หัวข้อ: A cause & A Hope เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 29 มิถุนายน 2553 14:00:27 (http://www.seesod.com/storage34/36ZTMSDJ711275532087/o.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/17.wma (http://lh6.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TBr_4TvayfI/AAAAAAAABD0/ny96kFM6Zak/1276500000.gif) เป็นเพราะความหวังนั้นล่ะทำให้จิตนั้นดิ้นรนทะเยอทะยาน เพราะความหวัง นั้นล่ะ จึงมีสมหวัง มีผิดหวัง เพราะความหวัง นั้นล่ะ จึงมีสุขเพราะสมหวัง จึงมีทุกข์เพราะผิดหวัง เพราะความหวัง นั้นล่ะ จึงเกิดการปรุงแต่งหลอกลวงจิตจมไปอยู่กับอดีตฝันไปถึงอนาคต ทิ้งสติในปัจจุบัน คนที่คิดว่าตนสิ้นหวังหมดหวัง แต่ก็ยังเสียใจ ก็เพราะยัง มีหวังอยู่ แท้จริงคนที่หมดหวังหรือสิ้นหวังแล้ว หรือไม่หวังแล้วก็ตาม เขาย่อมไม่สุข ไม่ทุกข์ มีปรกติไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในอารมณ์ทั้งปวง เมื่อจิตนี้สงบไม่หวั่นไหว เพราะไม่มีความยินดีไม่มีความยินร้ายเสียแล้ว จิตนี้ก็จักสงบควรแก่การ ปฏิบัติอบรม สติก็มั่นคง สมาธิก็ตั้งมั่น ปัีญญาก็กว้างขวางไม่คับแคบ และก็จักได้รับความสงบสุข ในสุขที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปผู้ปฏิบัติธรรมจึงควรรู้จักกระทำตนอย่างคนที่สิ้นหวังหมดหวังอย่างฉลาดในอุบาย ตามโอกาสและตาม ความเหมาะสมแก่ธรรมก็จักเห็นความเป็นอิสระของจิตพ้นบ่วงพันธนาการได้ แม้เพียงชั่วคราว ก็นับว่าประเสริฐ ดีกว่าไม่รู้จักปล่อยสละวางเสียเลย เพราะเมื่อสิ้นหวังหมดหวังเสียได้ การปล่อยวางก็ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ และคำว่าสิ้นหวังหมดหวังนี้ก็ขอให้เข้าใจว่าหมายตรงถึง สิ้นหวังหมดหวังในทางโลก กล่าวโดยย่อคือ โลกธรรม ๘ โดยพิสดารก็คือ สังสารวัฏ ภพภูมิทั้งหมด ส่วนทางธรรมไม่จำต้องนำมากล่าวถึงเพราะเมื่อเห็นสัจจะความจริงอยู่ดังนี้ ความหมาย ดั่งกล่าวก็เป็นเพียงสมมติบัญญัติจะละปล่อยวางโดยปรกติ มิต้องปรุง แต่งอะไรอีกต่อไปรู้เอง + เข้าใจเอง + ตามธรรมชาติของจิต ธรรมทั้งปวงที่รู้ที่เข้าใจที่ปฏิบัติศึกษาไว้ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อยึดหรือเพื่อละ แต่เพื่อทำให้แจ้งแห่งปัญญาเพียงเท่านั้นเอง โดย............คุณ ใจพราณธรรม http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/) |