[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => กระบวนการ NEW AGE => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊ก ที่ 13 มิถุนายน 2553 14:03:01



หัวข้อ: จุดเริ่มต้นในเส้นทางจิตวิวัฒน์
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 13 มิถุนายน 2553 14:03:01
จุดเริ่มต้นในเส้นทางจิตวิวัฒน์ (http://"http://jitwiwat.blogspot.com/2004/06/blog-post_12.html")

โดย วิศิษฐ์ วังวิญญู
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2547

สำหรับคนทั่วไป คนส่วนใหญ่ หรือคนในกระแสหลัก ที่ติดอยู่ในความกลัว ตกอยู่ในร่องอารมณ์และเทปม้วนเก่าเสียเป็นส่วนใหญ่ การแก้ไขสิ่งเหล่านี้ เรื่องแรกที่สำคัญก็คือการเข้าสู่สัมผัสแรกในมณฑลแห่งพลังซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

บางคนจะเข้ามาผ่านการปฏิบัติ เราอาจจะจัดกระบวนการเรียนรู้ให้มีกิจกรรมการสัมผัส อย่างเป็นสัมผัสแรกที่จะแปรเปลี่ยนการรับรู้ เพราะเมื่อเปลี่ยนการรับรู้ได้ก็จะเปลี่ยนความคิดและอารมณ์ความรู้สึกได้เช่นกัน

บางคนอาจเข้ามาทางความคิดและทฤษฎีก่อน เพราะชอบคิดใคร่ครวญ และได้เรียนรู้ว่า เราอาจมองและตีความโลกได้หลายอย่าง ไม่จำต้องติดอยู่ในกรอบๆ เดียวที่คุ้นเคย ซึ่งจะทำให้เขาหรือเธอเริ่มรู้สึกฉงนฉงายและเปิดเผยตัวตนออกมา

ในวงสุนทรียสนทนา ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน การก่อประกอบโลก และความเข้าใจโลก ด้วยถ้อยคำ เรื่องเล่า และอุปไมยอุปมาจะเกิดขึ้น เมื่อทุกคนเข้าใจกติกา และเริ่มเห็นประโยชน์ในการตั้งวงสนทนาเช่นนี้ การฟังของเขาหรือเธอจะเปลี่ยนคุณภาพไป เมื่อการฟังเปลี่ยนคุณภาพ วิธีคิดและมุมมองต่อโลกก็จะเปลี่ยนไปด้วย เพราะการฟังที่มีคุณภาพ ได้เปิดโอกาสให้ถ้อยคำของผู้อื่นหรือแม้แต่ของตัวเองที่พูดออกไป เข้ามาเปลี่ยนแปลงการมองโลกของตัวเรา

เมื่อผ่านพิธีอภิเษก (คำนี้เป็นคำเดียวกับราชาศัพท์ที่หมายถึงการแต่งงาน แต่ในมหายาน จะใช้กับการเริ่มต้นหรือสัมผัสแรกที่จะเข้าสู่กระแสธรรม) โลกก็จะเปลี่ยนไป ทุกอย่างทุกประสบการณ์ล้วนก่อให้เกิดความแตกต่างทั้งสิ้น ที่สำคัญก็คือ คุณภาพใหม่ที่นำไปสู่ความไร้ขอบเขตจำกัดในทางปริมาณ กล่าวคือ คุณภาพใหม่จะแตกออกดังเช่นระเบิดปรมาณู ส่งผลให้เกิดการปะทุแห่งความคิดใหม่ มุมมองใหม่อยู่ตลอดเวลา

เส้นแบ่งระหว่างคนเริ่มต้นใหม่กับคนเก่ามลายหายสูญไปสิ้น

บางคนอาจจะมีแนวโน้มในทางพุทธิปัญญามากกว่าบางคน และบางคนอาจจะออกไปทางงานศิลปะและการปฏิบัติมากกว่า นั้นเป็นแนวโน้มของแต่ละคน แต่ในคุณภาพลึกๆ แล้ว ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าใครแต่อย่างใด

ถ้าคนๆ นั้นเป็นคนที่มีโอกาสอยู่ใกล้ชิด เช่นได้ทำงานด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่ทำได้ก็คือการหย่อนตัวกวนเข้าไปแทรกแซงในสารบบชีวิตของเขาหรือเธอ

แบบฝึกหัดหลายอย่าง ที่คุณหมอวิธาน ฐานะวุฑฒ์ เขียนไว้ในหนังสือ หัวใจใหม่ ชีวิตใหม่ จะช่วยให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ชี่กง ไท้เก๊ก การปฏิบัติธรรม การเจริญสติในชีวิตประจำวัน การมองอย่างลึกซึ้ง การฟังอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ผ่านแบบฝึกหัดเล่านี้มาบ้างแล้ว คนๆ นั้นก็พร้อมสำหรับตัวกวนที่เราจะหย่อนลงไป

ตัวกวนที่ว่านี้ มีความคล้ายคลึงกับโกอานของเซน แต่อาจจะเป็นโกอานที่ปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับยุคสมัยแล้ว โดยมุ่งไปกระทำกับเทปม้วนเก่า หรือบางตอนของเทปม้วนเก่า เพราะเมื่อเทปม้วนเก่านั้นสั่นคลอน โอกาสที่องคาพยพทั้งหมดจะสั่นคลอนย่อมเกิดขึ้นได้แน่นอน

อย่างเช่น แต่ละคนมักจะมีความคิดเกี่ยวกับตัวเองและโลกรอบๆ ตัวบางอย่างบางประการ ดังนั้น เราก็อาจจะแหย่ว่า “คุณไม่ได้เป็นเพียงเท่าที่คุณคิดเกี่ยวกับตัวเองหรอกนะ” คือคุณเป็นมากกว่า หรืออาจจะเป็นในทางตรงกันข้ามเลยก็ได้ การที่คุณบอกว่าตัวเองเป็นอย่างไร ก็คือการจำกัดความเป็นไปได้ของตัวเอง ถ้าคุณลองพูดใหม่ว่าคุณเป็นคนอย่างไร อย่างตรงกันข้ามกับที่เคยพูดกับตัวเอง ก็จะพบว่า คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นอย่างที่เคยคิดเกี่ยวกับตัวเองแต่อย่างใด!

อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ผมใช้บ่อยก็คือ “ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์อย่างไร ชีวิตของคุณไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดหรือขึ้นต่อตัวประสบการณ์นั้น สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับว่า คุณจะให้ความหมายแก่ประสบการณ์นั้นอย่างไรต่างหาก”

และผมก็ให้ตัวอย่าง ของการเป็นเด็กกำพร้าแบบของผม ที่แตกต่างจากแบบของคนบางคน และความแตกต่างนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการตีความของเขาหรือเธอนั้นเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวประสบการณ์

ข้อสำคัญในการใส่ “ตัวกวน” อย่างมีประสิทธิภาพ ก็คือการรับรู้ความเป็นไปของคนๆ นั้นอย่างลึกซึ้ง และควานหาที่คันให้พบ ที่คันก็คือชนวนที่จะนำไปสู่การจุดระเบิด อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง คนที่จะนำทาง ต้องฝึกฝนสุขุมรสหรือสัมผัสอันลุ่มลึกที่จะเข้าถึงอารมณ์ ความคิด ความปรารถนาของผู้คน จึงจะเกาถูกที่คันได้ และแบบอย่างของคนที่ทำเรื่องนี้ได้ดีคนหนึ่งก็คือพระพุทธเจ้านั้นเอง โดยท่านจะมีวิธีสอนธรรมให้คนแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย!




วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2547 at ที่ 14:19 น. (http://"http://jitwiwat.blogspot.com/2004/06/blog-post_12.html") by knoom    (http://"http://www.blogger.com/email-post.g?blogID=17492984&postID=5062303659993159744")   (http://"http://www.blogger.com/post-edit.g?blogID=17492984&postID=5062303659993159744")
ป้ายกำกับ: บทความมติชน (http://"http://jitwiwat.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%99"), วิศิษฐ์ วังวิญญู (http://"http://jitwiwat.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%8C%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B9") | 0 ความคิดเห็น (http://"https://www.blogger.com/comment.g?blogID=17492984&postID=5062303659993159744&isPopup=true")