หัวข้อ: พิธีพระศพ “เจ้าสีหนุ” กับโบราณราชประเพณี เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 12:43:35 .
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQCia-d4bO_8WuBOPKA7oMLzVOEHfBzmn2sqrBumC0DOxpeTHvK) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/70100922178890_v1.png) พิธีพระศพ “เจ้าสีหนุ” กับโบราณราชประเพณี พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ พระวรราชบิดา ในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุมุนี กษัตริยาธิราชแห่งกัมพูชา มีการเริ่มต้นเตรียมการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงตั้งแต่เมื่อข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าสีหนุเป็นที่ทราบทั่วกันในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา หนึ่งในคณะทำงานเตรียมการด้านนี้ บอกเอาไว้ว่า ต้องมีการระดมกำลังคนมาจำนวนหนึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตร์เท่าที่มีอยู่ทั้งหมดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ตั้งแต่บันทึกของผู้สังเกตการณ์พระราชพิธีถวายเพลิงพระศพแต่ดั้งเดิมย้อนหลังไปถึงเมื่อครั้งมีการพระราชพิธีขึ้นในเมืองอูดัง (ปัจจุบันนี้เป็นเมืองเก่าอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดกำปงสะปือ) เมืองหลวงเก่าของกัมพูชา ก่อนที่จะมีการย้ายราชธานีมายังกรุงพนมเปญในปี ๑๘๖๖ เรื่อยมาจนบันทึกประวัติศาสตร์ว่าด้วยพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพของอดีตกษัตริย์กัมพูชาทุกพระองค์ นั่นเป็นที่มาของขบวนแห่พระศพ อัญเชิญออกจากพระบรมมหาราชวังเป็นครั้งสุดท้าย ที่ประกอบด้วยขบวนแห่ ๑๑ ขั้นตอน นอกจากราชรถอัญเชิญหีบพระศพแล้วยังมีผู้เข้าร่วมในขบวนที่จะเคลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนดราว ๖ กิโลเมตรมากถึง ๕,๐๐๐ คน ประกอบด้วยเชื้อพระวงศ์ฝ่ายชายที่โกนศีรษะเป็นการไว้อาลัย, ต่อด้วยขบวนราชสำนักฝ่ายชาย, ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตั้งแต่ผู้พิพากษา ตำรวจ ทหาร พระสงฆ์ ตัวแทนเชื้อชาติและชนกลุ่มน้อยต่างๆ เป็นอาทิ เป็นไปตามที่เคยปรากฏมาในครั้งโบราณ ทั้งในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเจ้าสุระมริต, เจ้ามุนีวงศ์ เรื่อยไปจนถึงเจ้าสีโสวัฒน์และเจ้านโรดม ก่อนหน้านั้น กล่าวคือ ก่อน ค.ศ.๑๙๐๐ พระราชพิธีถวายเพลิงพระศพจัดขึ้นภายนอกกรุงพนมเปญทั้งสิ้น ถึงที่สุดแล้ว ยุคสมัยก็ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าสีหนุกับอดีตกษัตริย์กัมพูชาที่ผ่านๆ มา อาทิ เรือนปะรำพิธี และพระเมรุ ซึ่งเดิมเคยปลูกสร้างเป็นเรือนไม้และรื้อถอนหลังเสร็จสิ้นพิธี ถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นเหล็กทั้งหมดเพื่อความคงทนแข็งแรง เรือนหมู่ปะรำพิธีและพระเมรุมาศ ๑๕ ชั้น จะถูกทำนุบำรุงรักษาไว้สืบไป เพื่อเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติต่อไป ขบวนแห่อัญเชิญพระศพในอดีต มีขบวนช้างและขบวนม้าโดยเสด็จ แต่ในยุคนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไปเป็นรถยนต์และจักรยานยนต์ทดแทน พระเมรุนั้น ตามความเชื่อในกัมพูชาคือจุดเชื่อมต่อระหว่างเทวภพกับภพมนุษย์ เมื่อเทพจุติลงมาเป็นกษัตริย์ก็ต้องเสด็จฯ ผ่านพระเมรุ เมื่อสิ้นชีพิตักษัยก็ต้องส่งเสด็จฯ กลับไปผ่านเขาพระเมรุเช่นเดียวกัน ที่สำคัญก็คือ ตามขนบธรรมเนียมและโบราณราชประเพณี พระศพจำเป็นต้องบรรจุพระไว้ในพระโกศ ในท่านั่ง ซึ่งตามคติเขมรถือเป็นท่วงท่าของทารกในครรโภทร เป็นไปตามความเชื่อที่ว่า พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพนั้นก็คือการส่งเสด็จฯ เพื่อผ่านไปสู่ภพใหม่ และกำเนิดใหม่ในที่สุด แต่ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ เอง เป็นผู้แสดงพระประสงค์ให้งดการบรรจุศพพระองค์ตามธรรมเนียมดังกล่าว แต่ให้ใช้หีบพระศพ แต่ที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีอีกประการก็คือ การถวายพระนามใหม่ให้กับสมเด็จพระสีหนุ อดีตกษัตริย์เขมรส่วนใหญ่มักมี ๓ พระนาม คือ เมื่อแรกประสูติ เมื่อประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ และเมื่อสิ้นพระชนม์ ก็จะได้รับพระนามใหม่อีกครั้ง สำหรับ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ นั้น เมื่อแรกได้รับพระราชทานนามจากพระราชบิดาว่า “นักอง ราชวงศ์นโรดม สีหนุ” เมื่อราชาภิเษกได้พระนาม “สมเด็จพระนโรดม สีหนุ” และเมื่อสิ้นพระชนม์ ก็ได้พระนามใหม่เป็น ”สมเด็จพระบรมรัตนะคต” ขั้นตอนพิธีพระศพกษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูงตามประเพณีโบราณก็ต้องดำเนินเป็น ๒ ขั้นตอน กล่าวคือ ต้องประกอบพิธีฝังก่อน จากนั้นจึงนำพระศพมาประกอบถวายพระเพลิง ชู เลียน นักชาติพันธุ์วิทยาอธิบายตามหลักการไว้ว่า ตามความเชื่อโบราณนั้น ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ เมื่อดับสูญก็ต้องคืนสู่ธาตุทั้งสี่ด้วยเช่นเดียวกัน การกลบฝัง หรือ ฌาปนกิจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถส่งผู้ล่วงลับกลับคืนสู่ธรรมชาติสภาวะได้ ดังนั้น จึงต้องดำเนินเป็น ๒ ขั้นตอน กล่าวคือ กลบฝังครั้งหนึ่ง เพื่อคืนร่างกายบางส่วนให้กับธาตุดินและน้ำในผืนดิน ก่อนที่จะฌาปนกิจเพื่อคืนที่เหลือให้กับธาตุลมและไฟในที่สุด ที่มา : มติชนรายสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๖๙๕ ประจำวันที่ ๘ – ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2555853) สมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา และพระราชินีนโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระราชมารดา ภาพจาก : manager.co.th พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดา อดีตกษัตริย์กัมพูชา เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ พระเมรุมาศ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณท้องสนามหลวงใกล้กับพระราชวังจตุรมุขมงคล พระบรมมหาราชวัง ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อช่วงเย็นวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา เสด็จพร้อมพระราชินีนโรดม มุนีนาถ สีหนุ มเหสีในสมเด็จพระนโรดม สีหนุ เป็นประธานในพระราชพิธี สำหรับพระอัฐิของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ที่มีการเก็บพระอัฐิในเช้าวันรุ่งขึ้น ส่วนหนึ่งถูกนำไปประกอบพระราชพิธีลอยพระสรีรางคารในบริเวณที่แม่น้ำสามสายได้แก่ แม่น้ำโขง โตนเลสาบ และโตนเลบาสักมาบรรจบกัน ขณะที่พระอัฐิที่เหลือถูกนำบรรจุลงพระโกศทองคำและนำไปประดิษฐานยังพระสถูปภายในพระราชวังจตุรมุขมงคล ทั้งนี้ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงเป็นอดีตกษัตริย์กัมพูชาที่นำประเทศชาติฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ มามากมายทั้งได้รับเอกราชจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส สงครามกลางเมืองและระบอบการปกครองที่เหี้ยมโหดของกลุ่มเขมรแดง ก่อนที่พระองค์จะเสด็จสรรคตลงด้วยอาการพระหทัยวายขณะประทับอยู่ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณัฐประชาชนจีนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา (http://news.bbcimg.co.uk/media/images/63540000/jpg/_63540239_63540238.jpg) ภาพ : www.matichon.co.th (http://www.matichon.co.th) (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTiIlpsHCljvhPkz2OeleU76ZVx5vUoD06HMqvJhlCluf2cLhe_) ภาพ : www.gotoknow.org (http://www.gotoknow.org) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/13664917151133_v1.jpg) |