หัวข้อ: ยันต์อุบากอง (ยันต์พม่าแหกคุก) เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 11 พฤษภาคม 2555 11:16:15 (http://www.watkositaram.com/forum/index.php?PHPSESSID=0c98c677519b8426a4cae93fa803bc5b&action=dlattach;topic=3416.0;attach=17961;image) ภาพจาก : www.watkositaram.com (http://www.watkositaram.com) ยันต์อุบากอง (ยันต์พม่าแหกคุก) พงศาวดารรัชกาลที่ ๑ กล่าวว่า ในศึกพม่าครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๓๘ กองทัพพม่ายกมาล้อมเมืองเชียงใหม่ พระยาเชียงใหม่มีใบบอกมาถึงกรุงเทพฯ โปรดให้สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวร เสด็จยกกองทัพไปช่วย ครั้งนั้น กรมพระราชวังบวรสั่งให้พระองค์เจ้าลำดวน พระองค์อินทปัต แยกคุมกองทัพหนึ่งขึ้นไปทางเมืองลี้ ส่วนทัพหลวงไปทางเมืองนครลำปาง เมื่อสองกองทัพไปถึง ก็ประสานกำลังกันโจมตี ทัพพม่าแตกพ่าย นายทัพพม่าชื่อ อุบากอง ถูกจับได้พร้อมไพร่พลจำนวนมาก และให้นำไปจำขังไว้ที่คุกวัดโพธาราม (วัดพระเชตุพนฯ ในปัจจุบัน) เมื่อเชลยศึกพม่าถูกนำมาขังรวมกันไว้ ทุกคนถูกสั่งให้ถอดเสื้อ.....ผู้คุมไทยจึงเห็นอุบากอง นายทัพพม่า สักยันต์ดำมืดเต็มตัวดูเหมือนใส่เสื้อยันต์ กลางอกสักเป็นตารางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นช่อง ๆ ด้านสูงมี ๗ ช่อง ด้านกว้างมี ๕ ช่อง ตัดกัน....รวมเป็น ๓๕ ช่อง ภายในช่อง มีเลข ๐ บ้าง กากบาทบ้าง เป็นช่องว่างบ้าง ตอนแรก อุบากอง ก็บอกว่า เป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากมีฤทธิ์เดชทำให้อยู่ยงคงกระพัน ยังคุยว่าใช้สะเดาะโซ่ตรวนแหกคุกก็ได้ คุย ๆ ไป อุบากองจึงค่อย ๆ ขยาย...ความจริงในยันต์นั้น เป็นอุปกรณ์ใช้สำหรับดูฤกษ์ยามเมื่อจะทำการสำคัญ ผู้คุมไทยเลื่อมใสถ่ายทอดไปใช้กันต่อ เขียนคำกลอนระบุวิธีการใช้ และคำทำนาย ดังต่อไปนี้ ศูนย์หนึ่งอย่าพึงจร แม้ราญรอนจะอัปรา สองศูนย์จงยาตรา จะมีลาภสวัสดี สี่ศูนย์จะพูนผล จรดลลาภมากมี ปลอดศูนย์พูนสวัสดิ์ ภัยพิบัติลาภบ่มี กากบาทตัวอัปรีย์ แม้จรลีจะอันตราย ความจริงการที่ทัพพม่าแพ้ไทย ตัวแม่ทัพอุบากองถูกจับได้ ก็พิสูจน์แล้วว่า ยันต์หรือยามอุบากอง ไม่ศักดิ์สิทธิ์ พร้อม ๆ กับข่าวยันต์อุบากองก็มีข่าวตามมา อุบากองเจ้าของยันต์ แท้จริงแล้วไม่ใช่พม่า แต่เป็นคนไทยที่ถูกกวาดต้อนไปคราวเสียกรุง พ.ศ. ๒๓๑๐ รัชกาลที่ ๑ โปรดให้ส่งตัวมาสอบสวนความจริงในกรุงเทพฯ สอบสวนหลายฝ่ายได้ความว่า อุบากองเป็นคนไทยจริง บิดาเชื้อสายมอญ มารดา พี่ชาย น้องชาย และญาติอีกหลายคน ยังมีตัวตนอยู่ที่บางแค กรุงเก่า เมื่อโปรดให้นำมาเฝ้าสาบานถวายตัว อุบากองก็กราบทูลเรื่องราวทางกรุงอังวะ ได้มากกกว่าที่เคยได้จากแม่ทัพนายกองเชลยพม่าคนอื่น จงทรงพระเมตตา ให้ปล่อยตัวเป็นอิสระ พระราชทานเสื้อผ้าและเงินตรามิให้ขัดสนอดอยาก.....คนไทย ที่ได้เป็นถึงแม่ทัพพม่า ได้รับความสนใจ ความนิยมในเรื่องยามอุบากองเริ่มแพร่หลาย ตัวอุบากองก็เริ่มขยายวิชาอาคม ทำตัวเป็นผู้วิเศษ มีคนไทยเชื่อถือกันมาก อุบากอง จึงถูกจับเข้าคุกเป็นครั้งที่สอง แต่ถูกจองจำได้เพียงสองปี ก็แหกคุกหนีกลับไปพม่าจนได้ ทั้ง ๆ ที่มีการสอบสวนว่า อุบากองติดสินบนผู้คุมจึงหนีจากคุกได้ แต่ข่าวอุบากองแหกคุกก็ทำให้เกิดข่าวลือ และความเชื่อถือเรื่องยามอุบากองก็เพิ่มขึ้น คนไทยสมัยนั้นเรียกว่า “ยันต์พม่าแหกคุก” ความนิยมเรื่องยันต์อุบากอง ยังใช้กันแพร่หลาย จนถึงสมัยเริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่มา : - คอลัมภ์ “ชักธงรบ” โดย กิเลน ประลองเชิง น. ๓ นสพ.ไทยรัฐ ฉบับประจำวันเสาร์ที่ ๑๒ พ.ค. ๕๕ - http://www.watkositaram.com . |