หัวข้อ: อันตรายจากการบริโภคเนื้อสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กันยายน 2555 19:05:01 (http://www.phtnet.org/article/images/a31_1.jpg) ภาพจาก : phtnet.org อันตรายจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ชาวเอสกิโม ที่ดำรงชีวิตด้วยการบริโภคเนื้อสัตว์และไขมันสัตว์ จะแก่ตัวเร็วมาก และมีอายุสั้นเฉลี่ยเพียง ๒๗.๕ ปี เท่านั้น ชาวเคอร์กิช ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อยู่ทางแถบรัสเซียตะวันออก มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ถูกบังคับด้วยลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ ทำให้ต้องรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นหลัก เช่นเดียวกับชาวเอสกิโม ปรากฏว่า ชนเผ่านี้แก่เร็วและมีอายุสั้นเช่นเดียวกัน จากการสำรวจ แทบจะไม่พบชาวเคอร์กิชที่มีอายุเกินกว่า ๔๐ ปี ในทางตรงกันข้าม จากการศึกษาพบว่า ชาวหรรษา ในประเทศปากีสถาน ชนเผ่าโอโตมิ (ชาวพื้นเมืองของเม็กซิโก) และชาวพื้นเมืองของภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ฯลฯ ซึ่งเป็นพวกที่แทบจะไม่มีการบริโภคเนื้อสัตว์เลย ประชากรส่วนใหญ่มีอายุยืนถึง ๑๑๐ ปี หรือมากกว่า และยังมีสุขภาพอนามัยดีด้วย นอกจากนี้ สถิติเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของคนทั้งโลก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประชากรชาติที่มีการบริโภคเนื้อมากที่สุด จะมีจำนวนผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งสูงที่สุด และประชากรของชาติที่มีการบริโภคเนื้อน้อย จะมีอัตราผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ดังกล่าวน้อยลงตามไปด้วย สารที่เป็นพิษ ก่อนที่สัตว์จะถูกฆ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ใหญ่ ๆ ที่มีจิตสำนึกค่อนข้างสูง เช่น วัว ควาย หมู จะเกิดความกลัวอย่างสุดขีด และพยายามดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อปกป้องชีวิต ชีวเคมีในตัวสัตว์เคราะห์ร้ายเหล่านี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ ฮอร์โมนที่เป็นพิษจะถูกขับออกมามากอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮอร์โมนอะดรีนาลีนระบบการทำงานของคนเราก็คล้ายกับของสัตว์ ที่จะขับฮอร์โมนที่มีพิษต่อร่างกายออกมามากมาย ในขณะที่เกิดอารมณ์ที่รุนแรงต่าง ๆ เช่น ความโกรธ ความกลัว ความเครียด ฯลฯ ปริมาณฮอร์โมนที่เป็นพิษเหล่านี้ ยังคงอยู่ในเนื้อสัตว์ที่ตายแล้วนั้นเอง และผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์นั้นก็จะได้รับสารที่เป็นพิษต่าง ๆ อย่างเต็มที่ Encyclopedia Britanica ถึงกับได้กล่าวไว้ว่า “โปรตีนที่มนุษย์ได้จากถั่ว เมล็ดธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม มีความบริสุทธิ์กว่าโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์มากมาย” รายงานของสถาบันโภชนาการของสหรัฐอเมริกา ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่านั้น เต็มไปด้วยเลือดที่เป็นพิษ และสารที่เป็นพิษอื่น ๆ อีกมาก (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS3GBk4IxehoIPuSekgX5Td7_xSF0pMKqYJRosovtSzaRiGEilr) ภาพจาก : meeteatdrink.blogspot.com หัวข้อ: Re: อันตรายจากการบริโภคเนื้อสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กันยายน 2555 19:06:23 มะเร็ง ทำไมคนที่บริโภคเนื้อสัตว์จึงมีโอกาสเป็นมะเร็งได้มากกว่า เหตุผลหนึ่งก็คือ เนื้อของสัตว์ที่ตายแล้วจะคงความสดอยู่ได้ไม่นาน ก็จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นสีเทาอมเขียว ดังนั้น ผู้ที่ทำอุตสาหกรรมขายเนื้อสัตว์ จึงพยายามกลบเกลื่อนสีที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยสารไนไตรด์ สารไนเตรด และสารเคมีที่ช่วยถนอมสีอื่น ๆ เพื่อที่จะทำให้เนื้อสัตว์เหล่านี้คงสภาพสีแดงสดอยู่ได้นาน จากการทดลองหลาย ๆ ครั้งเมื่อไม่นานมานี้เอง พบว่าสารเคมีต่าง ๆ เหล่านี้เป็นตัวการทำให้เกิดมะเร็ง สารเคมี พวกสัตว์มักมีการติดโรคต่าง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งผู้ตรวจสอบคุณภาพเนื้อ หรือผู้บริโภคเองอาจไม่ทราบ บ่อยครั้งเมื่อมีการพบมะเร็งหรือเนื้องอก ในอวัยวะส่วนใดของสัตว์ที่ถูกฆ่า ก็จะมีการตัดเนื้อร้ายเฉพาะส่วนนั้นทิ้งไป และนำส่วนที่เหลือออกจำหน่ายเป็นเนื้อสำหรับบริโภคต่อไป หรือยิ่งร้ายไปกว่านั้น พวกเนื้องอกดังกล่าว ยังอาจถูกพ่อค้าที่หวังผลกำไรนำไปรวมเข้ากับพวกเนื้อผสม เช่น ไส้กรอก แล้วติดสลากชื่ออย่างสละสลวยว่าเป็นพวกเศษเนื้อได้มีการทดลงของนักวิทยาศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของเนื้อที่เป็นโรค โดยนำตับของสัตว์ที่ตายเพราะเป็นโรคไปเลี้ยงปลา ผลก็คือปลาที่ถูกทดลองเป็นโรคมะเร็ง นายแพทย์ผู้เลิกทานเนื้อสัตว์ที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง ได้กล่าวถึงเหตุผลในการเลิกรับประทานเนื้อสัตว์ว่า “เป็นการดีที่จะรับประทานอาหารด้วยความสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่า อาหารนั้นมาจากสัตว์ที่เป็นโรคหรือไม่" (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQb8DQN29qVgzTwvtQmoukF9BfbmK0B1UAw4d8sbHexXjuim7rlBQ) ภาพจาก : cpf.co.th หัวข้อ: Re: อันตรายจากการบริโภคเนื้อสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กันยายน 2555 19:47:21 โรคหัวใจ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีการบริโภคเนื้อสูงที่สุดในโลก พบว่าประชากรหนึ่งในทุก ๆ สองคนจะตายด้วยโรคหัวใจ หรือโรคที่มีความสัมพันธ์กับหลอดเลือด ขณะที่โรคชนิดนี้เกือบจะไม่เป็นที่รู้จักกันเลยในประเทศหรือในกลุ่มคนที่ไม่บริโภคเนื้อ หรือกลุ่มคนที่บริโภคเนื้อในปริมาณต่ำ (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQqiL9edBZAsvFGDth3psZz4E2C0NWGzg_FmS4V4PRfioVDE2C2Gg) ภาพจาก : pfineisort.com วารสารของสมาคมการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา รายงานไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ว่า อาหารจากธัญพืชทั้งหลายสามารถป้องกันโรคหัวใจได้ร้อยละ ๙๐ – ๙๗ ไขมันจากเนื้อสัตว์ เช่น คอเลสเตอรอล ไม่สามารถสลายตัวได้ดีในร่างกายของคนเรา ไขมันเหล่านี้จะเริ่มเกาะเป็นแนวบาง ๆ ตามผนังด้านในของหลอดเลือดของผู้บริโภคเนื้อสัตว์ โดยจะมีการสะสมต่อเนื่องกันทีละน้อย เมื่อเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า ช่องในหลอดเลือดก็จะแคบลง ๆ ซึ่งก็หมายความว่าหลอดเลือดเหล่านี้ยอมให้เลือดไหลผ่านไปได้น้อยลง สภาวะที่น่าอันตรายนี้เรียกว่า หลอดเลือดกระด้าง หลอดเลือดกระด้างนี้เอง ที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นอย่างมาก ในการสูบฉีดเพื่อให้เลือดสามารถเคลื่อนผ่านหลอดเลือดที่คอดและอุดตันนี้ไปได้ ด้วยเหตุนี้เอง คนเราจึงเป็นโรคความดันโลหิตสูง การเน่าเสียอย่างรวดเร็ว ทันทีที่สัตว์เสียชีวิต ร่างกายของสัตว์จะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพไปอย่างมากมาย โปรตีนในตัวสัตว์จะจับกันเป็นก้อนพร้อมกับปล่อยเอนไซม์ที่มีพิษออกมา ทำให้เนื้อสัตว์มีการเน่าเสียอย่างรวดเร็ว ผิดกับพืชที่มีผนังเซลล์มั่นคง และมีส่วนประกอบภายในที่ไม่สลับซับซ้อน จึงมีการเน่าเสียช้ากว่ามาก เราสามารถพิสูจน์ด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยการทิ้งเนื้อสัตว์หรือตอกไข่ทิ้งไว้นอกตู้เย็น ไม่นานนักก็จะได้กลิ่นบูดเน่า ส่วนผักหรือผลไม้ที่ถูกตัดออกจากต้น จะใช้เวลานานกว่าเป็นหลายเท่ากว่าที่จะเน่าหรือเสีย เราลองนึกภาพต่อไปก็แล้วกันว่า กว่าที่เราจะได้รับประทานอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์เหล่านั้น จะต้องผ่านขบวนการต่าง ๆ อีกยาวนานเพียงใด ขบวนการนี้เริ่มจากสัตว์ถูกฆ่า เก็บเนื้อสัตว์ไว้ในห้องเย็น ขนไปที่โรงชำแหละเนื้อ ตั้งขายที่ตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต เก็บไว้ในตู้เย็นที่บ้าน ลองนึกดูเถอะว่าที่เรารับประทานนั้นจะอยู่ในสภาพใด (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT8yWJCpPJnGwA_DHA3-gyNtCSp81fj-ZPz98wPDfn_lG20hrbF) ภาพจาก : atsiam.com หัวข้อ: Re: อันตรายจากการบริโภคเนื้อสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กันยายน 2555 20:00:36 (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQfW41VhgNcFtcV7kTJ6hszrkzy0wSaV32HdNosmsjq6DXRNITb) ภาพจาก : tistr-foodprocess.net โรคไต โรคเก๊าท์ โรคข้ออักเสบ ของเสียจากเนื้อสัตว์ที่ผู้บริโภคเนื้อจะได้รับก็คือยูเรียและกรดยูริก (พวกสารประกอบไนโตรเจน) ในเนื้อสันของวัว ๑ กิโลกรัม จะมีกรดยูริกอยู่ประมาณ ๓๐ กรัม แพทย์อเมริกันผู้หนึ่งได้วิเคราะห์น้ำปัสสาวะของผู้บริโภคเนื้อ เปรียบเทียบกับของผู้บริโภคพืช พบว่า ไตของผู้บริโภคเนื้อต้องทำงานหนักเป็น ๓ เท่าของผู้บริโภคพืช เพื่อที่จะพยายามกำจัดสารประกอบไนโตรเจนที่เป็นพิษออกจากร่างกาย ในขณะที่คนเรายังอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่แข็งแรง ไตก็สามารถทำงานหนักนี้ได้อย่างสบาย แต่เมื่อคนเราอายุมากขึ้นหรือมีร่างกายอ่อนแอลง ไตอาจจะทนทำงานหนักที่ต่อเนื่องกันมานานนี้ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่บริโภคเนื้อเป็นจำนวนมากเป็นโรคไตได้ เมื่อใดที่ไตไม่สามารถขจัดกรดยูริก ที่เกิดจากการบริโภคเนื้อจำนวนมากได้แล้ว กรดยูริกที่ไม่ได้ถูกทำลายนี้จะถูกส่งออกไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะดูดซึมกรดยูริกเอาไว้ กรดเหล่านี้จะเริ่มแข็งตัวและก่อรูปเป็นผลึก ซึ่งมักเกิดขึ้นตามข้อต่อของกระดูก ในไม่ช้าผู้ที่บริโภคเนื้อเป็นจำนวนมากอาจจะเกิดอาการเจ็บปวดตามข้อ ตามกล้ามเนื้อ อันเป็นอาการของโรคเก๊าท์หรือโรคข้ออักเสบ แต่ถ้ากรดยูริกไปรวมอยู่ในเส้นประสาท โรคเส้นประสาทอักเสบ และอาการปวดตามประสาทก็จะเกิดขึ้น การขับถ่ายไม่สะดวก ในชีวิตของผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมาก แทบจะไม่รู้จักเลยว่า การขับถ่ายที่มีความสุข รวดเร็ว และง่ายดายอย่างเป็นธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร เนื้อสัตว์เป็นอาหารที่แทบจะไม่มีกากหรือเส้นใยเลย ทำให้อาหารชนิดนี้เคลื่อนไปตามทางเดินอาหารของคนเราได้ช้ามาก (ช้ากว่าอาหารพืชถึง ๔ เท่า) ด้วยเหตุนี้เอง โรคท้องผูกหรือโรคขับถ่ายไม่สะดวกเรื้อรัง จึงกลายเป็นโรคที่แพร่หลาย ในสังคมของคนที่บริโภคเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ จากการวิจัยล่าสุดได้พบว่า คนเราต้องการอาหารที่มีเส้นใยกากและความเป็นก้อน เพื่อช่วยในการขับถ่ายอย่างเป็นปกติตามธรรมชาติ ซึ่งอาหารประเภทนี้พบได้จากอาหารจำพวกผัก เมล็ดธัญพืช และผลไม้เท่านั้น ดังนั้น ผู้ที่รับประทานอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ จึงมักจะมีระบบขับถ่ายที่ดีกว่าผู้ที่รับประทานอาหารจำพวกเนื้อมาก นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า อาหารที่มีเส้นใยและกากมาก ๆ สามารถเป็นตัวยับยั้งโรคหลาย ๆ ชนิดได้เป็นอย่างดี เช่น โรคไส้ติ่งอักเสบ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคหัวใจ โรคอ้วน แพทย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ทำการวิจัย และรายงานผลว่า อาหารจากพืชสามารถช่วยลดการเป็นหวัด และอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ปรากฏผลตรงกันว่า การบริโภคเนื้อสัตว์เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของเรา ในขณะที่การรับประทานอาการที่ทำจากพืช อย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการ จะช่วยทำให้คนเรามีสุขภาพแข็งแรง ปราดเปรียว และมีอายุยืน หัวข้อ: Re: อันตรายจากการบริโภคเนื้อสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กันยายน 2555 20:17:29 (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTZs6eO0YUp6gw1TnFeojqrZ_sNZjTLQxsuAUX8ViXNKiquNBSJ) ภาพจาก : thaigoodview.com รู้อย่างนี้แล้ว.... เราจะยังไม่ทดลองเปลี่ยนนิสัยการรับประทานอาหารของเราอีกหรือ ? (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=36776.0;attach=2806;image) ข้อมูลคัดลอกจาก หนังสืออาหารกับสุขภาพ เขียนโดย พระครูสันติธรรมรังษี ฉายา วรมิตฺโต นามเดิม ไมตรี เจนเจริญพันธ์ นามปากกา ธรรมปาโมทย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี การศึกษา นักธรรมเอก และรัฐศาสตร์บัณฑิต (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) |