หัวข้อ: การค้นพบ "มเหนทรบรรพต" เมืองโบราณอายุกว่า 1,200 ปี บนเทือกเขาพนมกุเลน เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 07 มกราคม 2557 12:21:02 .
(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2014/01/you02070157p1.jpg&width=360&height=360) หนังสือพิมพ์ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ ของออสเตรเลีย ฉบับวันที่ 15 มิถุนายน 2013 ตีพิมพ์รายงานข่าวจากที่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพของเขาได้เดินทางพร้อมคณะนักโบราณคดี นำโดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ไปสำรวจป่าแถบจังหวัดเสียมเรียบ (เสียมราฐ) ของกัมพูชา และทีมนักโบราณคดีชาติตะวันตกดังกล่าวค้นพบเมืองโบราณอายุกว่า 1,200 ปี บนเทือกเขาพนมกุเลนห่างจากปราสาทนครวัดประมาณ 40 ก.ม. ประกอบด้วยวัดหลายแห่งในสภาพสมบูรณ์ถูกผืนป่าปกคลุมมานานหลายศตวรรษ เชื่อว่าเป็น "มเหนทรบรรพต" เมืองหลวงแห่งแรกๆ ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพระราชพิธีสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรเขมร และเป็นที่มาของลัทธิเทวราชา การสำรวจครั้งนี้ใช้เทคโนโลยีการทำแผนที่ที่เรียกว่า ไลดาร์ (Light detection and ranging data-lidar) ติดตั้งไว้กับเฮลิคอปเตอร์ บินในลักษณะกากบาทให้เลเซอร์ทะลุทะลวงพื้นที่ภูเขาลูกหนึ่ง ที่ถูกป่าปกคลุมอย่างมิดชิดทางตอนเหนือของนครวัดเป็นเวลา 7 วัน ช่วยให้นักโบราณคดีค้นพบอารยธรรมเก่าแก่ สอดคล้องกับผลสำรวจภาคพื้นดินเมื่อหลายปีก่อน กระทั่งค้นพบสิ่งก่อสร้างที่มีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เดเมียน อีแวนส์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโบราณคดี มหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวในฐานะผู้นำทีมสำรวจ 8 องค์กรที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้ รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลกัมพูชา เผยว่า ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ศูนย์กลางเมืองของนครอังกอร์ขยายออกไปอีกอย่างน้อย 35 ตารางกิโลเมตร มากกว่าที่คิดไว้ว่าอยู่ในระยะ 9 ตารางกิโลเมตรนับจากกำแพงของนครธม โดยภาพจากการสำรวจด้วยเลเซอร์เผยให้รู้ว่าเมืองนี้ไม่มีต้นไม้อยู่เลย นำไปสู่การศึกษาทฤษฎีที่ว่าการตัดไม้ทำลายป่าหรือการจัดการน้ำอย่างผิดพลาด อาจเป็นสาเหตุทำให้อารยธรรมดังกล่าวสิ้นสูญหรือไม่ หรือในอีกทฤษฎีคือ อารยธรรมนี้รุ่งเรืองเกินจุดที่จะเข้าไปจัดการได้ ด้าน ฌอง-แบพติสต์ เชวองซ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิโบราณคดีและการพัฒนาในกรุงลอนดอน กล่าวว่า เมืองนี้มีระบุอยู่ในจารึกโบราณที่ว่า กษัตริย์ชัยวรมันที่ 2 เคยสร้างเมืองหลวงอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งจากข้อมูลที่มีได้ แต่ในเวลานี้คณะรู้จากข้อมูลใหม่ว่าเมืองดังกล่าวเชื่อมต่อกันโดยถนน คลอง และฝาย สำหรับการเดินทางเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าว มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเดินทางไปตามทางขรุขระลาดชัน ลุยลำธาร รวมถึงใช้มอเตอร์ไบก์ และทุกคนในคณะสำรวจให้สัญญาจะไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเมืองนี้จนกว่ารายงานวิจัยจะตีพิมพ์เผยแพร่ การสำรวจลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกในเอเชีย แสดงให้เห็นรากฐานของการสร้างเมืองเมื่อ ค.ศ.802 และมองเห็นร่องรอยของปราสาทนับสิบหลัง ลำคลอง ฝาย และถนนกว่า 20 แห่ง ที่ไม่เคยมีการจดบันทึกมาก่อน ในรายงานยังระบุว่า ปรากฏลักษณะการใช้ที่ดินในพื้นที่นี้อย่างหนาแน่น และขยายพื้นที่เมืองและการทำเกษตรออกไปทั้ง 2 ด้าน เหนือกว่าที่ประเมินไว้จากภูมิภาคอังกอร์ในปัจจุบัน การค้นพบครั้งนี้คาดว่า ในยุคศตวรรษที่ 12 บริเวณดังกล่าวมีประชากรอยู่มหาศาล โดยอาศัยสินค้าเกษตรที่นำเข้ามาจากชนบท จึงเป็นไปได้ว่าการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและใช้ระบบจัดการน้ำขนาดใหญ่อาจทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดภัยแล้ง จนอารยธรรมค่อยๆ เสื่อมสลายลงในที่สุด ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด |