หัวข้อ: เครื่องดื่ม รับเช้าวันใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 12:11:02 เครื่องดื่ม รับเช้าวันใหม่
(http://p.s1sf.com/me/0/ud/0/407/5916aa9483d81f749ac12b96c9a1c58c.jpg) ตื่นเช้า เริ่มกิจกรรมวันใหม่ ให้สดใสกว่าเดิม หลายคนอยากหาเครื่องดื่มดี ๆ ที่ส่งเสริมสุขภาพในตอนเช้า ให้มีพลัง เรามีมาแนะนำครับ นมถั่วเหลือง ปัจจุบันนมถั่วเหลืองหาซื้อได้ง่าย และเหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ เพราะนมถั่วเหลืองเป็นเครื่งดื่มที่ให้โปรตีนที่มีคุณสมบัติเหมือนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ กาแฟ กาแฟเป็นเครื่องดื่มยามเช้าของคนทำงาน เพราะกาแฟช่วยกระตุ้นความสดชื่นและความกระปี้กระเปร่าก่อนลงมือทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ ลดอาการหอบในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด และเป็นผลดีต่อนักกีฬาในการเพิ่มความทนทานและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน น้ำมะนาว ลองหาน้ำมะนาวมาดื่มตอนเช้า เพราะในน้ำมะนาวจะมีกรดซิตริก มีวิตามินซีที่นอกจากจะช่วยขับเสมหะ แก้อาการเจ็บคอแล้วยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น แถมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเปลือกที่โดนคั้นยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ดีอีกด้วย น้ำผักหรือน้ำผลไม้ เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินเอ โฟลิคแอซิด และแร่ธาตุ เช่น โซเดียม โปแตสเซียม สังกะสี นอกจากนั้นในน้ำผักและน้ำผลไม้ยังมีส่วนผสมของน้ำตาลโดยธรรมชาติ ซึ่งสามารถให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยให้เราหายเหนื่อย หายเพลีย ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น น้ำหวาน คนที่นอนดึกส่วนใหญ่ยามเช้าของคุณจะมีอาการปวดหัว มึนศีรษะ เกิดอาการเครียดทางประสาท ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรรับประทานอาหารเช้าที่มีแป้งและน้ำตาลซึ่งจะสามารถช่วยได้ โดยเฉพาะน้ำตาลนั้นจะถูกดูดซึมได้ดีและง่าย ดังนั้นน้ำหวานจะทำให้จิตใจสงบ คลายอาการเครียดและมึนงงได้อย่างดี น้ำขิง สำหรับคนที่มีอาการเมาค้าง คลื่นไส้ อยากอาเจียน ก็ขอแนะนำน้ำขิงร้อน ๆ สักแก้ว เพราะในขิงมีสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า จินเจอรอล (Gigerol) ที่เป็นสารเคมีประเภทน้ำมันหอมระเหยที่ให้รสและกลิ่นพิเศษไม่เหมือนใคร จัดอยู่ในกลุ่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ทำให้เรารู้สึกมึนเมา แถมยังแก้อาการเมาได้ดี การทำน้ำขิงให้อร่อยนั้น ควรบุบหัวขิงที่ไม่แก่จัดจนเกินไป ต้มด้วยน้ำร้อนพอเดือด อย่าต้มนานเกินไป เพราะขิงจะเสียรสและกลิ่นไปได้เริ่มด้วยสิ่งดีๆ ต่อสุขภาพของคุณ สดชื่นไปได้ทั้งวันเลย หัวข้อ: Re: เครื่องดื่ม รับเช้าวันใหม่ :กาแฟน่ะดื่มแต่พอดี รับนํ้าชาเพิ่มสักถ้วยดีกว่ามั้ยครับ เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 19:27:41 กาแฟน่ะดื่มแต่พอดี รับนํ้าชาเพิ่มสักถ้วยดีกว่ามั้ยครับ (http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_e_biggrin.gif) โดย....คุณหมอbenzcl (http://media.rd.com/rd/images/rdc/books/stress/5-simple-ways-to-lift-your-spirits/enjoy-a-cup-of-tea-af.jpg) 1. ปัจจุบันเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้เป็นที่นิยมกันไปทั่วทุกมุมของโลก มีร้านจำหน่ายชากาแฟโดยเฉพาะ เเละยังมีให้เลือกบริโภคได้อีกหลายรูปแบบใช่ไหมครับ ผมเองก็ดื่มชาและกาแฟ แต่จะดื่มชาเป็นประจำทุกวัน และดื่มมานานหลายสิบปีแล้วครับ เพราะรู้ว่ามีอะไรดีดีจากการดื่มชานั่นเองครับ(http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_mrgreen.gif) คนเรามักบริโภคกาแฟเมื่อเพลียยามเช้า หรือเมื่อตอนเครียดเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีผลวิจัยทางการแพทย์ที่เชื่อถึอได้ ยืนยันได้ว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว แต่คอกาแฟที่ดื่มกันหนักๆ มักทำในสิ่งที่ไม่ได้เอื้อต่อการมีสุขภาพดีสักเท่าไร จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟมากๆมักจะสูบบุหรี่ตามไปด้วย หรือไม่ก็ชอบทานของมัน และไม่ค่อยออกกำลังกาย ในขณะที่พวกดื่มชามีแนวโน้มว่า ชอบออกกำลังกายมากกว่า และทานผักผลไม้สดมากกว่า (http://www.telegraph.co.uk/telegraph/multimedia/archive/01298/coffee_1298838c.jpg) 2. ทุกท่านคงทราบกันดีว่า ในชาและกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (caffeine)คาเฟอีนที่บริสุทธิ์จะสกัดได้เป็นผงสีขาว และะมีรสขม ดังในรูปด้านล่าง (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/c7/Caffeine_USP.jpg/800px-Caffeine_USP.jpg) คาเฟอีนเป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อหลายระบบ ของร่างกาย โดยเฉพาะการกระตุ้นประสาทส่วนกลาง เพิ่มการเผาผลาญเมตาบอลิซึม เพิ่มการทำงานของหัวใจและไต และยังมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ (anti-diuretic effect) ซึ่งทำให้ไตต้องขับของเหลวมากกว่าปกติ (http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_exclaim.gif) (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/72/Main_side_effects_of_Caffeine.png/525px-Main_side_effects_of_Caffeine.png) ในชาจะมีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟมาก กล่าวคือมีอยู่ราว 40 มิลลิกรัมต่อนํ้าชา 1 ถ้วยขนาดทั่วไป ในขณะที่กาแฟคั่วบดมีคาเฟอีน 100-150 มิลลิกรัมแล้วแต่เมล็ดพันธุ์กาแฟ และชนิดผงสำเร็จรูปมี 64 มิลลิกรัม ปกติแล้วในหนึ่งวันร่างกายไม่ควรได้รับคาเฟอีนเกินกว่า 300 มิลลิกรัม อย่างไรก็ดี คาเฟอีนเป็นสารที่ไม่สามารถสะสมอยู่ในร่างกายได้ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องผลตกค้าง จะต้องระวังก็เพียงแต่การบริโภคเกินขนาดที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน สตรีมีครรถ์และมารดาที่ให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคหัวใจควรหลีกเลี่ยงชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนถูกส่งผ่านรกเข้าสู่ทารกได้ และยังผ่านทางนํ้านมได้ด้วย ดังนั้น ถ้าพิจารณาถึงปริมาณของคาเฟอีน เราจึงไม่ต้องเลิกกาแฟ ขอเพียงแต่ดื่มไม่เกินวันละ 2 ถึง 3 ถ้วยเท่านั้น และเลือกใช้กาแฟสดแทนกาแฟผงสำเร็จรูป ส่วนนํ้าชาดื่มได้ไม่เกินวันละ 7 ถึง 8 ถ้วย แต่มีประโยชน์ของชาที่ผมจะกล่าวในรีพลายต่อไป คนที่ดื่มทั้งสองอย่างก็ต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมนะจะบอกให้ การดื่มชาและกาแฟติดต่อกันนานๆ ย่อมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายขาดนํ้าได้ ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงไม่ควรดื่มชากาแฟแทนนํ้าที่ร่างกายเสียไป (http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_evil.gif) นอกจากนี้ชาและกาแฟยังรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายได้ ฉะนั้น ถ้าคุณมีแนวโน้มจะมีภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็กแล้วชอบดื่มชากาแฟ ก็ควรงดดื่มในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนเวลาอาหาร จนถึงอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังอาหาร (http://www.ava-healthcenter.com/private_folder/Green20Tea.jpg) 3. มีผลวิจัยที่ประเทศแถบทวีปยุโรปยืนยันว่า การดื่มชาวันละ 4 - 6 ถ้วยต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อจากโรคบางอย่างได้ เช่นโรคหัวใจและเส้นเลือด และมีรายงานไว้ชัดเจนว่า กลุ่มผู้ชายอายุ 50-69 ปี ที่ดื่มชาเฉลี่ยวันละประมาณ 4-5 ถ้วย ความเสี่ยงต่อภาวะเส้นเลือดในสมองแตกลดลงได้ถึงเกือบ 70 % ส่วนในสหรัฐอเมริกาก็มีวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มชาวันละ 1 ถ้วยขึ้นไป จะมีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มชาเลยถึง 50 % เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าในชาไม่ว่าจะเป็นชาดำ ชาอูหลง หรือชาเขียว ต่างก็เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ( anti-oxidant) จำพวก ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งจะสลายออกมาจากใบชาในช่วงไม่กี่นาทีแรกที่เราเติมนํ้าร้อนเข้าไป ฟลาโวนอยด์นี้เองที่จะไปช่วยให้ร่างกายต่อต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา และเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็งบางชนิด น่านล่ะครับ การดื่มชาวันละ 3 ถ้วย เป็นเวลาสองสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มปริมาณฟลาโวนอยด์ในเลือดได้ถึง 25 % (http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_e_biggrin.gif) (http://www.photographyblogger.net/wp-content/uploads/2009/05/coffee-cup.jpg) 4.ทิ้งท้ายไว้สักนิดแต่ก็มีความสำคัญนะครับ 1. ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟลดความอ้วนจำหน่ายหลายยี่ห้อ (http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_twisted.gif) แต่ที่พิสูจน์ได้ชัดทางการแพทย์ พบว่าได้ผลกับการดื่มชาบางชนิด และช่วยลดนํ้าหนักได้ไม่มาก ส่วนที่มีคนบอกว่า ดื่มกาแฟประเภทสลิมมิ่งแล้วนํ้าหนักลด ทางองค์การอาหารและยาบ้านเราวิเคราะห์แล้วพบว่า หลายยี่ห้อมีการเจือปนยาลดความอ้วนบางชนืดเข้าไปด้วย (sibutramine) ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะไม่ได้เป็นการพบแพทย์โดยตรง (http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_rolleyes.gif) 2. การบริโภคชากาแฟมากเกินพอดีเป็นประจำจนติดและไม่ดื่มไม่ได้นั้น ถือว่าติดคาเฟอีนแล้ว แต่การติดคาเฟอีนไม่จัดเป็นยาเสพติดตามเกณฑ์ PSM-IV ของสมาคมจิตแพทย์ศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา และนิยมเรียกพฤติกรรมบริโภคคาเฟอีนว่า บริโภคจนเป็นนิสัยหรือติดมากกว่า ถ้าดื่มจนติดเป็นนิสัยและไม่ได้รับคาเฟอีนจะเกิดอาการถอนคาเฟอีน (caffeine withdrawal ) โดยจะมีอาการปวดศีรษะภายใน 6 ชั่วโมง ตามมาด้วยอาการอ่อนเพลีย น้ำมูกไหล เหงื่อออกมาก ปวดกล้ามเนื้อ วิตกกังวล กระวนกระวาย อาการเหล่านี้จะคงอยู่ไม่ต่ำกว่า 72 ชั่วโมง ฉะนั้นหากจะเลิกดื่มชากาแฟ ก็แก้ปัญหาได้โดยการค่อยๆลดปริมาณการดื่มลง ไม่ใช่เลิกแบบปุบปับครับ (http://www.baanpud.net/forum/images/smilies/icon_e_biggrin.gif) (http://www.plazacool.com/attachments/product/images_1-56556.jpg) ขอขอบคุณ....คุณหมอbenzcl http://www.baanpud.net/forum/viewtopic.php?f=47&t=2418 (http://www.baanpud.net/forum/viewtopic.php?f=47&t=2418) noway2know http://www.prachathon.org/forum/index.php?topic=59.0 |