[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 10 ตุลาคม 2556 11:58:41



หัวข้อ: นาคหลวง - ประวัติและความเป็นมา
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 ตุลาคม 2556 11:58:41
.

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2012/09/you02180955p1.jpg&width=360&height=360)

นาคหลวง

นาคหลวง เป็นคำเรียกสามเณรหรือบุคคลที่อุปสมบทโดยได้รับมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในแต่ละรัชกาลรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ในการบำเพ็ญพระราชกุศลอุปสมบทภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

นาคหลวงมี ๒ ประเภท คือ
๑. นาคในพระบรมราชานุเคราะห์ หมายถึง พระบรมวงศานุวงศ์หรือข้าราชการที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและได้ทำเรื่องกราบบังคมทูลขอเป็นนาคหลวง แยกเป็นนาคหลวงที่เป็นพระราชวงศ์ ราชสกุล ราชนิกุล ประกอบพิธีสมโภชในพระที่นั่งแล้วแห่ไปอุปสมบทในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม, นาคหลวงประเภทข้าราชการชั้นสัญญาบัตร จะไม่มีพิธีสมโภช เว้นแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นพิเศษ และนาคหลวงประเภทข้าราชการต่ำกว่าชั้นสัญญาบัตร จะได้รับพระราชทานเครื่องอัฐบริขารไปอุปสมบทตามวัดที่ติดต่อไว้เอง เรียกนาคหลวงประเภทนี้ว่า นาคในพระบรมราชานุเคราะห์ และ

๒. นาคหลวงสายเปรียญธรรม คือผู้สอบภาษาบาลีได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค ขณะยังเป็นสามเณร  อายุไม่เกิน ๒๑ ปี

การอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเพื่อศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เป็นประเพณีของพุทธศาสนิกชนชาวไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย สมัยกรุงศรีอยุธยา มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อบ้านเมืองสงบเรียบร้อยขึ้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (พระบาทสมเด็จพระ พุทธเลิศหล้านภาลัย) ทรงผนวชที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๑ นับว่าเป็น "นาคหลวงองค์แรก" ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และตั้งแต่นั้นมาจึงเป็นราชประเพณีที่พระบรมราชวงศ์หากจะทรงผนวชจะต้องทรงผนวชในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยโปรดเกล้าฯให้เป็น นาคหลวง

สำหรับนาคหลวงสายเปรียญธรรม สามเณรนาคหลวงรูปแรก แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สามเณรสา  สอบไล่ได้เมื่ออายุ ๑๘ ปี แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดราชาธิวาสวิหาร ก่อนย้ายไปจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ท่านได้รับยกย่องเป็นสามเณรอัจฉริยะแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๔ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (สา ปุสฺสเทโว) เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


(http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/DHAMA_PORT/thumbnail/33.jpg)
ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก

สามเณรนาคหลวงรูปที่ ๒ ของกรุงรัตน โกสินทร์คือ สามเณรปลด เกตุทัต สอบไล่ได้เมื่ออายุ ๒๐ ปี (แผ่นดินรัชกาลที่ ๕) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ รัชกาลปัจจุบัน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภณ) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ส่วนผู้สอบไล่ได้เปรียญ ๙ ประโยค ขณะเป็นสามเณรเป็นท่านแรกในสมัยที่เปลี่ยนวิธีสอบจากสอบปากเปล่าสดๆ  มาเป็นข้อเขียน คือ สามเณร เสฐียรพงษ์ วรรณปก วัดทองนพคุณ สอบไล่ได้เมื่ออายุ ๒๑ ปี เป็น สามเณรนาคหลวงรูปที่ ๓ ของกรุงรัตนโกสินทร์

นาคหลวงสายเปรียญธรรม ถือเป็นจุดหมายสูงสุดของการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของสามเณรในวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร ในการนี้วัดจะได้จัดฉลองเพื่อแสดงมุทิตาให้แก่สามเณร เพื่อให้สังคมรู้จักกันอย่างกว้างขวาง อันเป็นเกียรติแก่สามเณรและครอบครัว ซึ่งสนับสนุนศาสนทายาทที่มีคุณภาพ

สำหรับพระราชพิธีอุปสมบทนาคหลวง แต่ก่อนมีระเบียบปฏิบัติเริ่มจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาคหลวงนำดอกไม้ธูปเทียนแพเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมทูลลาผนวช ลาอุปสมบท ก่อนมีพระราชพิธีสมโภช คือ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ทรงเจิมพระราชทาน แล้วจึงมีการทำขวัญนาคหลวง

สำหรับปัจจุบันทรงให้ปรับเปลี่ยนระเบียบพิธีให้คงมีแต่ขั้นตอนการทรงผนวช การอุปสมบทไว้ และจะเสด็จฯ ไปพระราชทานเครื่องอัฐบริขาร เครื่องไทยธรรมแด่พระภิกษุนาคหลวง และทรงหลั่งทักษิโณทก อุทิศพระราชกุศลตามพระราชศรัทธา หรือโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯ แทนพระองค์


หนังสือพิมพ์รายวันข่าวสด