หัวข้อ: happy = ความสุข{ถาม - ตอบ ปัญหาธรรม} เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2555 16:34:12 (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=30253.0;attach=1533;image) (:LOVE:)ถ่ายภาพและให้เสียงดนตรีประกอบกระทู้โดย Sometime สงวนลิขสิทธิ์ภาพตามกฏหมาย (:LOVE:) ถาม............................. ความสูขนั้นมีความหมายอย่างไร และทำไมศาสนาทุกศาสนาถึงสั่งห้าม เช่นถ้าเรามี ความต้องการทางเพศเราก็เสพกามเราก็มีความสูขแต่ศาสนาทุกศาสนาห้ามเพราะมัน ไม่ดี การติดในรสเรากินอาหารอร่อยเราก็มีความสูขแต่ทำไมศาสนาบอกว่าไม่ควรติดกับ รสมากเกินไป แล้วอะไรถูกกันแน่ แม้แต่ตัวเราเองเรายังไม่รู้อะไรเลย แล้วใครรู้บางว่า ตนเอง ต้องตายเมื่อไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่าตนเองต้องตาย รู้ได้จากการเห็นคนอื่นตาย อย่างนั้นรื ถ้าผมบอกว่าเราทุกคนไม่รู้อะไรเลยจะเป็นอย่างไรล่ะเพราะทุกอย่างที่เรารำ เรียนมานั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้นแค่นั้นเอง แม้แต่วิทยาศาสตร์ไม่อาจสรุปได้เพราะ วิทยาศาสตร์เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ วิทยาศาสตร์รู้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแต่กลับตอบ ไม่ได้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึนได้เช่นนั้นทำไมเกิดเพื่ออะไรและรู้สิ่งนั้นได้อย่างไรโดยการสมมติ ขึ้นรึ ถ้าจะตอบขอเป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่อ้างหนังสือ หัวข้อ: Re: happy = ความสุข{ถาม - ตอบ ปัญหาธรรม} เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2555 16:35:25 (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=30253.0;attach=1533;image) ตอบ.................................... ความสุข เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่มีใครที่ปฏิเสธได้ เพราะมีจริง ความสุข จึงเป็นสัจจะ ความจริงประการหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า เวทนา คือ เป็นความรู้สึกประเภทหนึ่ง เวทนา ซึ่ง เป็นความรู้สึก นั้น มี ๕ คือ ความรู้สึกที่เป็นสุขทางกาย(สุขเวทนา) ความรู้สึกที่ เป็นสุขทางใจ (โสมนัสเวทนา)ความรู้สึกที่เป็นทุกข์ทางกาย(ทุกขเวทนา) ความรู้สึก ที่เป็นทุกข์ทางใจ(โทมนัสเวทนา)และ ความรู้สึกเฉย ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ (อทุกขมสุข เวทนา หรือ อุเบกขาเวทนา) ดังนั้น ความสุข โดยนัยของ ความรู้สึก จึงมี 2 อย่าง คือ ความสุขกาย ที่ เป็นสุข เวทนา เช่น ได้รับสิ่งที่กระทบสัมผัสที่ดี ทำให้เกิดความสุขกาย และ ความสุขใจ คือ ความรู้สึกโสมนัส ซึ่งเมื่อได้ศึกษาสัจจะ ความจริง ก็จะเข้าใจธรรมละเอียดขึ้น โดยไม่ใช่คิดเอง ที่ไม่ ถูกต้อง ก็จะเข้าใจว่า ความรู้สึกที่เป็นเวทนาเจตสิก เกิดกับจิตทุกประเภท ดังนั้น ความ รู้สึกสุขใจที่เป็นโสมนัสเวทนา เกิดกับจิตที่เป็นจิตที่ดี ที่เป็นกุศลจิตก็ได้ และ เกิดกับ จิตที่ไมดี ที่เป็นอกุศลจิตก็ได้ดังนั้น เมื่อเรากับมาที่สัจจะ ความจริง จิตที่ไม่ดี มี จริง เช่น จิตที่ติดข้อง ต้องการ พอใจ เป็นจิตที่ไมดี่ เพราะประกอบด้วยธรรมที่มีโทษ เพราะนำมาซึ่งความทุกข์ เพราะเมื่อมีโลภะ ก็ทำให้ทำสิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควรและก็ไม่พ้น จากการเกิดที่เป้นทุกข์ได้เลย ดังนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธความสุข แต่พระองค์ ทรงแสดงความสุข หลากหลายนัยว่า ความสุขใดมีประโยชน์ ความสุขใดมีโทษ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ความสุขที่ดี ประเสริฐ คือ ความสุขที่ไม่เจือด้วยกิเลส คือ ไม่มีกิเลสเกิดขึ้น เช่น ขณะที่เป็นกุศลจิตที่ประกอบด้วยเวทนา ความรู้สึกที่โสมนัส ในขณะนั้น และความรู้สึกโสมนัสในขณะที่ละ สละกิเลสได้นั้นประเสริฐ แต่ ความสุขที่ เจือด้วยกิเลส คือ ขณะที่ติดข้อง ต้องการ และมีความสุขในขณะนั้นไม่ประเสริฐ เพราะ นำมาซึ่งความทุกข์ในภายหลัง เพราะสะสมสิ่งที่ไม่ดี คือ โลภะ เมือติดข้องมากก็ทำให้ เดิอดร้อนเพราะกิเลสนั้น หัวข้อ: Re: happy = ความสุข{ถาม - ตอบ ปัญหาธรรม} เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2555 16:38:06 (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=30253.0;attach=1533;image) ตอบ.................................... ยกตัวอย่าง ตามที่ผู้ถามยกมานั้น เช่น ความสุขที่เกิดจากกาม เกิดจากความยินดี พอใจในรูป สียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส และมีความสัมพันธ์ทางเพศ แน่นอนว่า ความสุขเกิดขึ้นได้ และเกิดแล้วมีจริง ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีความสุข แต่สุขนั้นมีโทษ เป็นความสุขที่เจือด้วยกิเลส เป็นความสุขที่เกิดกับโลภะมูลจิต คือ เกิดกับจิตที่ติดข้อง ต้องการ ยินดีพอใจ และเมือ่มีความสุขในประเภทน้าก ก็ทำให้ติดข้องมาก และถ้าติด ข้องมาก เป็นอย่างไร ถ้าไมได้ในสิ่งที่ต้องการ เกิดความโกรธ ไม่พอใจ ขณะนั้น ทุกข์ แล้ว เพราะเกิดจากความสุขที่เจือด้วยกิเลส และอาจทำร้ายคนที่ไม่ให้ หรือ คน รอบข้างได้ ทั้งทางกาย และ วาจาก็ได้เห็นไหมว่า เป็นความสุขซึ่งนำมาซึ่ง โทษประการต่าง ๆ เพราะประกบอด้วยกิเลส สภาพธรรมที่ไม่ดีนั่นเอง ที่มีข่าวข่มขืนกัน เพราะอะไร หากไม่ใช่เพราะ ความสุขทีเกิดจากความติดข้อง ที่เจือด้วยกิเลส และ แม้การติด รสอาหาร ความสุขที่เกิดกับการได้รสที่ดีเกิดแล้วมีจริง ไมได้ปฏิเสธว่าไม่มี จริง แต่เมื่อเป็นความสุขที่เกิดกับกิเลสที่ยินดี พอใจ ก็ทำให้สะสมโทษ เมื่อติดข้อง รสอาหารมาก ๆ เป็นอย่างไรเมื่อได้รับอาหารที่ไมดี่ ไม่พอใจ โกรธ และถ้าติดข้องมาก ๆ เพราะเกิดความสุขจากการติดรสอาหาร ก็อาจกระทางกาย วาจาไม่ดีก็ได้ นี่ ก็เพราะความสุขที่เจือด้วยกิเลสนั่นเองสรุปได้ว่า ความสุขมีจริง แต่ความสุขมีหลายอย่าง ทั้งความสุขที่นำมาซึ่งโทษ และ ไม่นำมาซึ่งโทษ ความสุขที่ไม่ดี คือ คามสุขที่เจือด้วยกิเลส และความสุขที่ประเสริฐ คือ ความสุขที่ไม่มีกิเลส ความสุขที่เป็นเนกขัมมะ ออกจากกาม ออกจากกิเลส และที่สำคัญ ที่สุด หากไม่มีสภาพธรรมอะไรเลย ก็ไม่ต้องมีการติดข้อง ไม่ต้องมีความสุข ทีเป็น เวทนา ไม่ต้องทุกข์กายและทุกข์ใจ พระนิพพาน คือ สภาพธรรมที่ไม่มีการเกิดขึ้นของ สภาพธรรมที่เป็นสิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่ง จึงเป็นสุขอย่างยิ่งนั่นเองพระธรรมต้อง(ศึกษา)ไม่ใช่คิดเอง ถึงแม้ว่าจะมีความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ความสุขนั้นก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง อุเบกขาก็ไม่เที่ยง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนไม่เที่ยงทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเลยในชีวิตที่จะเป็นสุขอย่างมั่นคงแท้จริง ต้องอบรมปัญญาให้เห็นชีวิตตามความเป็นจริง คือ เห็นการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมทั้งหลายที่ปรากฏ ตามความเป็นจริง.................................... จากการสนทนาธรรม มูลนิธิบ้านธรรมมะโดย ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะวิทยากร http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma หัวข้อ: Re: Re: happy = ความสุข{ถาม - ตอบ ปัญหาธรรม} เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 11:40:24 อ่านถึงสุขทางกายแล้วหวิว ๆ
ช่วงนี้ผมรู้สึกใจหายอยู่บ่อย ๆ เวลานึกถึงความตาย อาจเพราะยังติดในความเป็นตัวของเรา แย่ ๆ ยังไงก็ไม่รู้ |