หัวข้อ: เข้าถึง เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2555 19:10:30 (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=30398.0;attach=1544;image) รูปภาพที่ห้องสยามในอดีตหายหมดต้อง อัปโหลดเข้าเว็บ สุขใจ ทำงัยดีหว่าภาพหายาก ๆ ทั้งนั้น ถาม......ผมเข้าใจ ว่าสิ่งที่ปรากฎทางตา ไม่ใช่ตัวตน บุคคล วัตถุ สื่งของ เป็นเพียงสภาพ ธรรมะเกิดแลัวดับ ผมอยากทราบว่าการเข้าถึงสภาพธรรมะ(นามธรรม)ที่ถูกต้อง จิตจะมีความรู้สึก อย่างไร เพื่อผมจะจำไว้ ตอบ.....ก่อนอื่นก็เข้าใจ คำทีละคำให้ถูกต้องในประโยคที่ท่านผู้ถามได้กล่าวมาก่อนว่า จิต นั้น ทำหน้าที่ รู้ เป็นใหญ่ในการรู้ ไม่ได้ทำหน้าที่ รู้สึก ส่วน ความรู้สึกก็เป็นสภาพ ธรรมที่มีจริง เป็นเจตสิก ไม่ใช่จิต เรียกว่า เวทนาเจตสิก ซึ่ง ความรู้สึก ที่เป็นเวทนา เจตสิก เกิดกับจิตทุกประเภท คือ กุศล อกุศล วิบากและกิริยา ซึ่งเวทนา ความรู้สึก นั้น จะมีความรู้สึก 5 อย่าง คือ สุขกาย สุขใจ(โสมนัสเวทนา) ทุกข์กายและทุกข์ ใจ(โทมนัสเวทนา)และ ความรู้สึกเฉย ๆ ดังนั้น ความรู้สึก ไม่ใช่จิต เป็นเวทนา จิต ไม่มีความรู้สึก แต่จิตทำหน้าที่รู้เท่านั้น รู้ในสิ่งที่เป็นอารมณ์อยู่ ซึ่ง เวทนา ความรู้สึก ตามที่กล่าวแล้ว เป็นความรู้สึก 5 อย่าง ดังนั้น ความรู้สึก จึงไม่ใช่รู้สึกว่า สภาพธรรม เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สภาพธรรมนี้ไม่ เที่ยง เกิดดับ ดังนั้น เวทนา ความรู้สึก ทำหน้าที่ รู้สึก สุขและทุกข์เท่านั้น แต่สภาพธรรมที่ทำหน้าที่รู้ตามความเป็นจริงในสภาพ ธรรมในขณะนั้น คือ ปัญญา ดังนั้น การเข้าถึง ธรรมะ หรือ การรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรม คือ ปัญญา แต่ปัญญาก็มีหลายระดับ ปัญญาเพียงขั้นการฟัง เข้าใจว่า ธรรม คืออะไร เป็นต้นก็มี แต่ ยังไม่ได้เข้าถึงตัวสภาพธรรมจริงๆ ส่วน ปัญญาที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความ เป็นจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็เป้นปัญญาอีกระดับหนึ่ง แล็มีปัญญาที่แทง ตลอดสภาพธรรม อย่างคมกล้า ทีแยกขาดว่าเป็นนามธรรมและรูปธรรม รวมทั้งเห็นการ เกิดดับ ก็เป็นปัญญาระดับสูงที่เรียกว่า วิปัสสนาญาณ และปัญญาระดับสูงอีกประการ หนึ่ง คือ ปัญญาที่สามารถดับกิเลสได้ ที่เป็น มรรคจิต การที่จะมีปัญญาระดับสูง จนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นนั้น จะขาด ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่เบื้องต้นไม่ได้เพราะ ปัญญาจะต้องค่อย ๆ เจริญขึ้น ไปตามลำดับ ไม่สามารถจะมีปัญญาในระดับที่ถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อมในทันที ทันใด ต้องอาศัยการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ค่อย ๆ สะสม ความเป็นผู้มั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรมว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่าง ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ ตัวตน ขึ้นชื่อว่าเป็นธรรมแล้ว ก็หาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคลในสภาพธรรมนั้น ๆ ไม่ได้ สิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา(สี) เท่านั้น ซึ่ง เป็นรูปธรรมประการ หนึ่ง สภาพธรรมที่รู้สี ก็เป็นธรรมอีกอย่างหนึ่ง คือ นามธรรม ได้แก่ จิต และ เจตสิก ที่เกิดร่วมด้วย จิตทุกขณะที่เกิดขึ้นทางตา ย่อมรู้สี เหมือนกันทั้งหมด แต่รู้โดยกิจ หน้าที่ที่ต่างกัน แต่ถ้าเป็นการรู้สีตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรม ก็จะต้องเป็นในขณะที่ เป็นกุศลอันประกอบด้วยปัญญา ไม่ใช่ในขณะที่เห็นสีโดยกิจหน้าที่ของจักขุวิญญาณ ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ถ้าสะสมปัญญาไปตามลำดับ ในวันหนึ่ง ข้างหน้า ก็คงจะถึงวันที่ได้ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ซึ่ง ก็เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทั้งหมด ไม่มีการบังคับบัญชาให้สภาพธรรมเกิดขึ้นได้เลย (:LOVE:)มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาโดย อาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะวิทยากร (:LOVE:) http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/03.%20Track%203.wma หัวข้อ: Re: เข้าถึง เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2555 19:17:33 อ้างถึง รูปภาพที่ห้องสยามในอดีตหายหมดต้อง อัปโหลดเข้าเว็บ สุขใจ ทำงัยดีหว่าภาพหายาก ๆ ทั้งนั้น แล้วจารย์ไม่มีไฟล์ต้นฉบับหรอครับ ? หัวข้อ: Re: เข้าถึง เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2555 19:35:07 อ้างถึง รูปภาพที่ห้องสยามในอดีตหายหมดต้อง อัปโหลดเข้าเว็บ สุขใจ ทำงัยดีหว่าภาพหายาก ๆ ทั้งนั้น แล้วจารย์ไม่มีไฟล์ต้นฉบับหรอครับ ? (T-T)ต้นฉบับมีอยู่ใน ซีดี แต่หาไม่เจอ (T-T) (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=30398.0;attach=1546;image) |