หัวข้อ: พริมรตา เดชอุดม เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 16 กันยายน 2553 10:53:23 (http://image.ohozaa.com/iw/13366.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/27.mp3 ดาราสาว หน้าหวาน จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม ไม่ว่าใครเจอเธอก็จะต้องชื่นชอบในความน่ารัก ตาโต แก้มป่อง และรอยยิ้มสดใสของเธอ นอกจากความน่ารักของรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว สาวคนนี้เธอยังมีมุมมองในเรื่องธรรมะที่น่าสนใจอีกด้วย ซึ่งเธอมีโอกาสได้มีส่วนร่วมในรายการธรรมะดี ๆ อย่าง หลวงพี่มาแล้ว เป็นรายการธรรมะสอนใจตอนสั้นๆ ออกอากาศทางช่อง 3 โดยมีพระมหาสมปอง มาคลายปัญหาแนวปุจฉา - วิสัชนาตลอด ระยะเวลากว่า 1 ปี ที่ทำรายการธรรมะ เธอได้พบกับความสุข และมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวเธอ จนคนรอบข้างสังเกตได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนิสัย เรื่องของการปรับตัวในชีวิตประจำวัน และได้ใช้ธรรมะในเรื่องของการแสดงละครด้วย ธรรมะทำให้คิดเปลี่ยน แต่ก่อนจ๊ะจ๋าเป็นคนใจร้อนมาก ด้วยความที่ใช้ชีวิตแบบที่ต้องเร่งรีบ ทำงานแข่งกับเวลา แต่หลังจากได้เรียนรู้ในเรื่องธรรมะ ทำให้เวลาที่จะทำอะไร เธอจะคิดมากขึ้นหลังจากเล่นละครเรื่องนี้มาได้ประมาณ 1 ปี มันมีความพิเศษเกิดขึ้นกับจ๊ะจ๋า รู้สึกเลยว่าเราเปลี่ยนไป จ๊ะจ๋าเชื่อในเรื่องของพรหมลิขิต ที่วันนี้ชักนำให้จ๊ะจ๋าเดินมาสู่ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของจ๊ะจ๋ามันเปลี่ยนจ๊ะจ๋าในเรื่องของการคิด วิธีคิด ในการมองสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเรา จ๊ะจ๋าเป็นคนใจร้อน ทำอะไรเร็ว หลายคนบอกว่าให้ใจเย็นๆ หน่อยสิ มันใจเย็น ๆ ยังงัยล่ะ ก็ใจมันร้อนอยู่ ไม่รู้วิธีทำยังไงให้มันเย็นลง มันไม่เหมือนการเล่นละคร ที่เขาบอกว่าให้เราทำหน้าตาโกรธ เราก็จะทำได้ระดับหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วการใจเย็นคือการคิดให้ลึก คิดให้เยอะ ทำให้เราละเอียดกับสิ่งรอบ ๆ ตัวขึ้น คิดว่ามันเกิดมายังไง มันควรจะเป็นยังไง มันก็ต้องใช้เวลาในการคิดก็ทำให้เราไม่หุนหันพลันแล่น หัวข้อ: Re: พริมรตา เดชอุดม เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 16 กันยายน 2553 10:58:22 (http://image.ohozaa.com/iw/13366.jpg) .............................ถึงเวลาธรรมะมาแล้ว............................ เมื่อได้รับการติดต่อให้เล่นละครธรรมะ ในตอนแรกเธอบอกว่ารู้สึกตกใจ เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่ถึงเวลาที่ต้องเล่นละครธรรมะ แต่ ก็ตัดสินใจลองทำดูด้วยความรู้สึกว่าเป็นรายการที่สร้างสรรค์สังคม และมีเรื่องของความสนุกสนาน ได้แง่คิด ในการที่ให้พระรูปหนึ่ง พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต มาเทศน์เกี่ยวกับเรื่องของทางโลกตอนแรกรู้สึกว่าเรื่องธรรมะเนี่ยยังไม่ถึงเวลาของเรา เรายังไม่แก่ ยังไม่ต้องการความสงบนิ่งขนาดนั้น แต่พอได้เข้ามาเล่นละคร รู้สึกเลยว่าเรื่องที่เราอยากรู้จริง ๆ เราไม่เคยคิดจะถามเลย แต่มีคนที่คิดเหมือนเรา เขาอยากรู้ เขาถามมา บางคำถาม เราก็รู้แค่ว่าเขาบอกกันมาแบบนี้จ๊ะจ๋ายกตัวอย่างเรื่องการนำพระที่หักแล้วไปไว้ที่วัด ถามว่ามันช่วยเรื่องอะไรไหม เอาความทุกข์ไปทิ้งจริงไหม พระท่านบอกว่าไม่จริงเลย การนำพระที่หักไปทิ้งที่วัด แล้วคิดว่าช่วยปลดปล่อยสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวเรา มันไม่จริง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวของเราทำ พระท่านบอกว่าจริง ๆ แล้ว พระหักเนี่ย ทิ้งขยะได้เลย ไม่จำเป็นต้องทิ้งที่วัด แต่ความรู้สึกของเรานะ พระหักก็ต้องไปทิ้งที่วัด เพราะไม่กล้าทิ้งถัง ขยะ เราก็ได้เรียนรู้ว่า เราทำตามคำสอน ความเชื่อมา บางเรื่องก็เป็นเหมือนกิมมิกที่หลอกเรา ให้เรารู้สึกว่าเราควรจะทำอะไร ศีล 5 เท่ากับความสุข สำหรับสิ่งที่ได้รับจากรายการนี้ จ๊ะจ๋าเล่าว่าได้เรียนรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในชีวิตประจำวัน เรื่องของการทำดี การทำบาป ได้เรียนรู้หลักง่าย ๆ แค่ถื อศีล 5 เมื่อไม่ทำบาป ชีวิตก็จะมีความสุขการที่เราไม่ละเมิดศีล 5 เท่ากับว่าเราจะไม่ทำความผิดใดๆ อีกเลย และถ้าเราไม่ทำความผิด แสดงว่าเรา ก็จะม่ทำบาป เมื่อเราไม่ทำบาป เราก็จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน สุดท้ายตัวเราเองก็จะมีความสุขอย่างที่เราเข้าใจกัน ศีลข้อหนึ่งในศีล 5 คือการไม่ พูดโกหก แต่บางครั้งเราโกหกเพื่อนที่ป่วยอยู่เพื่อให้เขาสบายใจ เราทำผิดหรือเปล่า หลวงพี่ก็จะสรุปว่าจริง ๆ การผิดศีลข้อหนึ่งของศีล 5 ก็คือการ ไม่พูดจาส่อเสียดให้คนอื่นไม่สบายใจ แต่การพูดเพื่อให้คนอื่นสบายใจไม่ถือว่าเป็นการพูดโกหก อยู่ที่เจตนา เรื่องธรรมะจะมองให้ซับซ้อนมันก็ซับซ้อน จะมองให้ง่ายมันก็ง่ายสุดๆ จริง ๆ มันก็สนุกนะสิ่งรอบ ๆ วัดก็สำคัญเมื่อถามถึงเรื่องการเข้าวัด ปฏิบัติธรรม เธอยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ ไปวัดบ่อยนัก แต่เธอพูดถึงเรื่องความเชื่อในการทำบุญ และการไปเก็บเกี่ยวสิ่งต่าง ๆ ในวัดอย่างน่าสนใจ เป็นแบบอย่างสำหรับคนรุ่นใหม่ได้อย่างดี จ๊ะจ๋าก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยไปวัดนะ นอกจากว่านึกครึ้มๆ หรือช่วงวันสำคัญก็จะพาคุณแม่ไป เมื่อก่อนทำบุญวัดหัวลำโพง ทำบุญโลงศพ แค่นั้น เมื่อก่อนการเข้าวัดสำหรับจ๊ะจ๋า คือ การทำบุญ แต่ตอนนี้การเข้าวัดของจ๊ะจ๋า คือการเก็บเกี่ยวเรื่องราวในวัด หัวข้อ: Re: พริมรตา เดชอุดม เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 16 กันยายน 2553 11:06:39 (http://image.ohozaa.com/iw/13366.jpg) เรื่องของการทำบุญ จ๊ะจ๋าเป็นคนที่ชอบทำบุญอยู่แล้ว จ๊ะ จ๋าเชื่อว่าการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการทำบุญกับพ่อแม่ การเป็นคนกตัญญู การรู้คุณของคนที่ให้กำเนิดเรามา รู้จักตอบแทนคุณท่าน จ๊ะจ๋าคิดว่าเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่เวลาไปวัดนอกจากทำบุญ ทำสังฆทานแล้ว ก็ ไปเดินเล่นเดินดู เดินอ่าน สิ่งสวย ๆ งาม ๆ ในวัด เจดีย์ตรงนี้มีที่มายังไง บางทีไปเห็นโกฐกระดูก ก็เห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย คือการเข้าวัด เราคิดว่า ไม่จำเป็นต้องข้าไปเฉพาะในโบสถ์อย่างเดียว แต่เราคิดว่า บางทีเรื่องราวของในวัด มันมีอยู่รอบ ๆ วัด ตั้งแต่เดินเข้าไป กำแพงวัด ต้นไม้ มีอะ ไรให้เราเรียนรู้ได้เยอะแยะ การที่เราเดิน ๆ อยู่ ก็ทำให้นึกถึงคำที่พระมหาสมปองเคยเทศน์ในรายการ ก็เล่าให้คุณยาย คุณแม่ฟังนะคะ ท่านก็บอกว่า เอ๊ะ ! นี่ลูกเปลี่ยนไปหรือเปล่า ธรรมะคือ {ธรรมชาติ} เราเป็นคนที่ไม่ชอบไปนั่งวิปัสสนา รู้สึกว่าเรายังยุกยิก คือรู้สึกว่าเรายังไม่ถึงจุดที่จะกำหนดรู้ว่าเมื่อยหนอ ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เราก็นำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันแบบขั้นต้น ในเรื่องของการคิด การลำดับเรื่องราวอย่างมีเหตุผล การใช้สติเนี่ยสำคัญมาก เรา อาจจะบอกว่าสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาใน ชีวิตเรามันไม่ใช่ธรรมะหรอก แต่จริง ๆ ธรรมะมันคือธรรมชาติ มันคือการกำหนดรู้ว่าเราคิดอะไร ตัวตนของเราคือใคร แล้วเราทำอะไรอยู่ทุกวันนี้เราเป็นคนใจเย็นขึ้น เรารู้จักตัวเองว่าเราเป็นคนยังงัย ภาวะอารมณ์อยู่ตรงไหน เวลามีเรื่องอะไร เราก็จะละเอียดกับมันมากขึ้นอย่างเรื่องการแสดง ตอน นี้งงมาก เพราะเราเล่นเป็นตัวร้ายเรื่องหนึ่ง ร้ายแบบเคียดแค้น ต้องเอาชนะ ฉันเป็นคนไม่ยอมแพ้ แต่อีกเรื่องเล่นเป็นภรรยาที่ตามจับสามี ตามจับตะ บี้ตะบัน แล้วก็มาคิดเราจะแยกอารมณ์ยังไง บางทีเราก็ติดเอาแววตาความร้ายกาจมาใช้ในแววตาของการจับสามี ทำหน้าร้ายให้ดูซึ่งมันไม่ใช่ก็เอาธรรมะมานั่งแยกว่าวันนี้มี{สติ} นะ เราจะเป็นคนคนนี้ จะเล่นเป็นตัวร้ายณ. วันนี้ แยกว่าจุดประสงค์ของการร้ายคืออะไร ใช้จิตพิจารณาให้มันละ เอียดขึ้น ในสิ่งที่เราคิด เราทำเธอบอกว่าธรรมะของเธอเป็นธรรมะประยุกต์ เธอจะไม่ค่อยนั่งสมาธิ แต่เธอจะใช้วิธีอยู่กับตัวเอง ไม่ว่านั่งหรือยืน หรือทำอะไร เธอก็จะแค่หลับตา หายใจ เข้าออกลึก ๆ พอลืมตาขึ้นเธอก็พร้อมที่จะตั้งต้นกับอะไรใหม่ ๆ หัวข้อ: Re: พริมรตา เดชอุดม เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 16 กันยายน 2553 11:10:08 (http://) (http://image.ohozaa.com/iw/13366.jpg) อยากบอกคนที่ สนใจธรรมะ แต่ว่าไม่ชอบนั่งสมาธิ ไม่ชอบไปวัด ไม่ชอบนั่งวิปัสสนา ให้ลองนำธรรมะที่เราเคยได้ยินมาจากคนนู้น คนนี้ หรือจากพระท่านพูด ลองเอามาคิดดู ลองดูสิว่า เราสามารถนำสิ่งๆ นั้นมาปรับใช้กับตัวเราได้แค่ไหน เชื่อว่าโลกเล็กเท่าหัวใจสาวน่ารักคนนี้เธอ มีความเชื่อว่า โลกใบนี้เล็กเท่าหัวใจ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอก็จะทำหัวใจตัวเองให้คิดดี แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ก็จะดีตามไปเองจ๊ะจ๋าเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าหัวใจเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่าง เส้นเลือดทุกเส้นของร่างกายวิ่งสู่หัวใจ ต่อให้เราสุขภาพกายดีแค่ไหน แต่สุขภาพใจเราไม่ดีเลย ร่างกายเราก็ไม่สมบูรณ์ เชื่อว่าโลกของเรามันเล็กเท่าหัวใจถ้าเราคิดว่าหัวใจเราดี โลกเราก็จะดี ถ้าเราจะทำโลกให้มันดีได้ ต้องทำใจให้มองโลกให้ดีก่อน โลกมันเล็กเท่าหัวใจ มันทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ดี ถ้าเรามองว่าโลกนี้มันเลวร้ายไปหมด ชีวิตเราก็จะอยู่ท่ามกลางความเลวร้าย เราก็จะเอาความเลวร้ายมาใส่ใจเรา ถ้าเรามองว่าโลกนี้มันมีความสวยงาม เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เรามองให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ชีวิตเราก็จะมีคุณค่า อย่างที่บอก ว่าหัวใจเป็นตัวที่หล่อเลี้ยงทุกอย่างใครจะลองนำวิธีคิดของจ๋าไปปรับใช้ดูก็เป็นสิ่งที่ดี รับรองว่าสุขภาพใจดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะโลกใบนี้มันเล็กเท่าหัวใจเรานี่เอง ผู้จัดการออนไลน์ หัวข้อ: Re: พริมรตา เดชอุดม เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 กันยายน 2553 15:33:19 (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/dd/Buddha_Bodh-Gaya.JPG/450px-Buddha_Bodh-Gaya.JPG) (:88:) (:88:) (:88:) |