[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ห้องสมุด => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 24 เมษายน 2555 14:29:41



หัวข้อ: ฝังคนทั้งเป็นให้เป็นผีเฝ้าเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 เมษายน 2555 14:29:41
การสร้างเมือง "มัณฑเลย์" ตามพิธีกรรมโบราณ
โดย...กิมเล้ง : www.sookjai.com (http://www.sookjai.com)


เมืองมัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี    เป็นอดีตเมืองหลวงที่สำคัญของประเทศพม่า  สร้างโดยพระเจ้ามินดุงเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๐   ชื่อเมือง “มัณฑะเลย์”  นี้ได้มาจากชื่อภูเขาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง  ภูเขานี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์   ตามตำนานกล่าวว่าพระพุทธองค์และพระอานนท์ได้เสด็จมาประทับพักที่ภูเขานั้น   และพระพุทธองค์ได้ประทานพุทธทำนายไว้ว่า  เมื่อพระพุทธศาสนาครบ ๒,๔๐๐  ปี จักเกิดมีเมืองใหญ่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาขึ้นที่เชิงเขาแห่งนี้    พระเจ้ามินดุงจึงทรงกระทำให้พุทธทำนายเกิดเป็นความจริง  โดยทรงย้ายราชธานีจากเมืองอมรปุระ มายังเมืองมัณฑะเลย์   เมืองนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า รัตนบูชา


แต่มีการสันนิษฐานอีกนัยหนึ่งว่า หลังจากพม่าได้ย้ายเมืองหลวงจากกรุงอังวะมาเป็นเมืองหลวงอมรปุระแล้ว ว่ากันสงครามระหว่างอังกฤษกับพม่าก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ  พม่ารบแพ้อังกฤษครั้งแล้วครั้งเล่า  เป็นสงครามที่ยืดเยื้อและดูเหมือนว่าไม่มีวันที่พม่าจะรบชนะอังกฤษได้  พระเจ้ามินดุงตัดสินพระทัยย้ายเมืองหลวงจากเมืองอมรปุระมาสู่เมืองมัณฑะเลย์ เพื่อเป็นการถือฤกษ์เอาชัยแก้เคล็ดว่าจะสามารถรบชนะกองทัพอังกฤษได้  แต่ในสุดท้ายราชวงศ์ของพม่าก็ถึงกาลอวสาน ตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร และสิ้นสุดการปกครองตามระบอบราชาธิปไตยของพม่า



(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/01/Mindon_Min.JPG/220px-Mindon_Min.JPG)

พระเจ้ามินดง แห่งราชวงศ์อลองพญาหรือคองบอง(๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๕๑ - ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๑)

ภาพจาก http://th.wikipedia.org (http://th.wikipedia.org)


ฝังคนทั้งเป็นให้เป็นผีเฝ้าเมือง

หลังจากเจ้าชายมินดุงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ามินดุง (พ.ศ. ๒๓๙๖ – ๒๔๒๑) แห่งราชวงศ์อลองพญา (Alaungpaya Dynasty) หรือราชวงศ์คองบอง (Konbaung Dynasty)  หลังแย่งชิงบัลลังก์จากพระเจ้าพุกามแมงผู้เป็นพระเชษฐาสำเร็จแล้ว ได้ทรงสร้างเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองอมรปุระ ขึ้นเป็นราชธานีเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๐๐  ตามประวัติเมื่อแรกสร้างเมืองมัณฑเลย์นั้น  ต้องเอาคนเป็น ๆ มาฝังถึง ๕๒ คน   โดยฝังตามประตูเมืองประตูละ ๓ คน ๑๒ ประตูก็เป็น ๓๖ คน  ตามมุมเมืองอีกมุมละคน  ประตูพระราชวังและมุมกำแพงพระราชวังก็ต้องฝังคนอีก  และเฉพาะใต้พระที่นั่งสิงหาสน์อันเป็นพระที่นั่งในท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกขุนนางนั้นต้องฝังถึง ๔ คน   เมื่อพระสงฆ์พม่าได้ทราบข่าวว่าโหรพราหมณ์กราบบังคมทูลพระเจ้ามินดุงให้เอาคนเป็น ๆ มาฝังตามวิธีไสยศาสตร์ จึงได้เข้าไปถวายพระพรขอบิณฑบาตชีวิตมนุษย์เหล่านั้นไว้ แต่พระเจ้า
มินดุงไม่อาจขัดโหรพราหมณ์ได้    

คนที่ถูกฝังทั้งเป็นเพื่อให้เป็นผีคอยรักษาเมืองและพระราชวังนั้นต้องเลือกคนให้ได้ลักษณะตามที่โหรพราหมณ์กำหนด  ไม่ใช่คนโทษที่ต้องโทษประการ  แต่เป็นคนที่อยู่ในวัย
ต่าง  ๆ กัน ตั้งแต่ผู้มีอายุไปจนถึงเด็ก ๆ มีทั้งผู้ชายผู้หญิง  ทุกคนต้องมีฐานะดีเป็นที่ยกย่องในกลุ่มชน  ต้องเป็นคนที่เกิดตามวันที่โหรกำหนด  ถ้าเป็นเด็กผู้ชายต้องเป็นเด็กที่ยังไม่มีรอยสักตามตัว  ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องยังไม่เจาะหูทหารมีหน้าที่จับคนเหล่านี้มาให้ได้จนครบ

พอมีข่าวออกไปว่าจะเอาคนมาฝังทั้งเป็น ผู้คนก็หลบไปจากเมืองมัณฑเลย์เกือบหมด  ทางราชการสั่งให้มีละครให้คนดูทั้งกลางวันกลางคืนหลายวัน แต่ไม่มีใครมาดู ในที่สุดทหารต้องเที่ยวซอกซอนค้นเอาตัวมาได้จนครบ เมื่อได้ฤกษ์ก็เลี้ยงดูคนเหล่านั้นแล้วสั่งเสียให้คอยเฝ้าเมืองและรักษาพระราชวังแล้วก็เอาลงหลุม  เอาเสาประตูใส่หลุมตามลงไป  ลูกเมียญาติพี่น้องซึ่งได้รับพระราชทานรางวัลก็คงจะรับไปอย่างไม่สบายใจนัก


อนึ่ง กรุงมัณฑเลสร้างหลังกรุงรัตนโกสินทร์หลายสิบปี แต่เมื่อแรกสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ นั้น ประเพณีฝังคนได้ยกเลิกไปแล้ว



พิธีสร้างพระนครสมัยกรุงศรีอยุธยา

มีเรื่องสืบกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา  โบราณถือว่าพิธีสร้างพระนครหรือสร้างบ้าน สร้างเมือง ต้องฝังอาถรรพ์ 4 ประตูเมือง ต้องฝังเสาหลักเมือง   ซึ่งการฝังเสาหลักเมืองและเสามหาปราสาทต้องเอาคนที่มีชีวิตทั้งเป็น ลงฝังในหลุม  เพื่อให้เป็นผู้เฝ้าทวารมหาปราสาทบ้านเมือง ป้องกันอริราชศัตรูมิให้มีโรคภัย ไข้เจ็บเกิดแก่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ผู้ครองนครบ้านเมือง ในการทำพิธีกรรมดังกล่าว ต้องเอาคนที่ชื่อ อิน จัน มั่น คง  มาฝังลงหลุมจึงจะศักดิ์สิทธิ์

และขณะที่นายนครวัฒเที่ยว เรียกชื่อ อิน จัน มั่ง คง ไปนั้น  ใครโชคร้ายขานรับขึ้นมาก็จะถูกนำตัวไปฝังในหลุม หลุมเสาหลักเมืองนั้น จะผูกเสาคานใหญ่ชักขึ้นเหนือหลุมนั้นในระดับสูงพอสมควร  โยงไว้ด้วยเส้นเชือกสองเส้นหัวท้ายให้เสาหรือซุงนั้นแขวนอยู่ตามทางนอนเหมือนอย่างลูกหีบ   ครั้นถึงวันกำหนดที่จะกระทำการอันทารุณนี้ ก็เลี้ยงดูผู้เคราะห์ร้ายให้อิ่มหนำสำราญ  แล้วแห่แหนนำไปที่หลุมนั้น  พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งให้บุคคลทั้งสามนั้นเฝ้าประตูเมืองไว้ด้วย  และให้เร่งแจ้งข่าวให้รู้กันทั่ว เมื่อคนมาชุมนุมกันเขาก็ตัดเชือกปล่อยให้เสาหรือซุงหล่นลงมาบนศีรษะผู้เคราะห์ร้ายผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคถือลางนั้นบี้แบนอยู่ในหลุม

คนไทยเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้จะกลายสภาพเป็นอารักษ์จำพวกที่เรียกว่า ผีราษฏร  คนสามัญบางคนก็กระทำการฆาตกรรมแก่ทาสของตนในทำนองเดียวกันนี้เพื่อใช้ให้เป็นผีเฝ้าขุมทรัพย์ที่ตนฝังซ่อนไว้





(http://www.tripdeedee.com/traveldata/myanmar/myanmar185/myanmar224.jpg)      (http://www.tripdeedee.com/traveldata/myanmar/myanmar185/myanmar250.jpg)
พระราชวังมัณฑะเลย์  ภาพจาก : www.tripdeedee.com (http://www.tripdeedee.com)

พระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๘๘ เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษ ได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากมายถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่า ด้วยเหตุผลว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่น พระราชวังมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นพระราชวังไม้สักก็ถูกไฟไหม้ เผาราบเป็นหน้ากลอง หลงเหลือก็แต่ป้อมปราการและคูน้ำรอบพระราชวัง ที่ยังเป็นของดั่งเดิมอยู่

ปัจจุปัน พระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา แต่ที่เหมือนวังเก่าก็แค่เพียงโครงสร้างกับชื่อเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วยังไม่เห็นความสวยงามอย่างที่เล่าลือกันว่าเป็นวังที่สวยที่สุดหลังหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย







ข้อมูล  
-พม่าเสียเมือง  : ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช, สำนักพิมพ์ดอกหญ้า ๒๐๐๐, กรุงเทพ, ๒๕๕๒
-www. palungjit.com
-www.tripdeedee.com
http://th.wikipedia.org






.