หัวข้อ: สิ่งสูงสุดต้องเป็นองค์เดียวกัน ไม่งั้นเงื่อนไขให้พึ่งสิ่งสูงสุดเป็นไปไม่ได้ เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 07 ตุลาคม 2553 22:53:55 ทุกศาสนาสอนให้พึ่งสิ่งสูงสุดในศาสนานั้นทั้งนั้น
[1] ศาสนาอิสลาม : คนใดที่ละทิ้งความศรัทธา คนนั้นจะพินาศและจะอยู่นรกอย่างนิรันดร (ซุเหราะฮฺ อัลอิมรอน 90) ศาสนาคริสต์ : ในผู้อื่น ความรอดไม่มีเลย ด้วยนามอื่นซึ่งเขาทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า" (กิจการ4:12) สมาคมพระคริสตธรรมไทย พระคริสตธรรมคัมภีร์ พันธสัญญาเดิมและพันธ สัญญาใหม่ หน้า ๒๖๐ คนใดที่ละทิ้งความศรัทธา คนนั้นจะพินาศและจะอยู่นรกอย่างนิรันดร (ซุเหราะฮฺ อัลอิมรอน 90) ศรัทธา คือ ความเชื่อในเอกะของอัลลอฮฺ เขาเรียนมาตั้งแต่เด็กว่า ไม่มีพระอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ = ก็คือเขาจะเข้าไปอยู่ในสวรรค์นิรันดรของอัลลอฮฺได้อย่างไร ถ้าเขาไม่เชื่อและศรัทธาในอัลลอฮฺ ว่าเป็นพระเจ้า [2] ศาสนาพุทธมหายานก็สอนให้พึ่งบารมีพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง เพื่อนำไปอยู่พุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าองค์นั้น เพื่อฝึกละกิเลสตัณหา ความโลภ โกรธ หลงที่นั่น เช่น พึ่งพระอมิตา เพื่อนำไปแดนสุขาวดี ฝึกวิชาที่นั่น ค่อยๆละกิเลสจนสามารถเข้านิพพานได้ เนื่องจากมนุษย์จะพึ่งตัวเองเพื่อเข้านิพพานเป็นไปได้น้อยมาก เราจึงต้องพึ่งพระพุทธเจ้า แดนพระนิพพาน = สวรรค์นิรันดรในศาสนาคริสต์และอิสลาม อนึ่ง สวรรค์ 6 ชั้นที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นสวรรค์ในกามภูมิ และเป็นสวรรค์ชั่วคราวเท่านั้น ที่ๆไม่เป็นทุกข์ อยู่ได้ชั่วนิรันดร มีที่เดียว คือ แดนพระนิพพาน [3] ศาสนาพุทธเถรวาท พระพุทธองค์ก็สอนให้พึ่งพระรัตนตรัยและพระพุทธเจ้าเอาไว้ก่อน จะไม่ตกนรก ขึ้นสวรรค์อย่างเดียว แล้วก็ค่อยๆฝึกวิชาละกิเลสต่อไปเรื่อยในโลกต่อไป "ผู้ถือเอาพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยอุดมคุณอย่างนี้นั้น ชื่อว่าพ้นจากอบาย ทั้งยังจะได้เกิดในเทวโลก" "ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งได้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะแล้ว จักไม่เข้าสู่อบายภูมิ ครั้นละจากอัตภาพของมนุษย์แล้ว ย่อมยังกายของเทพให้บริบูรณ์" "ผู้ถึงพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยคุณอันอุดมอย่างนี้ ชื่อว่าจะเป็นผู้บังเกิดในนรกเป็นต้นย่อมไม่มี อนึ่งพ้นจากการบังเกิดในอบายแล้ว ยังจะเกิดขึ้นในเทวโลกได้เสวยมหาสมบัติ" [4] ศาสนาคริสต์ : ในผู้อื่น ความรอดไม่มีเลย ด้วยนามอื่นซึ่งเขาทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า นอกจากนี้ พระเยซูตรัสว่า “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก” ประตูใหญ่ = สังสารวัฏฏ์ ซึ่งน้อยคนมากที่จะเข้าไปในแดนพระนิพพาน หรือสวรรค์นิรันดร โดยผ่านการช่วยเหลือตนเอง(จนเป็นพระอรหันต์) จึงต้องพึ่งพาพระพุทธเจ้า เช่น พระอมิตาภพุทธเจ้า หรือไม่ก็พึ่งพระกรุณาของพระ(พุทธ)เจ้า - พระโพธิสัตว์อรหันต์(พระบุตรของพระเจ้า) ในศาสนาคริสต์ พระเยซูคือ ทางรอด นั้น ก็อย่างที่บอก การเข้าไปสู่นิพพานหรือสวรรค์นิรันดรของพระเจ้า คนทั่วไปทำไม่ได้ เพราะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ เป็นพระอรหันต์เท่านั้น จึงจะเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องพึ่งบารมีพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์โพธิสัตว์ เข้าไปอยู่ในพุทธเกษตรของพวกท่านก่อน แล้วค่อยๆฝึกจิตที่นั่นจะสามารถละกิเลสตัณหา ละความโลภ โกรธ หลงให้หมด ทำได้สำเร็จเมื่อไร ก็เข้าไปในแดนนิพพานหรือสวรรค์นิรันดรของพระเจ้า ซึ่งอยู่บนสุดของพุทธเกษตรนั้น ในกรณีของพระเยซู ก็คือเข้าไปอยู่ในสรวงสวรรค์ของพระคริสต์ (คือ พุทธเกษตร)ไว้ก่อน ไปค่อยๆฝึกละกิเลสเพื่อเข้าสู่ความบริสุทธิ์ที่นั่น เพราะประตูเล็กของพระเยซูเป็นประตูที่ปลอดภัย = เราต้องพึ่งพระเจ้าเพื่อนำเราเข้าสู่สวรรค์นิรันดร สรุป เห็นหรือยังครับ ทุกศาสนาสอนให้พึ่งพาสิ่งสูงสุดโดยให้ศรัทธาแล้วเชื่อในสิ่งนั้นทั้งสิ้น ถ้าคุณอยู่ในศาสนาพุทธเถรวาท แต่ไม่รู้หลักการพ้นนรกง่ายๆแบบที่ผมบอก คุณก็มีโอกาสสูงมากที่จะตกนรกหรือไปอบายภูมิ เพราะโลกมนุษย์ที่ไม่ต้องพึ่งพระคุณของพระเจ้า(พระพุทธเจ้า)เป็นประตูใหญ่ที่เสี่ยงมากในการตกนรก ศาสนาคริสต์ : ในผู้อื่น ความรอดไม่มีเลย ด้วยนามอื่นซึ่งเขาทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า = ในโลกมนุษย์ ถ้าคุณต้องการรอด ต้องพึ่งบารมีพระเจ้าเท่านั้น ถ้าพระเจ้าในศาสนาต่างๆไม่ใช่องค์เดียวกัน คำสอนในศาสนาพุทธและอิสลามก็ต้องผิดล้านเปอร์เซ็นต์ คำสอนในศาสนาพุทธและอิสลามจะถูกได้เป็นได้ในกรณีเดียวเท่านั้น คือ อัลลอฮฺ ต้องเป็น พระยะโฮวา พระยะโฮวา ต้องเป็น พระพุทธเจ้า นอกจากนี้ พระเยซูต้องเป็นพระโพธิสัตว์อรหันต์หรือพุทธบุตร และสวรรค์ของพระคริสต์ ต้องเป็นพุทธเกษตรด้วย เพราะพระพุทธเจ้าตรัสในปริเฉทที่ ๑ พระพุทธเกษตรวรรค พระสูตรวิมลเกียรตินิรเทศสูตร ว่า: .....พระโพธิสัตว์ย่อมบำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์โปรดสรรพสัตว์ จึงอาจสามารถให้สำเร็จซึ่งพุทธเกษตรได้ อุปมาดังบุคคลผู้ปรารถนาจักสร้างปราสาทในแผ่นดินที่ว่าง เขาย่อมยังกิจที่ปรารถนาให้สำเร็จได้ แต่ถ้าเขาไม่อาศัยแผ่นดินกลับไปอาศัยอากาศเพื่อนสร้างปราสาทไซร้ ย่อมไม่มีหนทางสำเร็จฉันใดพระโพธิสัตว์ก็มีอุปไมยฉันนั้น กล่าวคือ ในการยังพระพุทธเกษตรให้สำเร็จบริบูรณ์ ก็เพื่อประโยชน์แห่งสรรพสัตว์นั้นเอง ++++ มีแต่พระพุทธเจ้าหรือ พระโพธิสัตว์เท่านั้นที่สามารถทำให้พุทธเกษตรสำเร็จบริบูรณ์ได้ ด้วยเหตุนี้ สรวงสวรรค์ของพระคริสต์ก็คือ พุทธเกษตรของพระเยซูคริสต์นั่นเอง สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์แห้งสรรสสัตว์(วิญญาณ) ไว้ผมจะนำคำสอนในคริสตศาสนามายัน สิ่งนี้ชาวคริสต์ทุกคน ย่อมไม่อาจตีความได้ เพราะมีใจแบ่งแยกศาสนา ซึ่งผมไม่มีสิ่งนี้ และมีจิตบริสุทธิ์จึงตีความออก ++++ อีกอย่าง...ถ้าพระเจ้าหรือสิ่งสูงสุดในศาสนาต่างๆไม่ใช่สิ่งเดียวกัน คนคริสต์ที่เปลี่ยนศาสนาเป็นพุทธ คนอิสลามเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์ ฯลฯ เขาก็จะนำสิ่งสูงสุดในศาสนาใหม่ มาตีกันกับสิ่งสูงสุดในศาสนาเก่า แล้วพระเจ้าในศาสนาเก่าของเขา จะจับเขาไปลงนรกก็ไม่ได้ เพราะเขาได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้าในศาสนาใหม่ หรือไม่พระเจ้าในทุกศาสนาก็ต้องทิ้งเขา เพราะไม่อยากต่อสู้กับพระเจ้าองค์อื่น หัวข้อ: Re: สิ่งสูงสุดต้องเป็นองค์เดียวกัน ไม่งั้นเงื่อนไขให้พึ่งสิ่งสูงสุดเป็นไปไม่ได้ เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 08 ตุลาคม 2553 16:50:16 อ.หยางครับ
คุณนี่จะแสดงความโง่ในทุกเว็บเลยหรือครับ 1. การบรรลุธรรมมันมีเป็นลำดับชั้น 2. เมื่อเราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายใยการล้มล้างศาสนาใด เราจึงต้องนำหลักฐานในคัมภีร์ของเขามาแสดง ซึ่งมันกินเวลาค่อนข้างมาก จึงต้องเอาไว้คราวหลัง 3. ถูกแล้วครับ...ผู้บรรลุแล้วก็ต้องรู้จริง แต่ผ่านมาแม้ว่าไม่มีใครค้านผมได้เลยสักกระทู้เดียว แต่ทำไมผมถึงโดนไล่ออกจากเว็บเกือบ 10 เว็บ แม้แต่ในเว็บนี้ ก็หาผู้คัดค้านผมโดยเหตุผลไม่ได้แม้แต่คนเดียว แต่ทำไมเขาไม่ยอมรับสิ่งที่ผมสอนและชี้แนะล่ะ ตอบ เป็นเพราะว่า ทุกคนที่จิตไม่บริสุทธิ์ ล้วนมีมารอยู่ในใจ มารมันเอาความอิจฉาริษยา ความอยากอวดเก่ง ทิฏฐิมานะ ฯลฯ ของเขา มาปิดบังไม่ให้เขารับรู้ความลับของฟ้นที่ผมเปิดเผยต่อเขา หัวข้อ: Re: สิ่งสูงสุดต้องเป็นองค์เดียวกัน ไม่งั้นเงื่อนไขให้พึ่งสิ่งสูงสุดเป็นไปไม่ได้ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 10 ตุลาคม 2553 01:25:50 เวบนี้อาจเป็นเวบที่ 11 ที่ขับคุณก็ได้ในวันนึง
วันใดวันหนึ่งข้างหน้า ผมอาจยอมโดนคนอย่างคุณสักคนมาต่อว่าว่าเป็นมาร ดีกว่าให้คนทั้งโลกมาบอกว่าผมเป็นมารที่ปล่อยให้คุณยังวนเวียนในนี้ ให้ตายสิ แต่ผมรำคาญจริง ๆ |