หัวข้อ: พืชผักในครัวไทย : สะระแหน่กลิ่นตะไคร้ และประโยชน์ของกระชาย-ตะไคร้-อัญชัน เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 กรกฎาคม 2556 15:15:48 .
(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2011/07/14/186284/hr1667/630.jpg) สะระแหน่กลิ่นตะไคร้ พืชผักกินได้ ในตระกูลสะระแหน่หรือ มินต์ เมนทอล มีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีกลิ่นหอมและลักษณะการใช้สอยประโยชน์ไม่เหมือนกันตามถิ่นกำเนิดที่พบ ยกตัวอย่างเช่น เปปเปอร์มินต์ ของประเทศในแถบยุโรป อเมริกา จะมีกลิ่นหอมแรงคล้ายกลิ่นหมากฝรั่งเวลาเคี้ยว นิยมใช้ปรุงอาหารดับกลิ่นคาวหลายอย่าง และ สะระแหน่ไทย กลิ่นจะหอมเย็นเผ็ดร้อน คนไทยนิยมเอายอดและใบกินเป็นผักสดกับน้ำพริก ลาบ ก้อย น้ำตก แต่งกลิ่นอาหารให้มีกลิ่นหอมดับกลิ่นคาว เช่น ใส่พร่าเนื้อ ยำชนิดต่างๆ ทำให้มีกลิ่นหอมชวนรับประทานยิ่งขึ้น รวมทั้งนิยมใช้แต่งกลิ่นแต่งรสชาติในอาหารอิสลาม ใส่ข้าวหมกไก่ ข้าวหมกแพะ เป็นต้น ส่วน “สะระแหน่กลิ่นตะไคร้” มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเวียดนาม เพิ่งพบมีต้นวางขายที่ตลาดนัดไม้ดอก ไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งผู้ขายบอกว่าเป็นหนึ่งในสองสายพันธุ์สะระแหน่เวียดนาม โดยอีกสายพันธุ์หนึ่งเคยแนะนำในคอลัมน์ไปนานแล้ว ซึ่งชนิดนั้นกลิ่นจะหอมเย็นเหมือนกลิ่น มินต์ เมนทอล ทั่วไป ไม่แปลกอะไร แต่ “สะระแหน่กลิ่นตะไคร้” กลิ่นของใบจะหอมแรงมาก คล้ายกลิ่นหอมของตะไคร้แกงทุกอย่าง เด็ดใบขยี้ดมได้กลิ่นหอมอย่างชัดเจน ชาวเวียดนามนิยมกินเป็นผักสดกับอาหารคาวหลายอย่าง โดยเฉพาะกินกับ ขนมจีนเวียดนาม จะเพิ่มกลิ่นหอม ทำให้รับประทานอร่อยยิ่งขึ้น ใครที่ไปเที่ยวประเทศเวียดนามหากเดินตลาดเช้าจะพบ “สะระแหน่กลิ่นตะไคร้” วางรวมกับผักสดชนิดต่างๆบนถาด ให้ลูกค้ารับประทานกับ ขนมจีนเวียดนาม มากมาย สะระแหน่กลิ่นตะไคร้ หรือ MENTHA PULEGIUM อยู่ในวงศ์ LABIATAE เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นแตกกิ่งก้านเยอะ ทุกส่วนของต้นมีขนสั้นนุ่มปกคลุม ใบเป็นใบ เดี่ยว ออกตรงกันข้ามเป็นรูปรีกว้าง ปลายใบเกือบมน โคนใบมน ก้านใบยาว ไม่สั้นเหมือน สะระแหน่ไทย ผิวใบมีรอยย่นเหมือนใบสะระแหน่ทั่วไป ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย เนื้อใบค่อนข้างหนา สีเขียวสด ใบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคือ กลิ่นจะหอมแรงคล้ายกลิ่นของตะไคร้แกง นิยมกินเป็นผักสดกับอาหารคาวทั่วไป และใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารได้ดีมาก ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำต้น มีต้นขายที่ บริเวณโครงการ ๒ ตลาดนัดสวนจตุจักร ประโยชน์ของสะระแหน่ทั่วไป ใบสดมีกลิ่นหอมร้อน ขับลม ขับเหงื่อ ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้อง ใบขยี้ดมแก้หืด ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ใบแห้งชงน้ำร้อนดื่มช่วยย่อยอาหาร ใบสดขยี้ทาขมับแก้ปวดหัว ดมแก้ลม ขยี้ทาแก้ฟกบวม (http://www.thairath.co.th/media/content/2009/12/27/55365/hr1667/630.jpg) "กระชาย–ตะไคร้–อัญชัน" บำรุงไต สายตา แก้เพลีย ตะไคร้-กระชาย-อัญชัน สูตรดังกล่าวมีวิธีทำง่ายๆ คือ เอากระชายสด ๕๐ กรัม ตะไคร้สด ๕๐ กรัม และดอกอัญชันสด ๓๐ กรัม ต้มกับน้ำ กะโดยสายตาจนเดือดแล้วดื่มขณะอุ่นทุกวัน วันละ ๓-๔ ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว หรือดื่มแทนน้ำ ต้มดื่มติดต่อกัน ๓-๖ เดือน จะช่วยบำรุงไตสำหรับไตปกติให้แข็งแรง ไม่ใช่ดื่มเพื่อรักษาโรคไต บำรุงสายตาแก้ตาแห้ง บำรุงกำลังและแก้อาการอ่อนเพลีย ร่างกายกระชุ่มกระชวยดีมาก กระชาย หรือ BOESENBERGIA ROTUNDA LINN. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ประโยชน์ เหง้าและรากมีน้ำมันหอมระเหย เช่น CINEOL, BORNEOL, ใช้แต่งกลิ่นอาหารและแก้บิด ตะไคร้ CYMBOPOGON CITRATUS (NEES) STAPF. ชื่อสามัญ LEMON GRASS อยู่ในวงศ์ GRAMINAE ประโยชน์ ทั้งต้นเป็นเครื่องเทศ ทำเครื่องดื่ม เป็นยาขับปัสสาวะ ขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ สารสำคัญคือน้ำมันหอมระเหยซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยสาร CITRAL และ GERANIOL อัญชัน หรือ CLITORIA TERNATEA LINN. ชื่อสามัญ BLUE PEA, BUTTERFLY PEA วงศ์ LEGUMINOSAE ประโยชน์ ดอกใช้แต่งสีขนม ใช้ทดสอบความเป็นกรด-ด่างแทนกระดาษ "ลิตมัส" น้ำคั้นจากดอกทาทำให้ผมขึ้นและคิ้วดก ซึ่งจะได้ผลดีในเด็ก ข้อมูลและภาพ: คอลัมน์เกษตรกรบนแผ่นกระดาษ หน้า ๗ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ |