หัวข้อ: โกโก เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และที่มาของโลโกสาวน้อยนางพยาบาล เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 07 ธันวาคม 2556 17:04:38 .
(https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTPyvWZznHsmaToFTPT-xw3LeW8yQ6ce8H4vXvYAe9U9RTNAT8vcQ) เครื่องดื่มรสขมที่หลายคนมักนำมาชงให้ออกรสหวานเพื่อการดื่มที่ง่ายขึ้น อย่าง "โกโก้" นั้น รู้หรือไม่ว่า หากชงให้ดี สามารถป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้ จากผลงานของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น โมนาสฮ์ ศึกษากับกลุ่มตัวอย่างชาวออสเตรเลีย จำนวน 2,013 ราย ซึ่งมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้นมีความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง และน้ำหนักตัวมาก ทั้งนี้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่บริโภคโกโก้เข้มข้น 70% ปริมาณ 100 กรัม หรือรับประทานดาร์ค ช็อกโกแลต เพียงหนึ่งบล็อกจากแผง เป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่องราว 10 ปี มีความเสี่ยงจะป่วยเป็น 2 โรคข้างต้นลดลง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะโกโก้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชื่อ โพลีฟีนอล มีประสิทธิภาพในการขยายเส้นเลือด จึงสามารถลดความดันเลือดและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดได้ โดยนอกจากโกโก้แล้ว แอปเปิ้ลแดง บลูเบอรี่ และชาเขียว ก็มีโพลีฟีนอล สำหรับเมนูดื่มดีได้ประโยชน์จากโกโก้ แนะนำสูตรโกโก้ร้อนเพื่อสุขภาพ ทำง่ายๆ โดยนำนมถั่วเหลือง 2 ถ้วย เทใส่หม้อตั้งไฟปานกลาง พอเริ่มร้อน (แต่ไม่ต้องถึงกับเดือด) จึงเติมผงโกโก้เข้มข้น 70% ลงไป 2 ช้อนชา พร้อมน้ำตาลทรายออกานิค หรือน้ำตาลเทียม 2 ช้อนชา คนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นเทใส่แก้ว ดื่มตอนอุ่นๆ คล่องคอ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง แต่ไม่แนะนำให้ปักใจใช้วิธีดื่มโกโก้ หรือรับประทานดาร์ค ช็อกโกแลต เพื่อป้องกันโรคเพียงหนทางเดียว ควรดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนผู้ที่เป็นผู้ป่วยโรคเหล่านี้อยู่แล้ว อาจปรึกษาแพทย์เพื่อใช้วิธีนี้เป็นส่วนเสริม.ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (http://f.ptcdn.info/097/007/000/1373462400-je-o.jpg) ข้อมูลจากวิกิพีเดีย หอศิลปะกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และข้อมูลจากที่อื่นๆ ระบุว่า โลโก้นางพยาบาลถือกระป๋องเหล็ก "ดรอสเต้โกโก้" และถ้วยช็อกโกแลตหอมกรุ่นนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาด "สาวน้อยช็อกโกแลต" หรือ "ลา แบลส์ ช็อกโกลาติแยร์" ภาพวาดสไตล์พาสเทล (คล้ายสีชอล์ก) ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฌอง เอเตียน ลิโอตาร์ (Jean-Etienne Liotard) ศิลปินชาวสวิตเซอร์แลนด์ ในราวศตวรรษที่ 17 รูปวาดเป็นภาพสาวน้อยแม่บ้านถือถาดเหล็กเพื่อเสิร์ฟเครื่องดื่มช็อกโกแลตในถ้วยแบบมีหูจับ พร้อมแก้วน้ำเปล่าอีก 1 ใบ ว่าสาวน้อยนางนี้เป็นใครเพราะนายลิโอตาร์วาดขึ้นจากความประทับใจในช่วงที่ราชสำนักประเทศออสเตรีย ว่าจ้างให้วาดภาพเหมือนของพระจักรพรรดินี มาเรีย เทเรเซีย และพระสวามี ที่กรุงเวียนนา ระหว่างปี 2286-2288 ขณะที่นายลิโอตาร์วาดรูปอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นแม่บ้านสาวสวย ใบหน้าคมคาย แต่เจ้าหล่อนไม่สนใจลิโอตาร์เลยเพราะสมาธิจดจ่ออยู่กับถ้วยโกโก้บนถาด ลิโอตาร์ประทับใจมากถึงกับวาดภาพเหมือนของเธอแถมให้ราชสำนักไปอีกหนึ่ง ภายหลัง ลิโอตาร์ขายภาพนี้ให้แก่เคานท์ฟรานเซสโก้ อัลกาโรทติ ซึ่งซื้อภาพนี้ไว้ด้วยความชื่นชมโดยไม่รู้ว่าเป็นภาพที่ลิโอตาร์ดวาดในราชวังออสเตรีย ประวัติศาสตร์ของภาพนี้จึงสูญหายไป (http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2010/08/you02120853p2.jpg&width=360&height=360) (ซ้าย) สตรีเทช็อกโกแลต (ขวา) ลิโอตาร์ นอกจากนี้ ลิโอตาร์ยังวาดภาพอีกภาพหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกันมากชื่อ "สตรีเทช็อกโกแลต" ซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่หอศิลปะแห่งชาติ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นักวิจารณ์ศิลปะบางท่านยกย่องว่าภาพ "สาวน้อยช็อกโกแลต" สะท้อนระบบชนชั้นในสมัยนั้น สังเกตจากสาวน้อยที่มีฐานะต่ำต้อยต้องทำงานรับใช้สาวผู้อยู่ในวรรณะสูง (พระจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย) ซึ่งนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเครื่องแต่งกายของสาวน้อยในภาพน่าจะเป็นชุดแต่งกายประจำของแม่บ้านในช่วงศตวรรษที่ 18 ต่อมาภาพ "สาวน้อยช็อกโกแลต" ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะร่วมสมัยและเป็นผลงานชิ้นเอกของลิโอตาร์ จากนั้นในปี 2308 มีผู้ซื้อผลงานศิลปะชิ้นนี้ไปประดับในหอศิลปะเกอเมลเดอ กาเลรีอัลเตอร์ ไมส์เตอร์ แดรสเดิล ประจำเมืองแดรสเดิล ประเทศเยอรมนี และในปี 2405 บริษัทเบเกอรี่สัญชาติอเมริกาที่เน้นผลิตภัณฑ์ทำจากช็อกโกแลตซื้อลิขสิทธิ์ของภาพวาดนี้ไป กระทั่งราวปี 2443 บริษัท "ดรอสเต้โกโก้" ใช้ภาพ "สาวน้อยช็อกโกแลต" เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างโลโก้ผลิตภัณฑ์ผงช็อกโกแลต โดยจ้าง โจฮานเนส มัสเสท นักวาดภาพเพื่อการค้า เขียนภาพแต่ให้แทนภาพสาวน้อยแม่บ้านด้วยนางพยาบาลเพราะให้ความรู้สึกถึงการดูแลและความห่วงใยมากกว่า ภาพนางพยาบาลถือถาดถ้วยโกโก้จึงเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มดรอสเต้อย่างแยกไม่ออกนับแต่บัดนั้น ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด (http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2010/08/you02120853p3.jpg&width=360&height=360) สาวน้อยช็อกโกแลต[ หัวข้อ: Re: โกโก เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และที่มาของโลโกสาวน้อยนางพยาบาล เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 07 ธันวาคม 2556 17:57:30 (https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcR9vauHp9LbMbbr0IpGCGGawKCLl2lLuPS5MhFFMGs4b8edVtCh) ช็อกโกแลต ชนิดของช็อกโกแลต และประโยชน์หรือโทษของการกินช็อกโกแลต ชาวเผ่ามายา ได้พบเศษช็อกโกแลตหลงเหลืออยู่ในหม้อของชาวมายาโบราณ เชื่อกันว่าชาวมายาดื่มเครื่องดื่มช็อกโกแลตมากว่า 2,600 ปีมาแล้ว คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นคนแรกที่ได้เห็นผลของต้นโกโก้ ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในช็อกโกแลต เมื่อปี พ.ศ.2045 แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจ 20 ปีต่อมา นายพลเออร์นานโด คอร์เทส นักสำรวจชาวสเปน สังเกตเห็นว่า จักรพรรดิแห่งเผ่าแอสเท็กซ์ทรงโปรดปรานเครื่องดื่มที่ชื่อว่า โชโกลาต์ เป็นพิเศษแม้จะมีรสขม จึงได้ทดลองดื่มดูและรู้สึกชอบ เมื่อเดินทางกลับสเปนในปี 2071 เขานำผลโกโก้ไปถวายพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 กษัตริย์ในสมัยนั้น ต่อมาชาวสเปนพบว่ากรรมวิธีทำให้เมล็ดโกโก้มีกลิ่นและรสดีขึ้น เมื่อนำไปต้มโดยเติมน้ำและน้ำตาล จะได้เครื่องดื่มชนิดใหม่ที่พวกเขาให้ชื่อว่า ช็อกโกแลต เป็นที่นิยมในหมู่ขุนนางชั้นสูงของประเทศและแพร่หลายไปทั่วยุโรป ชนิดของช็อกโกแลต โดยทั่วไปมี 3 ชนิด ได้แก่ ช็อกโกแลตดำ (Dark Chocolate) ช็อกโกแลตขาว (White Chocolate) และช็อกโกแลตนม (Milk Chocolate) ความแตกต่างอยู่ที่ส่วนผสม เช่น ช็อกโกแลตขาวจะมีส่วนผสมเหมือนดาร์กช็อกโกแลตแต่ใช้เนยโกโก้ลิเคอร์ จึงทำให้มีสีขาวและหวานมาก ในขณะที่ช็อกโกแลตนมจะลดปริมาณโกโก้ลิเคอร์และเติมนมผงลงไป ประโยชน์และโทษของช็อกโกแลต ในอดีตนักเคมีเคยพบว่าช็อกโกแลตมี เฟนิล ไธลามิน, ธีโอโบรไมน์ และกาเฟอีน ซึ่งสารเหล่านี้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ในช็อกโกแลตยังให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินเอ ดี เค และธาตุเหล็กค่อนข้างสูง หากกินมากเกินไป อาจส่งปัญหาด้านสุขภาพทำให้เป็นโรคต่างๆ ได้เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้มีการค้นพบสารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลต หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมจะมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจหรือแม้กระทั่งมะเร็งบางชนิด และยังพบว่ายังมีสรรพคุณช่วยให้คลายเครียด เนื่องจากมีสารไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่ชื่อเอ็นโดรฟินออกมา ช่วยทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ทั้งนี้ ชาวยุโรปส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าทำให้สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว อีกทั้งยังสามารถช่วยลดไข้รักษาอาการอาหารไม่ย่อยและช่วยให้มีลมหายใจที่หอมสดชื่นอีกด้วย ทุกวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์ ชาวยุโรปและอเมริกันนิยมมอบช็อกโกแลตให้แก่กันแทนดอกกุหลาบ ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด |