[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 10 พฤษภาคม 2555 11:45:42



หัวข้อ: ประสบการณ์ทางผีผ่าน (ทางสามแพร่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 พฤษภาคม 2555 11:45:42


ประสบการณ์ทางผีผ่าน

“ทองอินทร์” เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเส้นทางวิญญาณ (ทางสามแพร่ง)


เล่าสืบกันมาว่า “ชาวพวน” อพยพจากเมืองลาว  มาตั้งถิ่นฐานที่อำเภอบ้านหมี่  จังหวัดลพบุรี  ตั้งแต่ปลายกรุงศรีอยุธยา  ปรากฏหลักฐานจากการก่อตั้งวัดหินปักใหญ่ในปี ๒๓๐๖  โดยชาวพวนเป็นผู้สร้าง  ส่วนวัดวังใต้นั้นชาวไทยเวียงที่อพยพตามหลังมา สร้างไว้ในปี ๒๓๐๗  ต่อมากลายเป็นชุมชนใหญ่เมื่อครั้งปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ 

ชาวพวนนับถือศาสนาพุทธและนับถือผีปู่ตากับผีบรรพบุรุษ  โดยจะแยกหิ้งพระไว้คนละส่วน  ในหมู่บ้านก็มีศาลผีปู่ตาทุกแห่ง  นิยมสร้างไว้ตามเนินสูง เช่นตามโคกหรือจอมปลวกใหญ่ ๆ สะดุดตา   บางแห่งเรียกว่า “หอบ้าน”     ทุก ๆ ปี จะมีพิธีกรรมเลี้ยงผี   โดยหมอผีวัยชรา หรือเรียกว่า “เจ้าจ้ำ” เป็นผู้นำชาวบ้านทำพิธีกรรมต่าง ๆ  และเชื่อว่าถ้า “เซ่นไหว้ดี-ทำพลีถูกต้อง  ผีปู่ตาจะคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข"

นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรม “เลี้ยงผี”    โดยการทำบุญสารทหรือเทศกาลทำบุญสิ้นเดือนสิบ ซึ่งเทศกาลดังกล่าวของชาวพวนจะตรงกับวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙  ส่วนสารทลาวถือเอาวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐  แต่สารทไทยช้ากว่าเพื่อน คือวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐


เหตุการณ์ชวนขนหัวลุก

หลังเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์การทำบุญสารทที่วัดใกล้บ้านคราวหนึ่ง   ชาวบ้านต่างล้อมวงกินอาหาร  เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปถึงภูตผีปีศาจ รวมทั้งสัมภเวสี ผีเร่ร่อน ให้ได้รับส่วนบุญด้วย  ซึ่งชาวบ้านนิยมทำเป็นประเพณี  โดยห่อข้าว  อาหารคาวหวาน  หมากพลู  บุหรี่  ห่อด้วยใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยม  แล้วนำไปวางตรงทางสามแพร่ง  เพราะเชื่อว่าเป็นทางผีผ่าน  ซึ่งไม่ว่าไทยหรือพวนก็เชื่อเรื่องทางสามแพร่งตรงกัน คือเชื่อว่าเป็นทำเลอัปมงคล  สิ่งชั่วร้ายหรือภูตผีจะมาสิงสู่อยู่กันที่นั่น  จึงได้หลีกเลี่ยงการปลูกบ้านในทำเลเช่นนั้น  ยกเว้นแต่จะจนปัญญาจริง ๆ เพราะหาที่ทางไม่ได้แล้ว      และที่เชื่อตรงกันอีกอย่างก็คือภูตผีย่อมมีความหิวโหยเหมือนผู้คนทั้งหลาย  จึงได้มีการเอาอาหารเซ่นผีตั้งแต่ยังไม่ได้เผา  หลังจากนั้นก็ยังทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผี  รวมทั้งผีไม่มีญาติอีกด้วย

วันนั้น หลังจากจัดการแจกข้าวให้ผีแล้วก็พากันกลับ  น้องชายของ  “ทองอินทร์”  อายุราว ๗-๘ ขวบ  เดินไป  พลางหันไปมองข้างหลังบ่อย ๆ  จนแม่ของเด็กถามว่ามองอะไรหรือ?  คำตอบของเด็กเล่นเอาผู้ใหญ่ต้องหยุดกึกไปตาม ๆ กัน

“ใครไม่รู้  มาแย่งกันกินข้าวห่อกันใหญ่เลย....”  น้องชายไม่ได้พูดเฉย ๆ  แต่ชี้มือให้ดู   ทุกคนหันขวับไปมอง   นอกจากเสียงลมพัดคร่ำครวญ  เมฆหนาบดบังแสงแดดจนร่มครึ้มแล้ว  เราก็ไม่เห็นอะไรเลย  แต่ทำไมขนหัวลุกก็ไม่รู้ ?!
   


ที่มา  : - ย่อ-สรุปความโดยกิมเล้ง   จากคอลัมภ์ “ขนหัวลุก”  โดยใบหนาด  หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
.