[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 02 มกราคม 2555 16:55:11



หัวข้อ: ตัดต่อเวร
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 02 มกราคม 2555 16:55:11
(http://www.seesod.com/storage37/ZMBRhCHDOj1312445238/l.jpg)

(http://lh6.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TBr_4TvayfI/AAAAAAAABD0/ny96kFM6Zak/1276500000.gif)

(http://image.ohozaa.com/i/273/ICDcF.gif)




เวรที่ยืดเยื้อ เริ่มต้นจากเวรที่อภัยได้แล้วไม่อภัย !

ถ้ามีประสบการณ์ทำนองนี้นะครับ
ประมาณว่ามีเรื่องนิดเดียว
แต่รู้สึกผูกใจเจ็บเหลือเกิน อภัยกันไม่ได้
มองหน้ากันไม่ติดถาวร
กรณีแบบนี้สันนิษฐานได้ว่ามีเหตุอยู่สองแบบ

แบบแรกคือรู้จักกันไม่เท่าไหร่แต่คาดหวังมากไปหน่อย
พอผิดหวังแบบทำให้เสียความรู้สึก
ความรู้สึกที่เสียไปเลยถอนความคาดหวังไปทั้งยวง
เกิดอาการสวิงจากคาดหวังมากเป็นผิดหวังมาก
แปรความรู้สึกบวกเป็นอารมณ์ลบอย่างแรงต่อกันไปเลย

แบบที่สองมีเบื้องหลังที่ลึกลับ
อธิบายด้วยเหตุผลธรรมดาไม่ได้ด้วยวิธีใด ๆ
แค่สบตากันเหมือนมีไฟนรกประทุ
ทำให้นึกถึงคำว่าแค้นข้ามชาติขึ้นมาได้
หลังจากนั้น ไม่ว่าฝ่ายไหนจะทำอะไร
อีกฝ่ายเป็นต้องรู้สึกขัดหูขัดตา ไม่ชอบใจไปหมด

ถ้าเจอประสบการณ์แบบที่สองนะครับ
คุณอาจเจอ "เวรที่ยืดเยื้อ" ของจริงเข้าให้แล้ว
ประเภทสบตาปุ๊บเป็นศัตรูกันปั๊บนี่
ยากเหมือนกันครับที่จะหาเหตุดี ๆ มาทำให้รู้สึกเป็นมิตรกันได้
ต่างฝ่ายต่างลืมไปแล้วว่าเคยผูกใจเจ็บแค้นเรื่องใดกันมา
จึงไม่ทราบจะย้อนกลับไปอภัยกันให้ถูกเรื่อง ถูกประเด็น
เห็นแต่ว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆในชาตินี้ก็เป็นชนวนให้อยากตีกันแล้ว

เมื่อเกิดเวร รีบตัดเวรเสียแต่เนิ่นๆแหละดี
เพราะเวรเป็นของสั่งสมกำลังให้พอกพูนได้
เริ่มจากเรื่องขี้หมา พัฒนาเป็นศึกชนช้างได้ทันในช่วงชีวิตเดียว

หลายคนมักบ่นว่าให้อภัยแล้ว
แต่ช่วยไม่ได้ที่ใจมันอาฆาตไม่เลิก
อันนี้ก็อาจเอาปัญญาทางพุทธเข้ามาช่วย
เห็นให้ได้ว่าโดยความรู้สึกแล้ว
เราอาจเหมือนมีสองใจสู้กันเอง
ใจหนึ่งพยายามคิดอภัย
แต่อีกใจกลับอยากผูกอาฆาตไม่เลิก

ตรงนี้ให้บอกตัวเองว่า "จิตไม่ใช่ตัวตนของเรา"
ถ้าเป็นตัวตนของเรา เราคงบังคับได้
เมื่อมองอย่างนี้บ่อยเข้า ผ่านเดือนผ่านปีจนรู้สึกเห็นจริงเห็นจัง
ก็จะเลิกโทษตัวเอง
เห็นเป็นเรื่องของจิตที่ต้องเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง
ตามธรรมดาของอนัตตา


หัวข้อ: Re: ตัดต่อเวร
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 02 มกราคม 2555 16:57:42
(http://www.seesod.com/storage37/ZMBRhCHDOj1312445238/l.jpg)

(http://lh6.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TBr_4TvayfI/AAAAAAAABD0/ny96kFM6Zak/1276500000.gif)

(http://image.ohozaa.com/i/273/ICDcF.gif)


จากนั้น เพียรเพิ่มเหตุให้จิตใส และลดละเหตุให้จิตขุ่น
การอภัยไม่ใช่เหตุเดียวที่ทำให้จิตใส
ตรงข้าม การกัดฟันฝืนอภัยดื้อๆในหลายครั้งอาจเป็นเหตุให้ขุ่นขึ้น
เพราะฝืนใจแล้วไม่รู้สึกว่าเหลือใจให้ฝืน

ตอนโกรธจัดๆอาจต้องหาเครื่องช่วยบ้าง
ก่อนออกจากบ้านเอาทุนไว้ก่อนด้วยการท่องอิติปิโส
ทำให้ใจผูกอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ออกนอกบ้านแล้วก็เลี้ยงความสุขไว้ด้วยการท่องพุทโธ
ซึ่งเข้ากันได้กับใจอันเป็นไปในอิติปิโส
โกรธเมื่อไหร่ก็พุทโธๆๆแบบนึกถึงความสุขเข้าไว้
ให้เกิดสุขแทนที่ความทุกข์ความร้อนอันเกิดแต่โทสะ
นี่แหละกำลังหนุนให้มีแก่ใจอยากอภัย

เมื่ออภัยให้ใครได้ จะเหมือนม่านหมอกบางอย่างหายไป
และรู้สึกเป็นจริงเป็นจังว่าถ้าผูกใจเจ็บ
ก็เท่ากับผูกตัวไว้กับโรคอะไรโรคนหนึ่งจริง ๆ
จิตเดิมผ่องใสอยู่ดี ๆ
พอมีอาการผูกใจเจ็บเข้ามาครอบงำ
ก็กลายเป็นโรคเศร้า โรคหม่น
โรคหมองเปล่า ๆ ปลี้ ๆ เสียอย่างนั้น

การ "ก่อเวร" เกิดจากเจตนาเบียดเบียนก่อน
การ "ต่อเวร" เกิดจากเจตนาไม่เลิกรา
การ "ตัดเวร" เกิดจากเจตนาไม่เอาเรื่อง
สรุปคือเวรจะก่อตัว จะต่อติด หรือจะตัดขาด
ก็เริ่มต้นจากกรรมทางใจ
ผลของกรรมทางใจทอดยาวไปแค่ไหนไม่มีใครรู้

อนึ่ง.........การอภัยไม่ได้เป็นประกันว่าเรื่องราวทุกอย่างจะยุติ
แต่เป็นประกันว่าใจเราจะเบาลง และไม่ต้องก่อกรรมเพิ่ม
พูดง่าย ๆ คือถึงเรื่องฝั่งเขาไม่ยุติ ขอให้กรรมฝั่งเรายุติก็แล้วกัน
ชาติหน้าถ้าต้องเจออีก ไฟแห่งเวรจะได้ไหม้เขาคนเดียว
ไม่ต้องมาพลอยไหม้เราด้วยครับ..........................



จากนิตยสาร ธรรมะใกล้ตัวโดย......ดังตฤณ ธันวาคม ๕๔

http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma