในมิวนิกต่อไปและได้ทำงานที่นี่ไปตลอดชีวิต เรินท์เกินถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1923 (77 ปี) ที่เมืองมิวนิก สาธารณรัฐไวมาร์ จากโรคมะเร็งเยื่อบุช่องท้อง มีการพูดกันว่าเรินท์เกินเสียชีวิตจากการได้รับรังสีเอกซ์เรย์ แต่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการเกิดโรคมะเร็งนี้เป็นผลมาจากการรับรังสีเอกซ์เรย์ ทั้งนี้เนื่องจากการค้นคว้าวิจัยในส่วนที่เรินท์เกินต้องเกี่ยวข้องกับรังสีโดยตรงและมากมีช่วงเวลาสั้น และเรินท์เกินเองยังเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรก ๆ ที่เป็นผู้นำในการใช้ตะกั่วเป็นโล่ป้องกันอย่างสม่ำเสมอ (https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/fb/X-ray_by_Wilhelm_R%C3%B6ntgen_of_Albert_von_K%C3%B6lliker%27s_hand_-_18960123-02.jpg) ภาพรังสีเอกซ์ (ภาพรังสี) มือของอัลเบิร์ต ฟอน โคลลิเคอร์ ถ่ายโดยเรินท์เกิน |