หัวข้อ: ในกาลใด ภัยเวร ๕ ประการ. อัน.. สงบรำงับได้แล้ว เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 ตุลาคม 2555 21:20:03 (http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/c50.0.403.403/p403x403/485767_524336850914882_1406155311_n.jpg) หลักเกณฑ์พยากรณ์ภาวะโสดาบันของตนเอง คหบดี ! ในกาลใด ภัยเวร ๕ ประการ อันอริยสาวกทำให้สงบรำงับได้แล้ว ด้วย, อริยสาวกประกอบ พร้อมแล้วด้วยโสตาปัตติยังคะสี่ ด้วย, อริยญายธรรม เป็นธรรมที่อริยสาวกเห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญา ด้วย; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น เมื่อหวังอยู่ก็พยากรณ์ ตนด้วยตน นั่นแหละว่า “เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดเดรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบายทุคติวินิบาตสิ้นแล้ว, เราเป็น ผู้ถึงแล้วซึ่งกระแส (แห่งนิพพาน) มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมเป็นเบื้องหน้า” ดังนี้. คหบดี ! ภัยเวร ๕ ประการ เหล่าไหนเล่า อันอริยสาวกทำให้สงบรำงับได้แล้ว ? (๑) คหบดี ! บุคคลผู้ฆ่าสัตว์อยู่เป็นปกติ ย่อมประสบภัยเวรใดในทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) บ้าง, ย่อม ประสบภัยเวรใดในสัมปรายิก (ในเวลาถัดต่อมา) บ้าง, ย่อมเสวยทุกขโทมนัสแห่งจิตบ้าง เพราะปาณาติบาต เป็นปัจจัย; ภัยเวรนั้น ๆ เป็นสิ่งที่อริยสาวกผู้เว้นขาดแล้ว จากปาณาติบาต ทำให้สงบรำงับได้แล้ว. (๒) คหบดี ! บุคคลผู้ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ ให้อยู่เป็นปกติ ย่อมประสบภัยเวรใดในทิฏฐธรรมบ้าง, ย่อมประสบภัยเวรใดในสัมปรายิกบ ้าง, ย่อมเสวยทุกขโทมนัส แห่งจิตบ้าง เพราะอทินนาทานเป็นปัจจัย; ภัยเวรนั้น ๆ เป็นสิ่งที่อริยสาวกผู้เว้นขาดแล้วจากอทินนาทาน ทำให้สงบ รำงับได้แล้ว. (๓) คหบดี ! บุคคลผู้ประพฤติผิดในกาม ทั้งหลายอยู่เป็นปกติ ย่อมประสบภัยเวรใดในทิฏฐธรรมบ้าง, ย่อมประสบภัยเวรใดในสัมปรายิกบ ้าง, ย่อมเสวย ทุกขโทมนัสแห่งจิตบ้าง, เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นปัจจัย; ภัยเวรนั้น ๆ เป็นสิ่งที่อริยสาวกผู้เว้นขาดแล้วจาก กาเมสุมิจฉาจาร ทำให้สงบรำงับได้แล้ว. (๔) คหบดี ! บุคคลผู้กล่าวคำเท็จอยู่เป็นปกติ ย่อมประสบภัยเวรใดในทิฏฐธรรมบ้าง, ย่อมประสบภัยเวรใด ในสัมปรายิกบ ้าง, ย่อมเสวยทุกขโทมนัสแห่งจิตบ้าง เพราะ มุสาวาทเป็นปัจจัย; ภัยเวรนั้น ๆ เป็นสิ่งที่อริยสาวกผู้เว้นขาด แล้วจากมุสาวาท ทำให้สงบรำงับได้แล้ว. (๕) คหบดี ! บุคคลผู้ดื่มสุราและเมรัยอันเป็น ที่ตั้งของความประมาทอยู่เป็นปกติ ย่อมประสบภัยเวรใด ในทิฏฐธรรมบ้าง, ย่อมประสบภัยเวรใดในสัมปรายิกบ้าง, ย่อมเสวยทุกขโทมนัสแห่งจิตบ้าง, เพราะสุราและเมรัย เป็นปัจจัย ภัยเวรนั้น ๆ เป็นสิ่งที่อริยสาวกผู้เว้นขาดแล้ว จากสุราและเมรัยทำให้สงบรำงับได้แล้ว. คหบดี ! ภัยเวร ๕ ประการเหล่านี้แล อันอริยสาวกทำให้สงบรำงับได้แล้ว. … … … … (https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT925_nbXdx3O9pmYk3zCzBFP766slnQMfRG9jNSVc1ReEsxGwShg) คหบดี ! อริยสาวก เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วย องค์แห่งโสดาบัน ๔ ประการ เหล่าไหนเล่า ? (๑) คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า ว่า “เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถ ฝึกคนที่ควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์” ดังนี้. (๒) คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหว ในพระธรรม ว่า “พระธรรม เป็นสิ่งที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและ ปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และ ให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน” ดังนี้. (๓) คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ ว่า “ สงฆ์สาวกของพระผู้มี พระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว เป็นผู้ ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ นั่นแหละคือสงฆ์สาวกของ พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นสงฆ์ ควรรับทักษิณาทาน เป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปจะพึงทำอัญชลี เป็นสงฆ์ที่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า” ดังนี้. (๔) คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยศีลทั้งหลายในลักษณะเป็นที่ พอใจของพระอริยเจ้า : เป็นศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นศีลที่เป็นไทจากตัณหา วิญญูชนสรรเสริญ ไม่ถูกตัณหาและทิฏฐิลูบคลำ เป็นศีลที่เป็นไปพร้อมเพื่อ สมาธิ ดังนี้. คหบดี ! อริยสาวก เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยองค์แห่งโสดาบัน ๔ ประการ เหล่านี้แล. … … … … (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT_cSYzxFClJEftHv-TyIQcWEN9u4hlj6u5Siq5z3U8SNExoCD6Dw) คหบดี ! ก็ อริยญายธรรม เป็นสิ่งที่อริยสาวก เห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยดีด้วยปัญญา เป็น อย่างไรเล่า ? คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมทำไว้ ในใจโดยแยบคาย เป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี; เพราะความเกิดขึ้น แห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น. เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี; เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป : ข้อนี้ได้แก่ สิ่งเหล่านี้คือ เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ; ...ฯลฯ... ... ฯลฯ... ...ฯลฯ... เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้น ครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชา นั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับ แห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ; ...ฯลฯ... ฯลฯ... ฯลฯ... เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้”. คหบดี ! อริยญายธรรม๑ นี้แล เป็นธรรมที่ อริยสาวกนั้นเห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญา. คหบดี ! ในกาลใดแล ภัยเวร ๕ ประการ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่อริยสาวกทำให้สงบรำงับได้แล้วด้วย, อริยสาวกเป็นผู้ประกอบพร้อมแล้วด้วยโสตาปัตติยังคะ สี่เหล่านี้ ด้วย, อริยญายธรรมนี้ เป็นธรรมอันอริยสาวก ในกาลนั้น อริยสาวกนั้นปรารถนาอยู่ ก็พยากรณ์ตน เห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญาด้วย; ด้วยตนนั้นแหละว่า “เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิด เดรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบายทุคติวินิบาต สิ้นแล้ว, เราเป็นผู้ถึงแล้วซึ่งกระแส (แห่งนิพพาน) มีความ ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้ พร้อมเป็นเบื้องหน้า” ดังนี้. (https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRdelXUez1pDWGETNKhpEENwmaP5FTkZp82YD8OqtrqySF5o36P) หมายเหตุผู้รวบรวม : ยังมีสูตรอีกสูตรหนึ่งข้อความอย่างเดียวกัน กับสูตรนี้ ผิดกันแต่เพียงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย แทนที่จะตรัสกับ อนาถบิณฑิกคหบดี, คือสูตรที่ ๒ แห่งคหปติวรรค อภิสมยสังยุตต์ นิทาน .สํ.๑๖/๘๕/๑๕๖; และยังมีสูตรอีกสูตรหนึ่ง (เวรสูตรที่ ๒ อุปาสกวรรค ทสก. อํ. ๒๔/๑๙๕/๙๒) มีเค้าโครงและใจความของสูตร เหมือนกันกับสูตรข้างบนนี้ ต่างกันแต่เพียง ในสูตรนั้นมีคำว่า “ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์” แทนคำว่า “ย่อมกระทำไว้ในใจ โดยแยบคายเป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว” แห่งสูตร ข้างบนนี้ เท่านั้น ทสก. อํ. ๒๔/๑๙๕/๙๒. http://www.facebook.com/pages/พระพุทธเจ้า/166387296709841 หัวข้อ: Re: ในกาลใด ภัยเวร ๕ ประการ. อัน.. สงบรำงับได้แล้ว เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 ตุลาคม 2555 22:02:32 (https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTsXtAWdt_iuXRN6Fsns51uCTmFj99szlbNeVQeIPbjrZAVUewe) พระโสดาบัน รู้จักปัญจุปาทานขันธ์ ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เมื่อใดแล สาวกของ พระอริยเจ้า ในธรรมวินัยนี้ มารู้จักความก่อขึ้น แห่ง อุปาทานขันธ์ห้า, รู้จัก ความตั้งอยู่ ไม่ได้ของ อุปาทานขันธ์ห้า, รู้จักรส อร่อยของ อุปาทานขันธ์ห้า, รู้จักโทษอันร้ายกาจของอุปาทานขันธ์ห้า, และรู้จักอุบายที่ไป ให้พ้น อุปาทานขันธ์ห้า นี้เสียตามที่ ถูกที่จริง; ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เมื่อนั้นแหละ สาวกของพระอริยเจ้า ผู้นั้น เราเรียกว่าเป็นพระโสดาบัน ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน จักตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า. ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๖/๒๙๖. (http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c31.0.133.133/p133x133/582274_526888557326378_95432533_n.jpg) พระโสดาบันประกอบพร้อมแล้ว ด้วยอริยมรรคมีองค์แปด สารีบุตร ! ที่มักกล่าวกันว่า โสดาบัน-โสดาบัน ดังนี้ เป็นอย่างไรเล่า สารีบุตร ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ท่านผู้ใด เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยอริยมรรคมีองค์แปดนี้อยู่ ผู้เช่นนั้นแล ข้าพระองค์เรียกว่าเป็น พระโสดาบัน ผู้มีชื่ออย่างนี้ ๆ มีโคตรอย่างนี้ ๆ พระเจ้าข้า !” สารีบุตร ! ถูกแล้ว ถูกแล้ว ผู้ที่ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยอริยมรรคมีองค์แปดนี้อยู่ ถึงเราเองก็เรียกผู้เช่นนั้น ว่าเป็น พระโสดาบัน ผู้มีชื่ออย่างนี้ ๆ มีโคตรอย่างนี้ ๆ. มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๓๕/๑๔๓๒-๑๔๓. (http://profile.ak.fbcdn.net/hprofile-ak-ash4/592283_166387296709841_1806771421_s.jpg) http://www.facebook.com/pages/พระพุทธเจ้า/166387296709841 |