หัวข้อ: ความต่างระหว่างผู้ประมาท กับ ไม่ประมาท เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 27 กรกฎาคม 2553 13:46:37 [ โดย อ.แป๋ม จากบอร์ดเก่า ]
(http://www.our-teacher.com/our-teacher/article/4%20admonishment/picture/139.jpg) “ความต่างระหว่างผู้ประมาท กับ ไม่ประมาท” พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระคาถานี้ว่า “ความประมาท เป็นทางแห่งมัจจุ (ความตาย), ผู้ไม่ประมาทแล้ว ชื่อว่าย่อมไม่ตาย, ผู้ใดประมาทแล้ว ผู้นั้น ย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว, บัณฑิตรู้ความนั่น โดยความต่างกันแล้ว พึงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท - บันเทิงอยู่ในความไม่ประมาท” (จาก ... พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท) ขณะใดที่ประมาท ขณะนั้นเป็นอกุศล ขณะใดที่ไม่ประมาท ขณะนั้นเป็นกุศล เพราะความไม่ประมาท คือ การไม่อยู่ปราศจากสติ (สติ เป็นธรรมที่เกิดร่วมกับจิตฝ่ายดีทุกประเภท) และที่สำคัญ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงว่า กุศลธรรมทั้งปวง รวมลงอยู่ในความไม่ประมาท มีความไม่ประมาทเป็นรากเหง้า หัวข้อ: Re: ความต่างระหว่างผู้ประมาท กับ ไม่ประมาท เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 27 กรกฎาคม 2553 13:46:53 (http://www.zuxzix.com/images/imageArticle/1228798421._x_rS3ykWkLyAQw.jpg) เป็นความจริงที่ว่า บุคคลผู้ประมาทอยู่ แม้จะมีชีวิตยืนยาวเป็นร้อยปี ก็เหมือนกับคนที่ตายแล้ว เพราะคนที่ตายแล้วไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาได้ ไม่สามารถทำกุศลได้ เช่นเดียวกันกับผู้ประมาท แม้มีชีวิตอยู่ ก็ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำความดีอะไร ๆ เลย ผู้ประมาทจึงไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว, ในทางตรงกันข้าม ผู้ไม่ประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ประมาทในการอบรมเจริญปัญญา ถึงแม้ว่าจะมีการเกิด การตาย จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่งอยู่ แต่โอกาสของการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด ไม่มีการเกิดการตายอีกเลยนั้น ย่อมมีได้ สังสารวัฏฏ์ มีโอกาสจบสิ้นได้ เพราะฉะนั้น ผู้ไม่ประมาท จึงได้ชื่อว่า ย่อมไม่ตาย ไม่เหมือนกับผู้ที่ประมาท ซึ่งโอกาสของการหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ไม่มีเลย ไม่สามารถพ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ ได้เลย (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:6nXptJ-d_tJjjM:http://acommins.files.wordpress.com/2010/01/kenya-tanzania-safari-203.jpg) เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ตั้งอยู่ในไม่ประมาทที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไป ความตาย ไม่รู้จะเกิดขึ้นวันไหน เวลาใด สาระสำคัญที่สุดของชีวิตคือการเข้าใจพระธรรมในหนทางที่ถูก เพราะไม่มีสิ่งใดจะติดตามตัวไปได้ นอกจากบุญและบาป และควรที่จะสะสมแต่ความดี (บุญ, กุศล) เท่านั้น. **ท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม สนทนาธรรมเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นได้ที่ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เลขที่ ๑๗๔/๑ ซอยเจริญนคร ๗๘ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ๑๐๖๐๐ โทรศัพท์ ๐๒๔๖๘ ๐๒๓๙ และที่ www.dhammahome.com (http://www.dhammahome.com) ** :) http://www.our-teacher.com/our-teacher/article/4%20admonishment/189-how_different.htm (http://www.our-teacher.com/our-teacher/article/4%20admonishment/189-how_different.htm) อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ |