หัวข้อ: สร้าง 'ครูบาศรีวิชัย' องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 25 มิถุนายน 2553 00:37:30 [ โดย อ.มด จากบอร์ดเก่า ]
สร้าง 'ครูบาศรีวิชัย' องค์ใหญ่ที่สุดในโลก (http://www.dailynews.co.th/content/images/0910/10/33/k220.jpg) ครูบาอริยชาติ เดินตามรอยวิถีนักบุญล้านนา (http://www.dailynews.co.th/content/images/0910/10/33/k1.jpg) นาทีนี้คงไม่มีใครไม่คุ้นเคยกับชื่อเสียงเรียงนามของพระหนุ่มนักพัฒนานาม “ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต” หรือครูบาเก่งหรือครูบาน้อย แห่งวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ บ้านป่าตึง ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นแน่แท้ ไม่ว่าญาติโยมคนใดเดือดเนื้อร้อนใจทุกปัญหา หากดั้นด้นไปปรึกษาหารือท่านให้ช่วยเหลือขจัดปัดเป่าความทุกข์โศกล้วนไม่เคยผิดหวัง ทุกคนต่างสุขกายสบายใจ ด้วยจริยวัตรอันงดงามและยึดแนววิถีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเดินตามรอย “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” นักบุญแห่งล้านนาอย่างมาดมั่น น่าเคารพน่าศรัทธาและน่าเลื่อมใสยิ่งนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้นักการเมือง คหบดี นักธุรกิจ พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนต่างหลั่งไหลไปกราบมนัสการ ครูบาอริยชาติ จนแน่นขนัดวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต สมเป็นหน่อเนื้อพุทธางกูรโดยแท้ ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๒๔ ที่บ้านปิงน้อย อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นบุตรคนสุดท้ายของโยมพ่อสุข โยมแม่จำนงค์ อุ่นต๊ะ ในวัยเยาว์ ด.ช.อริยชาติ มีผิวพรรณผุดผ่อง มีสติปัญญาเฉียวฉลาดกว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน เรียนหนังสืออยู่ในระดับดีเยี่ยม แต่มีนิสัยรักสันโดษ ไม่ชอบเบียดเบียนสัตว์และมักนำดินเหนียวมาปั้นเป็นพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กองค์ใหญ่ จน เพื่อน ๆ ล้อว่าเป็นตุ๊เจ้า ยามว่างชอบเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่เนือง ๆ เป็นที่มาให้ ครูบาจันทร์ติ๊บ ญาณวิลาโส อดีตเจ้าอาวาสวัดชัยชนะ ต.ประดู่ป่า อ.เมือง จ.ลำพูน เห็นแววว่าเป็นผู้มีบุญวาสนา สมควรสืบสานพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป ครูบาจันทร์ติ๊บ จึงถ่ายทอดวิชาความรู้ต่าง ๆ ทั้งการอ่าน เขียน อักษรล้านนาให้เพียง ๑-๒ วัน ด.ช.อริยชาติ ก็สามารถอ่าน เขียน ได้คล่องแคล่ว ครูบาจันทร์ติ๊บ ได้ถ่ายทอดวิชาเวท มนตร์ อาคมต่าง ๆ ที่ร่ำเรียนสืบทอดมาจากครูบาชุ่ม โพธิโก อดีตพระเกจิชื่อดังล้านนาและอดีตเจ้าอาวาสวัดชัยมงคล (วังมุย) ให้จนหมดสิ้น ด.ช.อริยชาติ ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว เขียนและจารอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ แทนอาจารย์ได้เลย ต่อมาครูบาจันทร์ติ๊บชราภาพมาก การทำตะกรุด วัตถุมงคลต่าง ๆ จึงตกเป็นภาระของ ด.ช.อริยชาติ ต้องทำเองแทนอาจารย์ ปรากฏว่าผู้เช่าบูชาได้รับประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด คงกระพัน ปลอด ภัยและอุดมไปด้วยโชคลาภอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จวบจน ด.ช.อริยชาติ อายุได้ ๑๔ ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.๔ เกิดปรารถนาแรงกล้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ประกอบกับมีโอกาสไปกราบนมัส การ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ท่านเมตตาแนะนำให้บรรพชา จึงไปปรึกษาโยมพ่อโยมแม่แล้วบรรพชาเป็นสามเณรกับ ครูบาเทือง นาถสีโล วัดเด่นสลีเมืองแกน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จากนั้นสามเณรอริยชาติตั้งใจศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาต่าง ๆ เพิ่มเติมจาก ครูบาอินตา วัดห้วยโทร อ.บ้านธิ จ.ลำพูน และครูบาอินตา วัดวังทอง จ.ลำพูน ที่เชี่ยวชาญด้านเมตตามหานิยม จนวิชาไม่เป็นรองใครในภาคเหนือ จนมีลูกศิษย์จาก จ.น่าน นิมนต์ท่านไปขจัดปัดเป่าทุกข์โศกก็สร้างความประทับใจให้ทุกคน ได้รับขนานนามว่า “หลวงพ่อเณร” วัตถุมงคลที่ท่านเคยสร้าง เช่น ปรอท ดาบ ผู้ใช้ต่างมีประสบการณ์ “หนังเหนียว” ยิ่งสร้างชื่อเสียงให้ท่านมากขึ้น ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ สามเณรอริยชาติ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายา “อริยจิตฺโต” จำพรรษาอยู่วัดชัยมงคล (วังมุย) ต.ประดู่ป่า อ.เมือง จ.ลำพูน มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมจนญาติโยมศรัทธานิมนต์ไปจำพรรษาที่วัดพระธาตุดงสีมา ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ซึ่งท่านอุทิศพัฒนาบูรณะพระธาตุเก่าแก่จนเจริญรุ่งเรืองทาสีขาว หุ้มทองคำเหลืองอร่ามใช้เวลาแค่ ๑ เดือนเท่านั้น ต่อมา ครูบาอริยชาติ ได้ย้ายมาสร้างวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ บนดอยม่อนแสงแก้ว เลขที่ ๑๙๑ หมู่ ๑๑ บ้านป่าตึง อ.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ในเนื้อที่ประมาณ ๒๙ ไร่เศษ เด่นเป็นสง่ามองลงมาเห็นตัว อ.แม่สรวย ชัดเจน ตามการรับนิมนต์ของ หลวงพ่อยา ศรีทา และคณะศรัทธาชาวบ้านป่าตึง โดยถือฤกษ์ดีก่อสร้างเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ตรงกับเดือนแปดเป็งของล้านนาหรือตรงกับวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหก (http://www.dailynews.co.th/content/images/0910/10/33/k2.jpg) การวางแผนผังวัดเป็นไปตามหลักธรรมคำสอนและเป็นแนวสถาปัตยกรรมล้านนา แบ่งพื้นที่ ๓ ส่วน เป็นขั้นบันได ๓ ขั้น แต่ละขั้นมีความหมาย ขั้นที่ ๑ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อน ที่จอดรถและสถานที่สาธารณกุศลสำหรับพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาทำบุญที่วัด ขั้นที่ ๒ ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและใช้ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ สามเณร ขั้นที่ ๓ ชั้นสูงสุดเป็นชั้นสังฆกรรม ชั้นพระสงฆ์ทำพิธีกรรมและเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุประจำวัด ที่มาของชื่อวัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ หมายถึง ดอกบัวที่ผุดโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำแล้วมีแสงสว่างเรืองรองเหมือนแสงแก้ว เป็นการตั้งชื่อตามนิมิตฝันของท่านที่เห็นฝนตกหนัก ท่านเดินจากยอดดอยแต่ศิษย์ห้ามไว้บอกว่า “ไม่ต้องลงไปหรอกหมู่บ้านข้างล่างน้ำท่วมหมดแล้ว” และท่านเห็นแสงสว่างคล้าย ๆ แสงแก้วลอยไปลอยมาหลายดวง เข้าไปดูใกล้ ๆ พบชาวบ้านถือดวงไฟส่องทาง จึงเดินกลับขึ้นดอยระหว่างทางตกหลุมโคลนพบลูกแก้วแสงสว่างเรืองรองสวยงาม แต่ท่านมิได้สนใจโยนทิ้งไปกลับกลายเป็นดอกบัวผุดขึ้นมากมายส่องแสงเรืองรองทั่วบริเวณ รุ่งเช้าท่านนำนิมิตฝันไปเล่าให้หลวงพ่อยา ศรีทาและคณะศรัทธาฟัง จึงตั้งชื่อว่า “วัดแสงแก้วโพธิญาณ” แต่พอขออนุญาตสร้างวัดต่อกรมศาสนา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกประทานนามใหม่เป็น “วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ” ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ในฐานะเจ้าอาวาสรูปแรกและทำการพัฒนาวัดอย่างต่อเนื่อง ท่านเคยสร้างรูปหล่อ นางกวัก รูปร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยจนเป็นที่เรียกขานว่า “นางกวักตุ้ย” รุ่นแม่เพชรพันกองแม่ทองพันโล ได้รับความนิยมบูชาจากญาติโยม โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าต่างเล่าขานถึงความขลังและศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๒ ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณได้จัดงานทำบุญทอดกฐิน ทำพิธียกช่อฟ้า พระวิหาร อุโบสถ และวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างรูปหล่อเหมือน “ครูบาศรีวิชัย” โลหะองค์ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตักกว้าง ๙ เมตร สูง ๑๒ เมตร โดยมีครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เป็นประธาน จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งหลายมาร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งในวันนั้นกลางคืนจะมีมหรสพ การแสดงของเหล่าดารา ศิลปิน ตลก จากรายการก่อนบ่ายคลายเครียดโชว์ลีลาให้ตื่นตาตื่นใจด้วย ย่างเข้าสู่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ น. เป็นต้นไป จะมีการแสดงธรรมเทศนา “อนิสงฆ์กฐิน” โดยพระนักเทศน์ชื่อดัง ๔ กัณฑ์ พิธีสวดมนต์เช้า เชิญกรรมฐาน ทำบุญตักบาตร แห่ขบวนกฐินสามัคคีและตั้งองค์กฐินสามัคคี ถวายกฐินทาน และพิธีหล่อพระเกตุเงิน พระประธาน พิธีหล่อพระสิงห์ ๑ หน้าตัก ๕๙ นิ้ว ๒ องค์ พระเศรษฐีนวโกฐ ๑ องค์ สนใจเป็นเจ้าภาพงานทอดกฐินสามัคคีเพื่อสร้างศาสนสถานต่าง ๆ เช่น โบสถ์ วิหาร หอฉัน ศาลา กำแพงวัด ห้องน้ำ กุฏิสงฆ์ ที่วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ ร่วมอนุโมทนาบุญได้ที่ ๐๘-๙๒๖๒-๔๙๗๓, ๐๘-๕๖๑๔-๓๗๖๔ และ ๐๘-๑๘๘๓-๕๑๐๘ โทรสาร ๐-๕๓๑๖-๓๓๐๒. อาราธนานัง รายงาน ------------- (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/includes/images/logo.gif) (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm) http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=502&contentID=25127 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=502&contentID=25127) |