[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สยาม ในอดีต => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 13 ตุลาคม 2568 14:46:14



หัวข้อ: “เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ข้าพเจ้า ได้เห็นพ่อทรงพระกันแสง”
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 13 ตุลาคม 2568 14:46:14

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/7/76/Queen_Saovabha_Phongsri_Queen_mather_of_Siam.jpg)

“เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ข้าพเจ้า ได้เห็นพ่อทรงพระกันแสง”
-------------------------


พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระราชนัดดา (หลานย่า) พระองค์แรกในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินาถฯ ทรงบันทึกไว้ว่า

“…ข้าพเจ้าคงไปนอนค้างที่พญาไททุก ๆ คืนวันเสาร์เวลาโรงเรียนเปิด เมื่อข้าพเจ้าไปถึงตอนค่ำวันเสาร์ที่ ๑๘ ตุลาคม มีผู้บอกว่าย่าไม่สู้จะทรงสบาย ขออย่าให้พวกเราเด็ก ๆ ทำเสียงเอ็ด

ครั้นข้าพเจ้าเข้าไปนอนเบื้องหลังพระแท่น ท่านก็บรรทมหลับอยู่ เมื่อข้าพเจ้าออกมาจากห้องบรรทม ในเวลาเช้าวันอาทิตย์ก็ยังบรรทมหลับ จึงมิได้ทูลลา พอข้าพเจ้ากลับถึงบ้าน พ่อถามว่าสมเด็จย่าทรงเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าก็ทูลว่าไม่สู้จะทรงสบาย ทั้งพ่อและข้าพเจ้าก็ไม่ตกใจเป็นพิเศษอย่างใด เพราะย่าท่านไม่ทรงสบายอยู่บ่อย ๆ อย่างที่เราเรียกกันว่า สามวันดีสี่วันไข้

ฉะนั้นเมื่อวันรุ่งขึ้นวันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๖๒ ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียนตามธรรมดา เวลาที่ข้าพเจ้ากำลังกินอาหารกลางวันอยู่ที่โรงเรียน โดยนั่งที่โต๊ะพิเศษของวังพญาไทตามธรรมดา มหาดเล็กของพ่อคือปลัดกรมพ่วง ขุนมาตย์หริภุญไชย (พ่วง จุลเสวก) ได้เดินเข้ามาหาข้าพเจ้าสีหน้าดูบึ้งตึง เครียดผิดธรรมดา

มาบอกกับข้าพเจ้าว่าทูลกระหม่อมรับสั่งให้เชิญฝ่าบาทเสด็จกลับวัง เดี๋ยวนี้ แล้วก็ไม่แถลงเหตุผลอย่างไร แต่แรกข้าพเจ้าก็ตกใจ นึกว่าตนไปทำความผิดอย่างร้ายกาจอย่างใดเข้าแล้ว พ่อคงจะกริ้วมาก ถึงกับจะต้องทรงเอ็ดทันที จะรอจนตอนค่ำก็ไม่ได้

ครั้นถึงวังปารุสก์พอลงจากรถยนต์ก็แลเห็นมหาดเล็กยืนหน้ายิ่งกันอยู่เป็นอันมาก และทุกๆ คน มีผ้าพันแขนดำไว้ทุกข์ ไม่ต้องมีใครบอกข้าพเจ้าอย่างใด ก็เดาได้ทันทีว่าข้าพเจ้าสิ้นย่าของข้าพเจ้าเสียแล้ว

ของอันไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าขึ้นไปยังห้องของข้าพเจ้าชั้นบน พบชมกำลังร้องให้อยู่ และชมบอกว่าย่าสวรรคตเสียแล้ว ข้าพเจ้าตะลึง ใจอัดอั้นตัวชาไปหมดแต่นัยน์ตาแห้ง รู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้ จึงเอนตัวลงนอนนิ่งอยู่บนเก้าอี้ยาว

ราวสองชั่วโมงภายหลังพ่อจึงเสด็จกลับ ข้าพเจ้าวิ่งไปรับเสด็จที่หัวบันไดชั้นบนตามเคย เสียงรองพระบาทกับเดือยยังหนักแน่นอยู่ตามเคย

ครั้นถึงชั้นบนพอแลเห็นข้าพเจ้าเข้าท่านก็ผวาเข้าหา ทรงกอดข้าพเจ้าเข้าไว้พลางทรงกันแสงอย่างรุนแรง ข้าพเจ้าก็เลยพลอยร้องไห้โฮใหญ่ คราวนั้นจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ข้าพเจ้าได้เห็นพ่อทรงพระกันแสง

ค่ำวันนั้นเราไปที่พระบรมมหาราชวังในการสรงน้ำพระบรมศพ ซึ่งได้ถูกเชิญไปที่นั่นจากวังพญาไท ห้องสรงน้ำพระบรมศพนั้น ก็คือห้องน้ำเงินที่ข้าพเจ้าเคยกินอาหารเมื่อไปอยู่กับย่าที่ในวังหลวง คนที่ไปในงานแต่งเต็มยศทั้งสิ้น เมื่อไปถึงนั้นพระบรมศพอยู่ในห้องบรรทม ในไม่ช้าก็หามท่านออกมา
ที่ห้องน้ำเงิน โดยใช้พระเก้าอี้หามซึ่งเคยใช้มาเมื่อยังทรงมีพระชนม์อยู่

พระบรมศพทรงดำอย่างที่ท่านได้ทรงไว้ทุกข์ทูลหม่อมปู่เรื่อยมาๆ เขาคลุมพระพักตร์ด้วยแพรดำอันบาง เมื่อวางพระบรมศพลงบนพระแท่นจึงเลิกผ้าออก ดูย่าเหมือนบรรทมหลับอยู่แต่ดูทรงงามกว่าธรรมดาอีก พิธีสรงน้ำและบรรจุในพระบรมโกศก็เป็นไปตามธรรมดา ข้าพเจ้าจำได้ว่าทูลหม่อมลุงนั้นพระพักตร์แดงก่ำเข้ากับสีฉลองพระองค์เต็มยศแดงทหารมหาดเล็ก เนื่องด้วยย่าเป็นสมเด็จพระพันปีจึงไม่มีใครรดน้ำที่พระหัตถ์ในพิธีนั้น รดที่พระบาทกันทั้งสิ้น

ข้าพเจ้าจำได้ว่าทรงรองพระบาทหนังดำมัน พอถึงที่ข้าพเจ้าก็ดูเปียกโชก ข้าพเจ้าใจคอตื่นต้นหมดเมื่อถึงเวลารดน้ำ อดร้องไห้น้ำตาไหลไม่ได้ ทั้งรู้สึกแปลกที่ต้องถวายบังคมพระบรมศพสามทีแทนการหมอบกราบย่าอย่างเร็วๆ

ข้าพเจ้าได้เห็นพิธีบรรจุพระบรมโกศตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกหวาดเสียวและสังเวชใจอย่างยิ่งในเรื่องการมัดและคลุมพระบรมศพ แต่ต้องขออย่าว่าเจ้าหน้าที่ภูษามาลา เขาพยายามตั้งอกตั้งใจทำด้วยความเคารพและละมุนละม่อมที่สุด

ทูลหม่อมลุงในฐานเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ได้หวีพระเกษา พอเขาเอาหน้ากากทองสวมพระพักตร์ก็เป็นอันแน่ว่าจะไม่ได้เห็นพระพักตร์อันเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณาอันสดชื่นนั้นอีกต่อไปในชีวิตนี้

เมื่อบรรจุลงพระลองเงินแล้วนายทหารมหาดเล็กก็เชิญไปยังพระราชยาน ทูลหม่อมอาเอียดกับพ่อประคองพระโกศ ทูลหม่อมลุงและคนอื่น ๆ ตามแห่กระบวนน้อยไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสียงปี่ชวา แตรฝรั่ง กลองชนะ ดังวังเวงจับใจอย่างหาคำใดจะมาอธิบายได้ยาก

พระบรมศพได้ตั้งประดิษฐานอยู่ที่ดุสิตมหาปราสาท มีพระบรมโกศทองใหญ่ประกอบ มีเศวตฉัตร ๗ ชั้น ของพระบรมราชินีแขวนอยู่เบื้องบน มีฉัตรพัดใหญ่น้อยตั้งวางรอบข้างมณฑปตามพระเกียรติยศ นับตั้งแต่วันนั้นก็มีการทำบุญทุก ๆ ๗ วัน มีทำบุญ ๕๐ วันและ ๑๐๐ วัน

ตามธรรมดาทูลหม่อมลุงเสด็จทุกครั้ง และแม้ตามหมาย กรมวังจะบ่งว่าต้องแต่งครึ่งยศหรือเต็มยศ ทูลหม่อมลุงทรงผ้าขาวในฐานเป็นลูกทุก ๆ คราว

ในระหว่างที่พระบรมศพตั้งอยู่ที่ดุสิตมหาปราสาท ข้าพเจ้าได้คุยกับภูษามาลาเป็นอันมาก จึงได้เล่าเรียนถึงขนบธรรมเนียมต่าง ๆ และได้เรียนถึงว่าโกศชนิดไหนสำหรับเจ้านายชั้นใด

ในที่สุดก็ได้มีการถวายพระเพลิงพระบรมศพที่พระเมรุท้องสนามหลวงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ทำเป็นการใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทูลหม่อมปู่สวรรคต ราว ๑๐ ปีก่อนนั้น พระเมรุนั้นเสด็จปู่นริศฯ ได้ทรงออกแบบอย่างงดงาม

ในงานพระเมรุคราวนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นพระมหาพิชัยราชรถที่ใช้เชิญพระบรมโกศ ทั้งราชรถอีกสามคันสำหรับพระอ่านพระธรรม ทูลหม่อมอาเอียดทรงโปรยดอกไม้เงินทอง พ่อทรงชักพระบรมศพ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ข้าพเจ้าได้เห็นพ่อทรงมงกุฎงานถวายพระเพลิง

มีเหตุที่ทูลหม่อมลุงกับพ่อทรงขัดกันอีก ทูลหม่อมลุงทรงเห็นว่างานถวายพระเพลิงนั้น เมื่อจบเป็นพิธีในตอนเย็นแล้วก็ควรจะจบกัน ใคร ๆ ควรกลับบ้าน เหลือแต่ภูษามาลาซึ่งเมื่อเขาชักม่านปิดพระเมรุแล้วเขาก็จัดการถวายพระเพลิงจริงตามลำพังของเขา

พ่อไม่ทรงเห็นเช่นนั้นทรงเห็นว่าญาติที่สนิทเช่นลูกหลานควรจะกลับไปดูการถวายพระเพลิงจริง ๆ อีก

ทูลลหม่อมลุงตกลงพระทัยว่าจะไม่เสด็จ ไม่ต้องด้วยพระราชนิยม แต่พ่อก็ยังจะเสด็จจนได้ ไปทรงกางเต็นท์ทหารบกบรรทมอยู่ตลอดคืน น้อง ๆ ของท่าน คือ ทูลหม่อมอาทั้งสามพระองค์ก็เสด็จด้วยรวมทั้งเสด็จปู่สวัสดิ์และข้าพเจ้าด้วย

ครั้นย่าสวรรคตแล้ว พ่อก็เลยตกลงจะทำให้แตกหักกันเสียเลย ท่านไปรับเอาท่านหญิงชวลิตฯ มาอยู่เป็นชายาที่วังปารุสก์ ในจดหมายเหตุรายวันที่ตกมาอยู่ในอารักขาของข้าพเจ้า ท่านทรงอ้างว่าสำหรับเจ้านายนั้น การเสกสมรสตามกฎหมายไม่เป็นของจำเป็น ทรงอ้างว่าทูลหม่อมปู่กับย่าก็มิได้เคยทรงทำพิธีเสกสมรสหรือจดทะเบียนอย่างใดเลย ถึงกระนั้นย่ายังได้เป็นสมเด็จพระบรมราชินีได้ ท่านหญิงชวลิต ฯ ก็ย่อมเป็นชายาของท่านได้ โดยไม่มีพิธีเสกสมรสเช่นเดียวกัน

การที่ท่านหญิงชวลิต ฯ มาอยู่วังปารุสก์มิได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของข้าพเจ้าอย่างใด ท่านหญิงชวลิตฯ มิได้เข้าครอบครองการดูแลวังอย่างใดเลย พ่อได้ทรงควบคุมการดูแลบ้านทรงทำบัญชีเองทุก ๆ วัน เช่นเดียวกับเมื่อแม่ไม่อยู่…”



ที่มา เพจ Thai Classic
      "เกิดวังปารุสก์"
      พระนิพนธ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
      จากหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ออนไลน์)