[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ห้องสมุด => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 13 กรกฎาคม 2556 18:14:04



หัวข้อ: หมู่เกาะเบอร์มิวดา กับปริศนา "สามเหลี่ยมปีศาจ"
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 13 กรกฎาคม 2556 18:14:04
.

(https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSOpA4ahAELrDHVsjwgyXk016GO3El55e5UYqyPLETetqMPla8j)

หากกล่าวถึงเบอร์มิวดา  ผู้อ่านมักจะคิดว่าดินแดนนี้ลึกลับซับซ้อน ยานพาหนะไม่ว่าเรือ หรือเครื่องบินกระดิกพลิกตัวแล่นหรือบินผ่านไปก็มักจะหายวับไปกับตา อันตรธานไปจากโลกนี้  ใครมาเล่าให้ฟัง ว่าจะไปเยือนเบอร์มิวดา ผู้ทราบข่าวจะต้องตาลุกโพลง เหมือนกับว่าจะไปแดนดินถิ่นมหัศจรรย์ แล้วจะไม่ได้กลับมาอีกอย่างนั้น

โดยแท้ที่จริง เบอร์มิวดาก็เป็นหมู่เกาะธรรมดาที่มีประชาชนพำนักพักอาศัยอยู่ นับเมื่อปี ๒๐๐๗ ประมาณ ๖๖,๑๖๓ คน  เพียงแต่ว่าเป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายที่สุดในโลก อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ ห่างจากภาคตะวันออกของแหลมแฮตเทอร์รัสของรัฐนอร์ทแคโรไลนา ๙๖๕  กิโลเมตร ห่างจากหมู่เกาะเวสต์อินดีส ๑,๓๐๐ กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะหินปะการังและเกาะเล็กเกาะน้อย ๓๖๐ เกาะ มีพื้นที่รวมทั้งหมด ๕๘.๘ ตารางกิโลเมตร เมืองหลวงชื่อ "แฮมิลตัน" (Hamilton)

เบอร์มิวดาไม่มีแม่น้ำหรือทะเลสาบแม้แต่แห่งเดียว  ประชาชนคนที่นั่นต้องอาศัยน้ำฝนและน้ำจากโรงกลั่นน้ำขนาดใหญ่นำมาใช้อุปโภคบริโภคกันเท่านั้น

คนเบอร์มิวดามีรายได้สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ธุรกิจที่สำคัญและนำเงินตราต่างประเทศเข้ามามากที่สุดก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พวกธนาคารนอกประเทศก็ชอบมาตั้งที่เกาะนี้ บริษัทประกันภัยก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว รัฐบาลเบอร์มิวดาก็จึงเก็บภาษีจากธุรกิจธนาคารและประกันภัยได้มาก  อุตสาหกรรมต่างๆ ก็มีเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมผลิตสี น้ำหอม การต่อเรือ และยารักษาโรค แม้ว่าจะเป็นเกาะอยู่กลางมหาสมุทรสุดขอบฟ้า แต่ที่นี่การเกษตรก็ทำได้ดี  บนเกาะเบอร์มิวดาปลูกกล้วยหอมได้เยอะ มันฝรั่ง ส้ม หรือดอกไม้อะไรนี่ ก็ปลูกได้ทั้งนั้น


(http://www.matichon.co.th/online/2008/08/12193851591219387086l.jpg)
ภาพจาก : matichon.co.th (http://www.matichon.co.th)

เบอร์มิวดาเป็นประเทศเอกราชชาติอิสระหรือ?  ต้องตอบว่าไม่ใช่  

เบอร์มิวดาเป็นอาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงเหลืออยู่ โดยมีชาวอังกฤษมาตั้งรกรากก่อนการรวมตัวเป็นสหราชอาณาจักรถึงสองศตวรรษ ปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ  มีสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ ๒ เป็นพระประมุข  โดยข้าหลวงใหญ่ทำหน้าที่แทนพระองค์ของกษัตริย์อังกฤษ  ดูแลในด้านการต่างประเทศ  กลาโหม และมหาดไทย  มีนายกรัฐมนตรี มีรัฐสภาที่ประกอบไปด้วยสภาผู้แทนราษฎร ๔๐ คน และวุฒิสมาชิก ๑๑ คน คนส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาคริสต์ ใช้อังกฤษเป็นภาษาราชการ  มีเงินสกุลของตนเองคือ ดอลลาร์เบอร์มิวดา  (Bermuda dollar) หรือ BMD

ดังนั้น เบอร์มิวดาจึงไม่ใช่ดินแดนลึกลับซับซ้อนตามที่เราเข้าใจ แต่เป็นแดนดินถิ่นที่มีอยู่จริง และมีการบริหารบ้านเมืองที่ทันสมัย

ผู้พบหมู่เกาะเบอร์มิวดาครั้งแรกเป็นชาวสเปน  พบเจอแล้วก็ออกไป  เกาะนี้ยังไม่มีคนมาตั้งถิ่นฐาน จนกระทั่ง พ.ศ.๒๑๕๒ เรือของชาวอังกฤษมาอับปางลง  ก็ได้อาศัยหมูที่ชาวสเปนนำมาปล่อยทิ้งไว้เมื่อสมัยร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้นรับประทานเป็นอาหาร   ต่อมาก็มีการเอาพวกแอฟริกาและอเมริกันอินเดียนมาเป็นทาสบนเกาะ และให้เพื่อปลูกยาสูบ  ปัจจุบันทุกวันนี้ บนเกาะเบอร์มิวดาจึงมีพวกแอฟริกัน และอเมริกันอินเดียนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  

นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมไปว่ายน้ำ ดำน้ำ ตกปลา และแล่นเรือในเบอร์มิวดา เพราะที่นี่มีอากาศดีเกือบตลอดทั้งปี มีกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์ไหลผ่าน อาคารบ้านเรือนและวิถีชีวิตของผู้คนก็ยังมีเสน่ห์แบบอาณานิคม ตามชายฝั่งมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ลมและน้ำทะเลเซาะให้เป็นรูปร่างเหมือนเจดีย์ เสาหิน และถ้ำที่สวยงามมากมาย

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒  จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๙ มีกฎหมายห้ามขับขี่รถยนต์บนเกาะทุกแห่ง ใครไปเที่ยวเบอร์มิวดา ต้องเดินทางด้วยรถจักรยาน รถม้า เรือ หรือใช้รถรางเท่านั้น  จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๘๙  จึงยกเลิกกฎหมายนี้  และยินยอมให้แต่ละครอบครัวมีรถยนต์ได้เพียงคันเดียวเท่านั้น  บนเกาะนี้ห้ามมีบริการรถเช่า  การกำหนดวิถีการเดินทางแปลกๆ อย่างนี้ ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งซึ่งนักท่องเที่ยวอยากไปสัมผัส

แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเกาะเบอร์มิวดาประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ คน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนไม่น้อย  ถ้าเปรียบกับพื้นที่เกาะ จำนวน ๕๘.๘ ตารางกิโลเมตร  และทำให้ ๔๐% ของรายได้ที่เข้าประเทศทั้งหมดนั้น มาจากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว  เบอร์มิวดาจึงเป็นอีกแดนดินถิ่นหนึ่งที่น่าไปเยือน และน่าเอาเป็นตัวอย่างด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวที่สร้างกฎเกณฑ์อะไรแปลกๆ ขึ้นมาให้เป็นที่น่าสนใจ


(http://statics.atcloud.com/files/entries/1/18688/images/1_original.jpg)

แต่สิ่งที่เรารู้จักประเทศเบอร์มิวดามากที่สุด คือความอัศจรรย์ของ "สามเหลี่มเบอร์มิวดา" (Bermuda Triangle)  บริเวณสมมติในมหาสมุทรแอตแลนติก มีเนื้อที่ประมาณ ๑.๒ ตร.กม. อยู่ระหว่างจุด ๓ จุดที่ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ได้แก่ เปอร์โตริโก  ปลายสุดของมลรัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นที่รู้จักทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย หลังจากที่ค้นพบว่าคุณสมบัติทางฟิสิกส์ต่างๆ ไม่เป็นไปตามกฎพื้นฐาน
 
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เริ่มเป็นที่รู้จักในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ (ค.ศ. ๑๙๕๑) หลังจากที่มีเรือขนาดใหญ่หายสาบสูญภายในบริเวณสามเหลี่ยม รวมถึงเครื่องบินและเรือขนาดเล็กอื่นๆ จนได้รับขนานนามว่า "สามเหลี่ยมปีศาจ" (The Devil′s Triangle)

สำหรับศัพท์คำว่า "สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา" หรือ "Bermuda Triangle" นี้ มีที่มาจากบทความนิตยสารอาร์กอสซี่ เจ้าของบทความชื่อ Vincent H. Gaddis ได้นำเสนอเรื่องราวของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างลึกลับโดยปราศจากคำอธิบายในนิตยสารดังกล่าว เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๖๔ แต่ แกดดิส ไม่ได้เป็นคนแรกที่สังเกตเรื่องนี้  ก่อนหน้าในปี ค.ศ.๑๙๕๒ นาย George X. Sands เสนอเรื่องทำนองนี้เช่นกันในนิตยสาร Fate เนื้อหากล่าวถึงปริมาณของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างผิดปกติในบริเวณน่านน้ำดังกล่าว ซึ่งยอดสูญหายนี้มันมากเกินไปกว่าที่จะสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุ
  
ต่อมาถัดมาในปี ค.ศ. ๑๙๖๙ นายวอลเลซ สเปนเซอร์ ได้เขียนหนังสือว่าด้วยสามเหลี่ยมปริศนานี้โดยเฉพาะออกจำหน่ายในชื่อว่า "Limbo of the Lost" ถัดจากนั้นก็มีหนังสือออกจำหน่ายตามมาอีกมากมายเกี่ยวกับความลึกลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งก็มียอดจำหน่ายดีแทบทุกเล่ม ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือบทความที่มีชื่อว่า "The Devil′s Triangle" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. ๑๙๗๔ ซึ่งเนื้อหาสำหรับเป็นที่ชื่นชอบความลึกลับเกี่ยวกับสามเหลี่ยเบอร์มิวดาเป็นอันมาก เป็นที่น่าสังเกตคือ หนังสือแทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า เบื้องหลังของการสูญหายนี้ มาจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น เช่น มาจากมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างก็หาหลักฐานและทฤษฎีมาถกเถียงกัน
 
บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีอาณาบริเวณที่กว้างมากจาก ฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวดา กินพื้นที่ประมาณ ห้าแสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการจะค้นหาอะไรๆจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีองค์กรของรัฐ เอกชน ต่างให้ความสนใจในการสำรวจ โดยหวังว่าจะเจอหลักฐานอะไรก็ตามที่นำมาใช้ไขปริศนาของดินแดนบริเวณนี้ได้ และมีนักบินขี่เครื่องบินสามลำแล้วหายไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
 
นอกจากปริศนาอันลึกลับของ "สามเหลี่ยมปีศาจ" นี้แล้ว เบอร์มิวด้า ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายสีชมพู เลื่องชื่อของอุทยานแอสท์วู้ด ท่าเรือแฮร์มิลตันที่คึกคัก รวมทั้งโบสถ์และปราสาทโบราณที่งดงามอีกมาก ที่สำคัญยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์การค้นพบหมู่เกาะต่างๆ อย่างบันทึกของ จอห์น สมิธ ผู้เขียนประวัติศาสตร์ครั้งแรกของหมู่เกาะเบอร์มิวดา เป็นต้น


(http://pbs.twimg.com/media/BIOY5ydCIAEx9wv.jpg:large)
หาดทรายสีชมพูที่เบอร์มิวด้า


(http://images.thaiza.com/38/38_201207191327311..jpg)
เมืองแฮมิลตัน



อ้างอิง ๑. เบอร์มิวดา  หน้า ๒ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
         ๒. เปิดประเทศเบอร์มิวดา  หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
         ๓. วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี

* สำหรับหนังสือพิมพ์ที่อ้างอิงนั้น จะตัดเก็บรวบรวมสิ่งที่น่าสนใจไว้จำนวนมากหลังอ่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
   แต่ลืมจดบันทึกรายละเอียดวันเดือนปี ฯลฯ ไว้... ต้องขออภัยค่ะ