[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ จิบกาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 19:42:22



หัวข้อ: สุดสวยด้วยวิธี "พิสดาร"
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 19:42:22
.
สุดสวยด้วยวิธี "พิสดาร"

(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/hr1667/630.jpg)
ผู้หญิงกับความงามนั้นเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะผู้หญิงในเมืองใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางความทันสมัยและแสงสีทั้งหลาย เมื่อมีความต้องการจึงมีผู้หาวิธีหรือสูตรลับในการดูแลผิวพรรณเพื่อขจัดริ้วรอย ทำให้ส่วนที่ไม่ต้องการยุบเล็กลง และทำให้บางส่วนใหญ่ขึ้น หลายคนยอมจ่ายเงินจำนวนมาก ทั้งนี้ก็เพื่อให้สวยที่สุดดูดีที่สุด และคนส่วนใหญ่ก็คงไม่ปฏิเสธว่า ชอบที่จะมองผู้หญิงหน้าตาสวยผิวพรรณดีเช่นกัน ทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนจะพาท่านไปดูวิธีเสริมความงามแบบพิสดารกันครับ

นับแต่ยุคโบราณมาแล้วที่คนเราสรรหาวิธีดูแลความงามให้กับผู้หญิง  ในอดีต พระนางชีบา ราชินีของกษัตริย์โซโลมอนผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิสราเอล ไปที่เดดซี (Dead Sea-ทะเลสาบที่เค็มที่สุดในโลก) เพื่อใช้โคลนพอกดูแลรักษาผิวพรรณเป็นประจำ และในยุคต่อมา พระนางคลีโอพัตราผู้เลอโฉมแห่งอาณาจักรอียิปต์ ก็ยินดีที่จะเดินทางไกลไปที่นั่นเช่นกัน ด้วยหวังว่าธรรมชาติของที่นั่นจะช่วยให้ความงามคงอยู่ไปอย่างยั่งยืน ปัจจุบันนี้ดาราฮอลลีวูดหลายคน อาทิ จูเลี่ยน มัวร์ และ ซูซาน ซาแรนดอน ใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งทำจากโคลนที่นั่นเป็นประจำ และผลิตภัณฑ์จากโคลนของเดดซีก็มีจำหน่ายทั่วไป

สาวอาหรับในอดีตเคยใช้ตะกั่วบดเป็นผงละเอียดทาเปลือกตา คิ้วและขนตา เพื่อเสริมให้รอบดวงตาดูคมเข้ม ส่วนสาวชาวบาบิโลน ขจัดขนบนใบหน้าด้วยการใช้หินภูเขาไฟขัด ขณะที่หญิงสาวชาวอิตาเลียนยุคหนึ่งนิยมสร้างเสน่ห์ให้กับดวงตาด้วยการหยอดยางจากต้นไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ชื่อ Nightshade เข้าไปที่ดวงตา แม้มันจะได้ผลจริงแต่ก็มีอันตรายในระยะยาว

หญิงอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ยังกินสารหนู (Arsenic) เพื่อให้ผิวผุดผ่องเป็นยองใยด้วย โดยไม่ทราบว่านั่นคือยาพิษดีๆ นี่เอง และสตรีผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งศตวรรษที่ 16 คนหนึ่งคือ ควีนเอลิซาเบธที่ 1 ของอังกฤษ ผู้มีริมฝีพระโอษฐ์ที่อวบอิ่มและแดงราวกับทับทิม ใช้สีแดงที่ได้จากการคั้นเอาจากแมลงชนิดหนึ่งมาทาแทนลิปสติก

หญิงสาวชาวเวนิสนิยมไว้ผมยาวสลวย เพื่อให้สีผมโดดเด่นขึ้น ผู้ที่มีผมสีบรอนซ์นิยมที่จะใช้ปัสสาวะสิงโตราดไปบนมวยผม แล้วนั่งตากแดดให้แห้ง คล้ายกับหญิงอาหรับที่ทำให้ผมนุ่มและเงางามด้วยการแช่ผมของพวกเธอในปัสสาวะของอูฐ  ส่วนสาวงามชาวโรมันเพิ่มความเข้มให้ใบหน้าด้วยการใช้สาหร่ายทะเลสีน้ำตาลทาแก้ม และสร้างความผุดผาดด้วยการลูบไล้ใบหน้าด้วยผงตะกั่ว  ขณะที่สาวเกอิชาและนักแสดงคาบูกิของญี่ปุ่นซึ่งพอกหน้าด้วยแป้งหนาเตอะ  ต้องใช้อุจจาระของนกไนติงเกลที่แห้งแล้วทำเป็นผง ทำความสะอาดแป้งเหล่านั้นบนใบหน้า  เช่นเดียวกับสูตรลับของคลีโอพัตราในการบำรุงผิวหน้า ที่ใช้อุจจาระของจระเข้ที่บดให้เหลวเป็นครีมผสมกับน้ำนมลา  แล้วนำมาพอกหน้าเป็นประจำ มันทำให้ผิวหน้าของพระนางดูอ่อนเยาว์ (ปัจจุบันครีมพอกหน้าที่มีส่วนผสมของขี้นกกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนดัง วิคตอเรีย เบ็คแฮม คือหนึ่งในผู้ที่ใช้เป็นประจำ)

ทศวรรษที่ 30-40 ของศตวรรษที่ 20 เป็นยุคที่การเสริมสวยกำลังเริ่มบูม ทำให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาเพื่อเอาใจสาวผู้อยากสวยจำนวนมาก หลายๆ อย่างดูแล้วก็น่าตลก แต่ก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นจริงในยุคหนึ่ง ขอยกตัวอย่างมาให้ดูสักนิดหน่อยนะครับ


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/o3/420.jpg)
หน้ากากน้ำแข็ง
อันดับแรก หน้ากากน้ำแข็งที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยบริษัท Max Factor เป็นหน้ากากที่มีกล่องพลาสติกใสสำหรับบรรจุน้ำไว้ข้างใน เพียงนำหน้ากากนี้ไปแช่ให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง แล้วมาครอบหน้าไว้ ความเย็นจากน้ำแข็งจะช่วยทำให้ผิวหน้าและรูขุมขนกระชับได้อย่างมหัศจรรย์


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/o4/420.jpg)
เครื่องลอกกระบนใบหน้า
แล้วก็ยังมีเครื่องลอกกระบนใบหน้า โดยใช้การพ่นคาร์บอนไดออกไซด์ เย็นจัดไปบนผิวหน้า โปรดสังเกตจะเห็นว่าตาสองข้างของผู้รับบริการจะถูกปิดครอบโดยมีเหล็กยันไว้ จมูกสองรูก็ถูกอุดไว้ ต้องใช้ปากหายใจผ่านท่อยาว เครื่องนี้ดูเหมือนเครื่องทรมานคนมากกว่าเครื่องที่ช่วยให้สวยขึ้น


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/o5/420.jpg)
พอกหน้าด้วยทองคำ
มาถึงยุคปัจจุบันนี้บ้าง การเสริมความงามที่หากินกับคนรวยก็มีหลากหลาย เช่น The beauty Clinic ที่กรุงลอนดอน มีคอร์สนวดหน้าด้วยทองคำบริสุทธิ์ เรียกว่า UMO 24 carat โดยบอกว่าทองคำ 24 กะรัตจะช่วยลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ขจัดสารพิษที่ตกค้าง และทำให้ผิวหน้าผุดผ่องเป็นยองใย หลังจากนวดเสร็จก็จะพอกหน้าด้วยแผ่นทองคำบางเฉียบแล้วนวดให้อนูของธาตุมหัศจรรย์ซึมซับเข้าไปในผิวหน้า แล้วจึงลอกออก ค่าใช้จ่ายคอร์สนี้เริ่มที่ 350 ปอนด์ (ประมาณ 17,500 บาท) ส่วนที่โรงแรม Ritz Carlton นิวยอร์ก ให้บริการสำหรับลูกค้ากระเป๋าหนักด้วยการใช้พนักงานสองคน คนหนึ่งนวดตัวขัดผิว อีกคนหนึ่งทำเฉพาะใบหน้า ด้วยครีมซึ่งมีส่วนประกอบเป็นแพลตตินั่มบริสุทธิ์ ครีมนี้จะช่วยฟื้นฟูเซลล์ในระดับ DNA ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งดูอ่อนวัยไปนานแสนนาน ค่าบริการเริ่มต้นที่ 410 เหรียญสหรัฐฯ (12,300 บาทโดยประมาณ) ไม่รวมทิป


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/o7/420.jpg)
ขัดผิวหน้าด้วยเพชร
สำหรับบุคคลผู้ชอบความสุดยอดในชีวิต ยังมีบริการที่ยิ่งไปกว่านั้นให้เลือกอีก นั่นคือ การดูแลผิวหน้าด้วยเพชรและไข่ปลาคาร์เวียร์ ที่ The Grand Luxe Facial ซานฟรานซิสโก โดยขัดผิวที่เสียแล้วด้วยหัวขัดที่ทำจากเพชร เมื่อขัดเสร็จก็ปล่อยคลื่นระดับไมโครเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง ตามด้วยการพอกหน้าด้วยไข่ปลาคาร์เวียร์และกรดอะมิโน จะทำให้ผิวหน้าดูเอิบอิ่มอ่อนวัยขึ้นราวปาฏิหาริย์ ยัง ยังไม่เสร็จ เพราะเขาปิดท้ายด้วยการบำบัดด้วย แสง LED ระหว่างที่ทำหน้าไปนั้น ก็จะมีอีกคนนวดตัวไปพร้อมกันด้วย เพื่อให้เกิดความสบายเนื้อสบายตัวเมื่อเสร็จกระบวนการที่ใช้เวลารวม 3 ชั่วโมง งานนี้ลูกค้า ต้องจ่าย 750 เหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 22,500 บาท)


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/o6/420.jpg)
เทคโนโลยีหลอด LED ก็ถูกนำมาใช้เรื่องความงาม
ส่วนผู้ที่รักการดูแลผม ถ้ามีเงินจ่ายก็ลองไปที่ห้างแฮร์ร็อต กรุงลอนดอน ที่นั่นให้บริการทำผมด้วยแชมพูและครีมนวดผมสูตรลับ หลังจากสระเสร็จก็ไปนวดหัวด้วยผงเพชรและหินอุกาบาตร้อน พอนวดเสร็จค่อยไปทำผมต่อ โดยผู้เชี่ยวชาญที่สร้างสรรค์ทรงผมให้เหมาะกับบุคลิกของแต่ละคนได้อย่างวิเศษ เมื่อเดินออกจากร้าน คุณจะรู้สึกถึงความเพอร์เฟกต์ที่จับต้องได้ แต่ทั้งหมดนั้นต้องจ่าย 16,000 บาท

ยังมีการทำให้ผิวหน้าเต่งตึงอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ไฮโซคนดัง คือการใช้ครีมพอกหน้าที่มีส่วนผสมพิษจากผึ้ง หรือ Bee Venom ซึ่งโดยหลักการแล้วก็คล้ายกับการฉีดโบท็อกซ์นั่นเอง แต่มาในรูปของครีมที่มีส่วนผสมของพิษผึ้ง 1% ที่เหลือเป็นน้ำผึ้ง, Shea Butter และน้ำมันลาเวนเดอร์ จึงเป็นการสวยได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ครีมชนิดนี้ราคาสูงมาก (ของแท้) ขนาด 50 มิลลิลิตร ราคา 73 ปอนด์ (3,650 บาท) ซึ่งผู้ที่ใช้เป็นประจำคือ เคธ มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/o8/420.jpg)
คิม คาดาเชียน กับ Vampire treatment.
อีกวิธีที่สยองสักหน่อย แต่ผู้ที่รับการดูแลวิธีนี้เป็นประจำคือ คิม คาดาเชียน ดาราโทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐฯ วิธีนี้คือการดูดเอาเลือดในตัวของผู้ที่จะรับการบริการออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วเข้าเครื่องปั่นเพื่อแยกเอาเกล็ดเลือดออกมา จากนั้นก็นำเกล็ดเลือดที่ได้ฉีดพ่นไปทั่วใบหน้า ทำให้หน้าตาของคนนั้นแดงฉานดูน่ากลัวยิ่งนัก บางคนจึงเรียกว่า Vampire Facial treatment แต่ว่ากันว่าไม่นานหลังจากนั้น ความเอิบอิ่มชุ่มชื่นจะปรากฏให้เห็นอย่างไม่น่าเชื่อ สนนราคาค่าบริการ Vampire Facial treatment นี้ตกครั้งละ 1,500 เหรียญสหรัฐฯ (45,000 บาท)


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/16/383247/o9/420.jpg)
เซเรนา วิลเลียม กำลังแช่น้ำแร่อย่างมีความสุข.
ท้ายสุด คนสวยคนงามมักจะไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมกัน ซึ่งค่าอาบน้ำแร่โดยทั่วไปถ้าไม่ใช่สถานที่หรูหราก็แค่ 50-100 บาท ส่วนน้ำนมที่ใช้แช่ตัวนั้นก็มีขายเป็นขวดใช้ผสมน้ำแล้วลงไปแช่แต่ที่โรงแรม Hotel Victor ไมอามี มีบริการให้แขกคนพิเศษแช่น้ำแร่ Evian ของฝรั่งเศส จำนวน 1,000 ลิตร จะเทลงไปในอ่างอาบน้ำ ให้แขกกระเป๋าหนักคนสำคัญลงไปแช่เล่นท่ามกลางกลิ่นหอมของกลีบกุหลาบที่ลอยกระจายอยู่ทั่วผิวน้ำ ขณะที่มีความสุขกับการแช่น้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์ ก็จิบแชมเปญหรือรับประทานของหวานรสเลิศไปด้วย เมื่อแช่จนพอใจแล้วก็ค่อยไปทำสปาต่อ ใครสนใจคอร์สนี้ก็ต้องเตรียมสตางค์ไว้อย่างน้อย 150,000 บาท ไม่รวมทิป  ลูกค้าที่ไปใช้บริการแบบนี้ประจำคือ นักเทนนิสหญิงเซเรนา วิลเลียม ที่กล้ามใหญ่กว่าผู้ชาย เซิร์ฟหนักตบแรงคนนั้นแหละครับ.

โดย ทีมงานนิตยสารต่วย' ตูน
www.thairath.co.th (http://www.thairath.co.th)