|
หัวข้อ: วันพระ - ประวัติความเป็นมา เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 08 ธันวาคม 2556 17:34:40 .
(http://www.sookjaipic.com/images/5630165164_1.jpg) วันพระ จากข้อมูลของศูนย์ประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมแห่งชาติ วันพระ หมายถึงวันฟังธรรม คือวันขึ้น ๘ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ และวันขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๑๖ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำในกรณีเดือนขาด ประวัติความเป็นมา เริ่มเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชกูฏ เมืองราชคฤห์ ครั้งนั้นนักบวชนอกศาสนาได้ประชุมแสดงธรรมทุกวัน ๑๔ ค่ำ และ ๘ ค่ำ ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม ชาวเมืองราชคฤห์ทราบข่าวก็พากันไปฟังธรรม และเกิดความเลื่อมใสมากขึ้นโดยลำดับ ต่อมาพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งแคว้นมคธทรงทราบข่าวนี้ จึงนำขึ้นกราบทูลพระพุทธเจ้า พร้อมขอพระบรมพุทธานุญาตพระสงฆ์ให้ประชุมแสดงธรรมในวันดังกล่าว สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นชอบและประทานอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์แสดงธรรมในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำของทุกปักษ์ ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงให้พระสงฆ์นำสิกขาบท หรือศีลของพระภิกษุ ๒๒๗ ข้อมาสวดให้กันฟังทำนองทบทวน และตรวจสอบศีลของกันและกันทุกๆ กึ่งเดือน คือทุกวันขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ หรือ ๑๔ ค่ำในเดือนขาด เรียกว่า "การสวดพระปาติโมกข์" และวันดังกล่าวของพระภิกษุเรียกว่า "วันอุโบสถ" เมื่อพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย วันธรรมสวนะหรือวันพระ ที่ถือปฏิบัติกันมีเดือนละ ๔ วัน คือวันขึ้น ๘ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ และแรม ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑๔ ค่ำ กรณีเดือนขาด ในสมัยอาณาจักรสุโขทัย เรียกวันธรรมสวนะ ขึ้นและแรม ๘ ค่ำว่า "วันศีลน้อย และวันขึ้นและแรม ๑๕ ค่ำว่า "วันศีลใหญ่" ในปี ๒๔๙๙ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุให้วันธรรมสวนะหรือวันพระ และวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้ประชาชนรำลึกถึงความสำคัญของพุทธศาสนา แต่ต่อมายกเลิกประกาศนี้ โดยให้วันพระเป็นวันทำงานปกติ (http://www.sookjaipic.com/images/6391668125_2.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images/2257754993_DSC02589.jpg) ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด |