หัวข้อ: ครูบาศรีวิชัยสอนว่า " รําลึกถึงตัวตนอยู่เสมอว่า บ่ใช่ตัว บ่ใช่ตน " เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 15 มิถุนายน 2553 20:53:11 (http://www.krupra.net/v2/spaw2/uploads/images/2552_07_17%20vdo/krubasee001.jpg)
ท่านครูบาศรีวิชัย พระโพธิสัตว์แห่งล้านนา คําสอนของท่านครูบาศรีวิชัย เครื่องประดับขัตติยะนารีทั้งหลาย มีแก้วแหวนเงินทอง เป็นตัณหากามคุณ เหมือนดั่งน้ำผึ้งแช่ยาพิษ สําหรับนําความทุกข์มาใส่ตัวบ่มีประโยชน์สิ่งใดเลย แม่น้ำคงคา ยมนา อิรวดี มหิ มหาสรพู ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ทั้ง 5 แม่น้ำนี้แม้นจัก เอามาอาบให้หมดทั้ง 5 แม่นี้ ก็บ่ อาจจะล้างบาป คือความเดือดร้อนภายในให้ หายได้ ลมฝนลูกเห็บ แม้นจะตกลงมาหลายห่า เย็นและหนาวสักปานใด ก็บ่ อาจเย็นเข้าไปถึงภายในให้หายจากความทุกขเวทนาได้ ศีล 5 เป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นเหตุแห่งความบริสุทธิ์ เป็นน้ำทิพย์สําหรับล้างบาป คือความเดือดร้อนภายในให้หายได้ เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว สมาธิความตั้งมั่นก็จะ มีมา แล้วให้ปลุกปัญญา ปัญญาก็จักเกิดมีขึ้นได้ คือให้หมั่นรําลึกถึงตัวตนอยู่ เสมอ ว่า บ่ใช่ตัว บ่ใช่ตน จนเห็นแจ้งด้วยปัญญาของตน จึงเป็นสมุทเฉทประหานกิเลส หมดแล้ว จึงเป็นวิมุตติหลุดพ้นจากความทุกข์ ทั้งมวลได้. คัดลอกจากหนังสือ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย พิมพ์ที่ ซี แอนด์ เอ็น (http://img99.imageshack.us/img99/664/np1uaj15128802ls2.jpg) คาถาบารมีเก้าชั้นของครูบาศรีวิชัย จักกล่าวถึงตํานานคาถาของครูบาศรีวิชัยเจ้า ต๋นบุญ แห่งล้านนาเพื่อให้ท่านทราบถึงที่มาของคาถาบทนี้ ครั้งหนึ่ง นานมาครูบาศรีวิชัยเจ้าออกเดินธุดงธ์ในแถบภาคเหนือในระหว่างเดินทางผ่านโต้งนาแห่งหนึ่งก้ได้ไปปะเถียงนาหลังหนึ่งที่ถูกไฟไหม้แต่ไฟไหม้ไม่หมดเหลือส่วนหนึ่งตรงใจคาด้วยเหตุที่ไฟไหม้ไม่หมดจึงทําให้ครูบาศรีวิชัยเจ้าเดินเข้าไปดู ท่านได้พบกระดาษสาแผ่นหนึ่งซึ่งเขียนเป็นภาษาล้านนา เขียนว่า คาถาบารมีเก้าจั้นท่านจึงเกิดอัศจรรย์ใจ ท่านจึงได้นํามาใช้กับตัวท่านตลอดมาคาถาบารมีเก้าชั้นหรือคาถาเรียกบารมี 30 ทัศ ปกปักรักษาเวลากลางค่ำกลางคืนรวมถึงเรียกคุณพระแม่ธรณีและคุณทั้งปวงมาปกปักรักษาให้รอดพ้นจากภัยพิบัติอันตรายทั้งปวงนี่ก็เป็นคาถาอีกบทหนึ่งที่นิยมใช้กันทางภาคเหนือ ปัจจุบันค่อยเลือนหายไปน้อยคนนักที่จะรู้จัก ส่วนมากจะพากันไปสวดไปท่อง คาถาบารมี 30 ทัศซึ่งเป็นคาถาประจําท่านครูบาศรีวิชัยเจ้าอีกบทหนึ่งเช่นกัน นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุททัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุททัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุททัสสะ สาธุ ๆพระปัญญาบารมี 30 ทัศ สาธุ ๆ พระปัญญาบารมีวังแวดล้อมวิริยะบารมีล้อมระวังดี สีละบารมีบังหอกดาบ เมตตาบารมี ผาบแป้ตังปื๋นทานะบารมีเป๋นผืนตั้งต่อ อุเปกขาบารมีหื้อก่อเป๋นเวียง สัจจะบารมีหื้อแวดระวังดีเป๋นไต้ขันติบารมีก๋ายเป๋นหอกดาบบังหน้าไม้ และปื๋นไฟ อธิฐานะบารมีผันผาบไปทุกแห่ง แข็งๆแรงๆ ผายผาบฝูงหมู่มาร ผีสางพายเผตทุกทวีปภพถีบปังปายหนีนางธรณี อัศจรรย์โสสะหมื่นผู้อยู่ขว้างน้ำนที นองกว้างต่อกว้าง แตกตีฟองนานองนานอกเป๋นเข้าตอกดอกไม้มาบูชาพระแก่นไท้สาทันพระพุทธัง จู่งมาผายโผดจู่งมาอนุญาตโทษโปรดผู้ข้าแต้ดีหลีแม่นางธรณี ออกมามวยผมอยู่ที่ธาตุ ช้างร้ายข่ายขะจังงาสับดินพ่นน้ำนทีลงพัดพ่ยคอหักตบต้าว พญามารอ่าวปูนกลัวผายยอมือขึ้นหัวใส่เก้าผู้ข้าจื่อว่าลูกศิษย์พระพุทธเจ้าต๋นมีบุญสมพานอันมากพระพุทธเจ้าจิ่งตั้งพระปัญญาบารมีไว้เก้าจั้น ตั้งไว้ตางหน้าก็ได้เก้าจั้นตั้งไว้ตางหลังก็ได้เก้าจั้นตั้งแต่หัวแผวตี๋นก็ได้เก้าชั้นตั้งแต่ตี๋นแผวหัวก็ได้เก้าจั้นแสนวาลูกปื๋นจักมาเสมอเหมือนฝนแสนห่าก็จักบ่มาใก้ล ข้าพเจ้าก็เลยไหว้ว่าพุทธคุณณัง ธัมมคุณณัง สังฆคุณณัง พุทธอินทา ธัมมอินทา สังฆอินทา อัสสะอับอั้นแม่ธรณีผู้อยู่เหนือน้ำอยู่ก้ำแผ่นดิน กันข้าได้ระนึกกึ๊ดถึง ยังคุณพระพุทธเจ้าคุณพระธมมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า คุณพระปิตตาคุณพระมาตา คุณครูบาอาจารย์คุณพระแก้วทั้ง ๓ ประการ คุณพระพุทธัง คุณพระธัมมัง คุณพระสังฆัง คุณแดด คุณฝนคุณน้ำ คุณลม คุณไฟ คุณกุสราชเจ้า ก็ดี คุณพระเจ้าภาวนาก็ดี คุณนางธรา ก็ดีคุณปัจเจกเจ้า ก็ดี คุณนางแม่ธรณี ก็ดี ขอจงก้ำหน้าก้ำหลังยังตั๋วต๋นแห่งข้าพเจ้าในค่ำคืนนี้จิ่มเต๊อะ พุทโธ พุทธัง กันหะ ธัมโม ธัมมัง กันหะสังโฆสังฆัง กันหะ อายุวันโนสุขขัง พะลัง นะสากาเสอุ รุ อา กัง มาติปิตตัง ชาติขันทัง มัจจุราชา นะกะรันติ (http://www.krupra.net/v2/spaw2/uploads/images/2552_07_17%20vdo/krubasee017.jpg) วัตรปฎิบัติของครูบาศรีวิชัย นับตั้งแต่ครูบาศรีวิชัยได้บวชเรียนในพระพุทธศาสนา ท่านเป็นผู้มีศิลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด โดยที่ท่านงดการเสพ หมาก เมี่ยง บุหรี่ โดยสิ้นเชิงแม้จะไม่ได้มีในธรรมบัญญัติก็ตาม แต่ที่ท่านงดฉันเนื้อสัตว์ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 26 ปี และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักเป็นผักต้มพื้นบ้านใส่เกลือท่านฉันกับน้ำพริกหรือใส่พริกไทยเล็กน้อย การที่มีหนังสือหลายเล่มพิมพ์ออกมาหลายวาระเสนอข้อมูลว่าครูบาศรีวิชัยงดฉันผักตามวันทั้ง 7 เพราะความเชื่อในไสยศาสตร์ที่ชาวล้านนาทั่วไปในสมัยนั้นนิยมปฎิบัติกันมา ไม่เป็นความจริงเช่น ในวันอาทิตย์ไม่ฉันฟักแฟง วันจันทร์ไม่ฉันแตงโมและแตงกวา วันอังคารไม่ฉันมะเขือ วันพุธไม่ฉันใบแมงลัก วันพฤหัสบดีไม่ฉันกล้วย วันศุกร์ไม่ฉันเทา “เตา” วันเสาร์ไม่ฉันบอน ทั้งหมดเป็นความเชื่อและไสยศาสตร์ของคนล้านนาทั่วไปมีบันทึกมากมายในปั๊ปสา (พับสา)ที่เก็บไว้ในวัดวาอารามต่างๆ ข้อมูลที่ถูกต้องครูบาศรีวิชัยท่านจะฉันผักพื้นบ้านตามปกติทั่วไปเหมือนคนเมืองมีเพียงแต่น้ำเต้าที่ครูบาศรีวิชัยจะงดฉันอย่างเด็ดขาด เพราะตอนที่ท่านเกิดแม่ของท่าน แม่อุสาได้นำรกของครูบาศรีวิชัยไปใส่ไว้ในน้ำเต้าแห้ง นำไปฝังไว้ตามประเพณีความเชื่อของคนล้านนาที่จะทำกันเมื่อมีเด็กเกิดใหม่ เหตุที่จะต้องใส่น้ำเต้าแห้งนั้นก็เป็นเพราะความยากจนของครอบครัวที่ทั้งบ้านไม่มีหม้อดินจะใส่รกของท่าน เมื่อครูบาศรีวิชัยเติบใหญ่ขึ้นมาท่านมองเห็นพระคุณของน้ำเต้าที่เปรียบดังครรภ์ของมารดาที่หุ้มห่อท่านไว้ ดังนั้นจึงมีเพียงน้ำเต้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่ท่านไม่ฉันอย่างแน่นอน นอกจากนั้นสาเหตุที่ท่านละเว้นเนื้อสัตว์มาจากตอนที่ครูบาศรีวิชัยอายุได้ 26 ปี ท่านได้ฉันจิ้นส้มหรือหมูส้ม (เหมือนแหนม) อาจจะเป็นเพราะความไม่สะอาดของเนื้อสัตว์และส่วนผสมเป็นเหตุให้ครูบาศรีวิชัยได้อาพาธ เกิดอาการเวียนหัว ทั้งได้อาเจียนและอุจจาระร่วงพร้อมกันอย่างรุนแรง ทางล้านนาเรียกกันว่าเป็นโรคออก 2 คอง คือ ออกทั้งปากและทวารหนัก จนท่านเกือบจะมรณภาพ แม้เมื่อท่านรักษาตัวจนหายดี ครูบาศรีวิชัยก็ลองฉันเนื้อสัตว์ดูอีกครูบาศรีวิชัยก็อาพาธแบบเดิมอีกท่านจึงต้องเลิกฉันเนื้อสัตว์ทุกประเภทอย่างเด็ดขาด ข้อมูลจากหนังสือ ตามรอยธรรม นำทางบุญ ครูบาศรีวิชัยนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน โดย ธ.ธรรมรักษ์ ซึ่ง อ.พรศิลป์ รัตนชูเดชผู้ศึกษาศรัทธาครูบาศรีวิชัยได้สอบถามจากพ่อน้อย สิงห์คำ อิ่นมาหลานชายแท้ๆของครูบาศรีวิชัย ผู้ซึ่งใกล้ชิดครูบาศรีวิชัยและเตรียมภัตตาหารให้กับครูบาศรีวิชัยเกือบทุกวัน>> (http://www.larnbuddhism.com/pra/lungpomut.jpg) หลวงปู่มั่น พบ ครูบาศรีวิชัย ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านพระอาจารย์ใหญ่แห่งสายวิปัสนากัมมัฏฐานได้เคยพำนักอยู่วัดเจดีย์หลวงร่วมสมัยกับกับพระเดชพระคุณพระอุบาลี (จันทร์) ระหว่าง 2472-2474 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ครูบาศรีวิชัยพระนักบุญแห่งล้านนาไทยขึ้นมาพำนักอยู่ที่วัดสวนดอก เมืองเชียงใหม่เพื่อฟื้นฟูบูรณะวัดวาอารามพระธาตุเจดีย์ ปูชนียสถานต่างๆในเมืองเชียงใหม่รวมทั้งสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วยพระครูบาศรีวิชัยแม้องค์ท่านจะไม่มีฐานันดรสมนศักดิ์แต่ท่านก็เป็นพระมหาเถระสมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรม และวัตรปฏิบัติอันประเสริฐยิ่งมีบารมีสูงสุด จนคนเหนือยกย่องให้เป็น "ตนบุญ" หรือ "นักบุญแห่งล้านนาไทย"พระครูบาศรีวิชัยได้เข้ามากราบนมัสการท่านเจ้าคุณอุบาลี วัดเจดีย์หลวงถึง 2 ครั้งและพระเดชพระคุณก็มีโอกาสไปเยี่ยมพระครูบาศรีวิชัยเป็นการตอบแทนก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนพระอาจารย์มั่นนั้นเคยพบและสนทนาธรรมกะบพระครูบาศรีวิชัย หลังจากที่พระครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้วท่านอาจารย์มั่น เคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกมาปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกันแต่พระครูบาศรีวิชัยปฏิเสธโดยกล่าวว่าท่านได้บำเพ็ญบารมีมาทางพระโพธิสัตว์ และได้รับการพยากรณ์แล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ (http://img511.imageshack.us/img511/664/dt3q2v91485102tj8.jpg) ต่อมาพระเดชพระคุณพระคุณพระอุบาลีสนใจใคร่รู้ถึงภูมิธรรมและปฏิปทาตามวิถีทางที่พระครูบาศรีวิชัยดำเนินอยู่จึงได้สอบถามพระอาจารย์มั่น ซึ่งท่านได้กราบเรียนพระเดชพระคุณให้ทราบว่า"พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธสัตว์ ปรารถนาพระโพธิญาณขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนานจนกว่าการสั่งสมบารมีธรรมจะบริบูรณ์" (http://nu.kku.ac.th/site/man_nurse/webboard_upload/1227410755.jpg) คัดลอกจากหนังสือ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย พิมพ์ที่ ซี แอนด์ เอ็น (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/675/38675/images/20080428145042-doisuthep.jpg) ครูบาศรีวิชัยมีความปรารถนาที่จะบรรลุธรรมะอันสูงสุดดังปรากฏจากคำอธิษฐานบารมีที่ท่านอธิษฐานไว้ว่า "...ตั้งปรารถนาขอหื้อได้ถึงธรรมะ ยึดเหนี่ยวเอาพระนิพพานสิ่งเดียว..." ตามรอยจอบแรกครูบาศรีวิชัย 9 พ.ย. 51 (http://www.youtube.com/watch?v=ZGSPRyO6iZU&feature=player_embedded#normal) |