หัวข้อ: คุณประโยชน์ของปูทะเล และหอยหวาน เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 กรกฎาคม 2556 14:31:56 .
(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/181281.jpg) ปู สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย เนื้อก้อนขายกิโลกรัมละประมาณ ๘๐๐ บาท เนื้อขาวกิโลกรัมละประมาณ ๖๐๐ บาท เนื้อขากิโลกรัมละประมาณ ๖๐๐ บาท และเนื้อก้ามกิโลกรัมละประมาณ ๓๐๐ บาท ไข่ในกระดอง จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีค่า มีรสชาติดี ให้คุณค่าทางอาหารสูงเป็นที่ต้องการของตลาดภายในและต่างประเทศ ปัจจุบันมีการแยกไข่และมันปูออกเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับตลาดบนหรือภัตตาคารและร้านอาหารมีชื่อต่าง ๆ ซื้อขายกันในราคากิโลกรัมละประมาณ ๔๐๐ บาท เปลือกปูนำไปทำปุ๋ยปู หรือสกัดสารไคโตซานและไคติน ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์หลายด้าน อาทิ ด้านสิ่งแวดล้อมใช้บำบัดน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โรงงานฆ่าสัตว์ โรงงานผลิตภัณฑ์นม และโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่มีปริมาณอินทรียสารและโลหะหนัก ประเภททองแดง นิกเกิล สังกะสี โครเมียม และเหล็ก โปรตีนที่ตกตะกอนสามารถนำกลับมาใช้เป็นวัสดุ ให้จุลินทรีย์ในบ่อบำบัดน้ำเสียหรือในบ่อกุ้งเกาะใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ใช้กำจัดเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคโคนเน่าในพืชตระกูลถั่วหลายชนิด ปรับปรุงคุณภาพดิน เร่งดอกของกล้วยไม้ สร้างโซ่อาหารในบ่อปู สามารถนำไปช่วยยืดอายุของผลผลิตทางเกษตร เช่น มังคุด มะ ม่วง สตรอเบอรี่ และฝรั่งกลมสาลี่ ใช้เป็นองค์ประกอบของอาหารบำรุงสุขภาพเพื่อช่วยลดคอเลสเตอรอล นำมาใช้ในการตกตะกอนของไวน์ขาวและไวน์แดง ทำเป็นฟิล์มสำหรับเคลือบอาหารช่วยในการลดจำนวนแบคทีเรียและยืดอายุในการเก็บให้ยาวนานขึ้น ใช้เป็นสารปรุงแต่งผลิตภัณฑ์อาหารทะเลต่าง ๆ ให้มีกลิ่นกุ้ง กลิ่นปู. ที่มา : ประโยชน์จากปูทะเล หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หน้า ๒๔ ฉบับประจำวันพุธที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ (http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/212857.jpg) หอยหวานเป็นหอยฝาเดียว เปลือกค่อนข้างหนา ทรงรี ผิวเรียบ พื้นเปลือกมีสีขาวและมีทางสีน้ำตาล ๓ แถว แต้มสีน้ำตาลดำ บนที่หัวมีหนวด ๑ คู่ มีตา ๑ คู่ มีงวงยาว ช่วยในการกินอาหาร โดยต่อมน้ำลายจะสร้างน้ำย่อยส่งออกมาทางงวงเพื่อย่อยอาหารจากภายนอกร่างกายแล้วจึงดูดเข้าไป ลูกหอยหวานระยะวัยอ่อนจะกินอาหารด้วยการกรอง โดยใช้อวัยวะกรองอาหาร พวกแพลงก์ตอน หอยหวานตั้งแต่ระยะลงพื้นจนโตเต็มวัย มีการดำรงชีพอยู่บนพื้นทราย กินเนื้อเป็นอาหาร โดยกินซากสัตว์ที่ตายแล้วเป็นอาหาร อาศัยบริเวณชายฝั่งที่เป็นทรายหรือทรายปนโคลน ความลึกประมาณ ๕-๒๐ เมตร ความสูงของเปลือกเต็มที่ประมาณ ๖.๕ ซม. พบทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน เช่น จังหวัดตราด ระยอง จันทบุรี ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น เนื้อหอยหวานมีปริมาณโปรตีนใกล้เคียงกับปลาเก๋า และกุ้งทะเลรวมทั้งไขมันในหอยหวานประกอบด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่มีความสำคัญได้แก่ อีพีเอ และ ดี เอช เอ จากการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของเมนูอาหารของหอยหวานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า อาหารที่ปรุงจากหอยหวานมีความหลากหลายของคุณค่าทางโภชนาการ มีรสชาติแตกต่างจากหอยชนิดอื่น สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย ที่มา : หอยหวาน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หน้า ๒๔ ฉบับประจำวันพุธที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ |