[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เรื่องราว จากนอกโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊ก ที่ 26 มิถุนายน 2553 20:29:31



หัวข้อ: "ฟรีเมสัน" องค์กรลับของมนุษย์ต่างดาว(ฝ่ายชั่ว)
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 26 มิถุนายน 2553 20:29:31
"ฟรีเมสัน"
องค์กรลับของมนุษย์ต่างดาว(ฝ่ายชั่ว)


(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=675327&stc=1&d=1247605386)

มนุษย์ต่างดาวฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว ได้เคยมาเยือนโลกมนุษย์เราเมื่อหลายพันปีมาแล้ว และได้ทิ้งมรดกตกทอดเอาไว้มาจนถึงมนุษย์ในยุคปัจจุบันของเรานี้ โดยมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี ได้มาเป็นต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์และอิสลามในปัจจุบันนี้(ทั้งคริสต์และอิสลามต่างก็นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน)

ส่วนมนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่ว ก็ได้ทิ้งมรดกเป็นองค์กรร้ายที่ครองงำประเทศต่างๆ อยู่ในปัจจุบันนี้ นั่นก็คือองค์กรลับฟรีเมสัน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายที่จะทำลายล้างทุกศาสนาในโลกนี้ให้หมดไป และตั้งตัวเองขึ้นเป็นจักรวรรดิปกครองโลกนี้แต่เพียงผู้เดียว (เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมคนเดียว ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ-เกษม-)

ฟรีเมสัน ในอเมริกา

เหล่าผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้ก่อตั้งอเมริกา บนไพลเมาท์ร๊อก พวกเขาไม่ได้นำไปแค่เพียงคนที่ถูกเนรเทศ แต่ยังนำองค์ประกอบของฟรีเมสันแห่งยุโรปไปด้่วย ความอยุติธรรมถูกกลุ่มผู้ก่อตั้งอเมริกานำไปจากยุโรป ซึ่งจะพบได้ในรูปแบบการกดขี่ของกองทหารอังกฤษ ในความพยายามที่จะบงการอย่างเบ็ดเสร็จบนรัฐแห่งใหม่นี้ ฟรีเมสันได้ใช้วิธีการเดียวกับที่เคยสำเร็จมาแล้วในฝรั่งเศส แม้ว่ากษัตริย์อังกฤษจะถูกผลักดันโดยเมสัน

สงครามประกาศอิสระภาพของอเมริกาถือเป็นการตอบโต้อันมีนัยสำคัญ ผู้ที่เข้าร่วมสงครามต่างมีข้อแลกเปลี่ยนกับเมสันเพื่อเติมเต็มความไฝ่ฝัน ของพวกเขา ความรู้สึกของผู้คนถูกผนึกรวมกันเป็นความโกรธแค้น แฉกเช่นที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ความโกรธแค้นนำไปสู่สงคราม ในครั้งนี้เมสันมีบทเรียนจาก นโปเลียนกับกองกำลังของเขาในยุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อต้านเช่นที่เกิดมาแล้วนั้น คือต้องมั่นใจว่าหัวหน้าก่อการต้องเป็นคนของเมสันเอง และหัวหน้าที่ถูกเลือกมาทำสงครามต่อต้านอังกฤษเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก จอร์จ วอชิงตัน

วันที่ 4 เดือนกรกฎาคม 1776 คำประกาศอิสระภาพถูกร่างขึ้น และวันที่17 ตุลาคม1781 อังกฤษก็พ่ายแพ้สงครามและยอมมอบอาณานิคมต่อชาวอเมริกา อันนำไปสู่รัฐบาลแห่งแรกของฟรีเมสันบนโลกใบนี้ ประเทศนี้นำเสนอเมซันรี่ในทุกวิถีทาง สัญลักษณ์ ของเมโซนิก ถูกพบเห็นได้ในธนบัตรดอลลาร์ ซึ่งมีรูปของจอร์จวอชิงตัน ประธานของฟรีเมสันคนแรก พร้อมกับรูปสัญลักษณ์ของเมโซนิก ที่เรียกว่า all seeing one eye


(http://api.ning.com/files/gV97k8g94rtlAnuxfAUTAQX23S7bMOTJJu7qeKRVF8-2kqjXxYzCRBn48gS9VNzv6CSKs2vNLXAzyecya7uJfekt-Mq--Wd5/LeftCircle.jpg)


ในประวัติศาสตร์การควบคุมผนวกรวมแนวคิดทางการเมืองถูกฟรีเมสันใช้เป็นอาวุธ เืพื่อให้ได้มาซึ่งการควบคุมประเทศและรัฐบาล พวกเขาเคยควบคุมผู้ปกครองและนักการเมืองเพื่อออกกฏหมาย และวางโครงสร้างทางการเมือง ให้เป็นไปตามระเบียบวาระ ทว่าการบังคับทางกายยังไม่หยั่งลึกเช่นการบังคับทางใจ เพื่อขจัดปัญหานี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ เมสันได้วางแผนการอันชาญฉลาด จนสามารถควบคุมบงการมนุษย์ในทุกๆด้าน

อาวุธที่พวกเขาใช้ต่อวิถีชีวิตของคุณ คือความบันเทิงภายในบ้านหลากหลายชนิด มันใช้การได้กับทุกคนในครอบครัวโดยที่ไม่มีใครทันรู้สึกตัว ในสังคมทุกวันนี้ ผู้คนเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์กับสื่อยุคใหม่ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เกมคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต นวนิยายขายดี และดนตรียอดนิยม ทุกสิ่งล้วนเข้ามาอยู่ในวิถีชิวิตของเราๆท่านๆ ข้อมูลมากมายที่ถูกสื่อออกมาจะเข้ามาบงการจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกในจิตใจของ ท่าน ข้อมูลเรื่องระดับชั้นในสังคมในอุดมคติ เรื่องทางศีลธรรม เศรษฐกิจ ล้วนเป็นโครงสร้างที่กำเนิดขึ้นในวิถีชีวิตโดยไม่รู้ตัว


(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=675330&stc=1&d=1247605386)

อาวุธร้ายของฟรีเมสัน

สื่อบันเทิงต่างๆถูกนำมาควบคุมบงการวิธีการคิดของทุกคน พวกเขาใช้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เพื่อปรับวิธีการคิดของประชาชนทั้งโดยเปิดเผย และวิธีการที่เรียกว่า สับลิมินอล เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวคือการกำหนดให้เชื่อ ในวิถีทางและอุดมคติของพวกเขา ทำให้คุณคิดในรูปแบบเดียวกับพวกเขาด้วยตัวของคุณเอง ตัวอย่างหนึ่งที่เด่นชัดคือ การประพันธ์ดนตรี ของวูลฟ์กัง อาดีอุส โมซาร์ด เขาได้ประพันธ์ ซิมโฟนี่ ซึ่งเป็นการนำเสนอฟรีเมสันอย่างเปิดเผย ซิมโฟนี มีประวัติมาจากตำนานของอียิปต์โบราณ อไวซัส และไซรัส ตำนานของชนเผ่าอียิปต์จากกาบาลา ซึ่งเป็นแง่มุมพื้นฐานของฟรีเมซันรี่ เช่นเดียวกันกับสัญลักษณ์ที่สืบทอดมาจากอียิปต์นั่นคือ one eye stems

อีกหลักฐานหนึ่งของการนำเสนอฟรีเมสัน สามารถพบได้จากดนตรีป๊อปของ ไมเคิล แจ๊กสัน ซึ่งถือเป็นราชาเพลงป๊อป ในอัลบัมหนึ่งของเขาบนหน้าปกอัลบัมที่ชื่อ dangerous มีสิ่งที่หน้าสนใจคือสัญลักษณ์ตาดวงเดียว และรูปภาพของทะเลสาบที่กำลังลุกเป็นไฟ ทำให้ทุกคนรู้สึกไปด้วยว่าการบันเิทิงอยู่บนน้ำนั้นก็เหมือนกับการบันเทิง อยู่บนเปลวไฟ

ผลงานของฟรีเมสันซึ่งได้เข้าไปควบคุมอุตสาหกรรมดนตรี โดยผ่านสับลิมินอลของซาตานิกแมสเสจ พวกเขาใช้วิธีการอัดเสียงย้อนกลับด้าน(back tracking) ซึ่งหากเปิดไปตามปกติก็จะไม่รู้สึกตัว ทว่าขีดความสามารถในการรับสารของมนุษย์นั้นซับซ้อนพวกเขาเข้าใจขีดความ สามารถนี้ดี แมสเสจนี้จะถูกส่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกโดยตรง ในขณะที่จิตสำนึกระดับปกติยังไม่รู้สึกตัว ตัวอย่างแรกของการ แบคแทรกกิ้ง คือเพลงของนักร้องสาว มาดอนน่า จากเพลง "like a prayer" หากได้รับฟังก็จะเข้าใจว่าไม่ได้สวดต่อพระเจ้า แต่กล่าวตรงถึงการสวดต่อซาตาน หากเล่นย้อนกลับก็จะได้ิยินคำว่า "oh hear us satan" อย่างชัดเจน ในมิวสิควีดีโอหนึ่ง มีภาพดวงตาเดียวปรากฏขึ้นในชั่วเสี้ยววินาทีและอีกมิวสิควีดีโอหนึ่ง เธอยืนอยู่บนลายเขียนหนึ่งซึ่งเมื่อตรวจสอบดูแล้วก็พบว่านั่นคือ ลายเขียนภาษาอาหรับในกุรอาน

อีกตัวอย่างหนึ่งของการ แบ๊กแทรก ยกมาจากกลุ่มศิลปิน "the eagles" ในเพลง "hotel california" จะมีคำหนึ่งที่ดังขึ้นเมื่องเล่นกลับด้านว่า "yeah satan" แคลิฟอร์เนียในเพลงมิใช่โรงแรมแต่เป็นถนนเส้นหนึ่งในอเมริกาที่ชื่อแคลิ ฟอร์เนีย เป็นถนนที่มีโบสถ์หลังใหญ่ตั้งอยู่ แต่เราน่าจะเรียกมันว่า โบสถ์ของซาตานมากกว่า ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย แอนโทนี่ ซาน เดลิวี่ ผู้ประพันธ์ ซาตานิกไบเบิล คำสอนของโบสถ์แห่งนี้ถูกนำไปนำเสนอในอุตสาหกรรมดนตรีร๊อก ศิลปินบางคนในกลุ่มนี้กล้่านำเสนอให้ผู้คนศรัทธาต่อคำสอนของโบสถ์แห่งนี้ สมาชิกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง ในวงโรลลิ่ง สโตน ไมค์แจกเกอร์ ผู้แต่งเพลง "sympathy for the devil" ซึ่งผสมผสานระหว่างแนวคิดของคริสเตรียนเข้ากับลัทธิบูชาซาตาน

อีกหลักฐานจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากฮอลลีวูด แมท โกรวนิ่ง ผู้สร้างการ์ตูนซีรี่ย์ทางทีวี "the simpsons" เขาเป็นพวกอนาธิปไตยที่พร้อมเสนอแนวคิดของตัวเองเข้าไปในการ์ตูนอย่างเปิด เผย การตูนซิมสันสอนเราและลูกหลานของเราอย่างไร พวกเขาสอนให้ฝ่าฝืนในทุกสิ่งแม้แต่คำสอนของบุพการี การแสดงอย่างอย่างหยาบคาย ทำให้การฝ่าฝืนกฏระเบียบคือสิ่งที่ผู้คนชื่นชม การสื่อทางโทรทัศน์ทำให้ผู้คนรับสารได้มากกว่าในโรงภาพยนตร์ และสิ่งที่ได้นำเสนอผ่านสื่อนี้อยู่ตลอดเวลาคือ แนวคิดเรื่องของผู้นำโลกทั้งหมดมีเพียงหนึ่งเดียว

ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งนำเสนอแนวคิด ผู้นำโลก และรัฐบาลโลก ที่พวกเขาจัดเตรียมไว้คือเมื่อปี 1996 ภาพยนตร์เรื่อง "independence day" ติดอันดับสถิติบอกซ์ออฟฟิส เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยม อันดับ7ตลอดกาล ได้นำผู้ชมทั้งโลกเข้าสู่นวนิยายมนุษย์ต่างดาวบุกโลก ลึกๆแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แทรก สับลิมินอลแมสเสจเอาไว้ เกี่ยวกับฐานทัพลับที่ชื่อ "area51" เป็นฐานที่ตั้งของอาวุธต่อสู้ซึ่งมนุษย์ทั้งโลกได้ฝากฝังอนาคตเอาไว้ ทางเข้าสู่ตัวฐานทัพนี้เป็นรูปทรงปิรามิดซึ่งติดตั้งสัญลักษณ์ดวงตาเดียว

ภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกามีอำนาจจูโจมเหนือทุกประชาชาติ และถูกสั่งการจากบุรุษเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นหัวหน้าของผู้นำทั้งหลาย หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้พวกเขาก็โหมกระแส เรื่องมนุษย์ต่างดาว ยูเอฟโอ และอำนาจอันน่าสะพรึงเหนือมนุษย์ทั้งหลาย ไปสู่ซีรี่ย์ต่างๆในโทรทัศน์ พวกเขาสร้างความหวั่นกลัวให้ซึมเข้าสู่หัวใจของมนุษย์ทั้งหลาย ทำให้พวกเขาต้องการผู้ปกป้อง นั่นคือต้องการความปลอดภัยของตัวเอง เป็นแนวคิดใ้ห้มนุษย์ทั้งโลกสลายความรู้สึกแตกต่างกันเมื่อต้องเผชิญกับการ คุกคามของเอเลี่ยนจากภายนอก


(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=675326&stc=1&d=1247605386)


ต่อมาในปี 1999 ภาพยนตร์เรื่อง "the matrix" เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วย subliminal massage เช่นรหัสตัวเลขทางไสยศาสตร์ที่ซ่อนไว้ในรหัสตัวอักษรสีเขียวที่เคลื่อนลง พร้อมกันบนพื้นสีดำ มีการใช้สัญญาณมือในพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เพื่อสื่อสารกับชัยตอน คอมโพสิชั่นองค์ประกอบของภาพเป็นรูปสามเหลี่ยมของปิรามิด แม้กระทั่งองค์ประกอบเล็กๆน้อยบนภาพ ทุกฉากทุกตอนเต็มไปด้วยการแสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ในพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของ ลัทธิเมโซนิก(บูชาซาตาน)ทั้งสิ้น

แม้กระทั่งเนื้อหาที่นำเสนอซึ่งเป็นรูปแบบของการอุปมาอุปไมยตัวละครเข้ากับ ประวัติศาสตร์ ความเชื่อทางศาสนา จึงไม่แปลกเลยที่ผู้ชมจึงหลงไหลในเสน์หของตัวละคร ที่แสดงบทบาทเป็น เดอะวัน โดยไม่รู้ตัว การนำเสนอความจริงซึ่งซ้อนทับกันอยู่หลายขั้นหลายตอนเพื่อให้มนุษย์กล้า ปฏิเสธ กฏเกณฑ์ต่างๆที่ถูกกำหนดขึ้นเหนือเขา การนำเสนอความคิดเกี่ยวกับพระเจ้า สถานิกแห่งสากลจักรวาลยังมีข้อจำกัดทางตรรกในการสร้างสรรค์

เทพยากรณ์ผู้ศรัทธาในตัวบุคคลและธรรมชาติซึ่งกำหนดสภาวะการณ์ของสิ่งต่างๆ และเดอะวันที่ตาบอดสนิทแล้วแต่ยังมองเห็นความจริงของทุกสิ่ง ทั้งหมดนั้นเพื่อชี้นำให้ผู้ชมคล้อยตามและไม่อาจบรรลุถึงคุณลักษณะที่แท้ จริงของพระเจ้าได้ ในการ์ตูนภาพยนตร์แทบทุกเรื่องล้วนแทรก สับลิมินอลแมสเสจเหล่านี้เข้าไปทั้งสิ้น นับเป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชนที่รับชมซึ่งจะถูกปรับวิูธีคิดวิธีการมองโลก ให้คล้อยตามไปโดยไม่รู้สึกตัว


ที่มา http://shukry.spaces.live.com/blog/cns!BEE8BCB57BAA9E22!487.entry (http://shukry.spaces.live.com/blog/cns!BEE8BCB57BAA9E22!487.entry)