หัวข้อ: สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 08 ตุลาคม 2553 10:36:48 (http://lh5.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TK26rMTz9EI/AAAAAAAABN4/sV1flth_blc/PA07000-4.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/20.wma (http://uyfz9q.bay.livefilestore.com/y1puwwLyY1hQGevKbPEFyCjgBoQn3NSNeo-y8gjotl_lxJ--glH5i3PgMx-t56j5hxrXEdhp0j_jvxReSFv7ti_moNX3z_jaCAr/hyooneunhye.gif?psid=1) คุณอดิศักดิ์ สำหรับเรื่องที่ปรากฏทางตา น่าเห็นใจคนที่ยังไม่ได้ระลึก เพราะว่า สำหรับตัวผมเองที่ได้ปฏิบัติมา กว่าจะระลึกได้ก็นานแสนนาน และเป็นเรื่องอนัตตา จริง ๆ สำหรับท่านผู้ถามเมื่อกี้นี้ก็เคยสนทนาธรรมกัน ผมก็พยายามอธิบายเวลา ระลึกนี่เป็น อนัตตาจริง ๆ ระลึกโดยเราไม่รู้เลย มันเกิดมาโดยที่มีชีวิตก่อน ๆ หน้านั้น 20 - 30 ปี ก่อนที่เรายังไม่ได้ศึกษาธรรม นั้นก็ไม่เคยระลึกฟัง(อาจารย์)มาก็เยอะแยะแต่ กลับไประลึกที่ต่างประเทศคราวนี้เองเมื่อวานพึ่งมาบอกพึ่งระลึกสี่งที่ปรากฏทางตา บอกว่าไประลึกที่ลอนดอน ท่านอาจารย์ นี่ก็เป็นตัวอย่างทีแสดงให้เห็นว่า แม้จะได้ฟังเรื่องของ ตา - หู - กาย ใจ{สติ}ควรที่จะได้เกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ที่ไหนก็ได้ขณะไหนก็ได้ระลึกรู้ลักษณะของ รูปธรรมหรือนามธรรมอะไรก็ได้แต่ก็ไม่มีใครบังคับได้แม้แต่ท่านที่ได้ฟังแล้วที่ กรุงเทพ ฯ นานน่ะค่ะ ทางตา{สติ}ไม่เคยเกิดแต่พอไปถึงที่ประเทศอังกฤษระลึก ทางตาแสดงให้เห็นว่า สภาพธรรมทั้งหลายเป็น{อนัตตา}จริง ๆ ไม่ต้องกะเกณฑ์ หรือคอยว่าใหัระลึกที่มุมนั้น มุมนี้ที่เงียบ ๆ หรือที่พลุกพล่านหรือว่าที่ไหนเลย แล้วแต่สติ ฯ แล้วสำหรับท่านผู้นั้นท่านก็บอกว่าไม่นานเลยก็เป็นความจริงข้อสำคัญ เวลาที่{สติ}เกิดระลึกที่สภาพธรรมที่กำลังปรากฏแล้วดับไปให้ทราบว่าไม่ใช่มีปัจจัย บ่อย ๆ ที่จะให้เกิดระลึกอย่างนั้นจะมีปัจจัยบ่อย ๆ หรือไม่มีปัจจัยบ่อย ๆ ก็ตามอย่าลืม ความจริงที่ว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็น{อนัตตา}แล้วอย่าให้ความอยาก ความปราถนา ความต้องการเกิดขึ้นที่จะให้{สติ}เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกเพราะว่าบางท่านคอยสังเกต ถ้า ่เป็นในขณะอย่างนั้นเผื่อว่าจะเกิดอีกก็พยายามที่จะให้อยู่ในสี่งแวดล้อมอย่างนั้น แต่นั่นเป็นลักษณะของความหวังเป็นลักษณะของโลภะที่แทรกเข้ามาเพื่อที่จะไม่ให้ รู้ว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็น{อนัตตา} พราะฉะนั้น.......ผู้ที่จะรู้ว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาจริง ๆ ต้องเป็นผู้ที่อดทน จริง ๆ อดทนแม้ว่าสติเจะกิดขึ้นครั้งหนึ่ง แล้วหายไปนานหรือว่าน้อยครั้งเสียเหลือ เกินแต่ก็ต้องรู้ว่า{สติ}เป็น{อนัตตา}วันหนึ่งวันใด{สติ}อาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้แต่เป็นผู้ที ขวนขวายที่จะหาปัจจัยที่จะปรุงแต่งให้{สติ}เกิดการฟังพระธรรมเป็นสี่งที่จำเป็น ตลอดชีวิตไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียวเพราะว่าบางท่านอาจจะถามว่าจะต้องฟังนาน สักเท่าไรคำตอบก็คือตลอดชีวิตค่ะและไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียวด้วยกี่กัปป์ก็ตามแต่ ที่มีโอกาสทีจะได้ฟังเพราะว่่าไม่่มีใครรู้ว่าชาติไหนจะได้ฟังเพราะว่ากุศลกรรมมที่ไม่ ประกอบด้วยปัญญามีเมื่อกุศลกรรรมนั้นให้ผลหลังจากสี้นชีวิตจากโลกนี้แล้วปฏิสนธิ จิตไม่ประกอบด้วยปัญญาเจตสิกเพราะว่าเป็นผลของกุศล ที่ไม่ได้ประกอบด้วยปัญญา เพราะฉะนั้น ก็ยากที่จะเป็นผู้ที่สนใจในพระธรรม หรือว่าเป็นผู้ที่สามารถจะเจริญงอกงาม ในพระธรรมจนกระทั่งถึงรู้แจ้งในอริยสัจจธรรมได้ เพราะฉะนั้น...............กุศลใดที่เป็นกุศลที่เกี่ยวกับการอบรมเจริญปัญญา เมื่อมีโอกาสทีจะเจริญได้ก็ควรที่จะเจริญให้มากที่สุด เพราะว่าชาติต่อไปก็ไม่แน่ว่าเป็นผลของกรรมใด.............................. มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา สำนักงานเลขที่ 174/1 ซอย เจริญนคร 78 ดาวคะนอง ธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 โทร 02 - 4680239 ข้อความบางตอนการสนทนาธรรม ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะวิทยากร มูลนิธิบ้านธรรมะ |