[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2557 09:38:24



หัวข้อ: ประเพณีการโกนผมไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2557 09:38:24
.

(http://www.bloggang.com/data/airyka/picture/1314283317.jpg)
ภาพจาก : www.bloggang.com (http://www.bloggang.com)

การโกนผมไฟ

การโกนผมไฟเป็นพิธีโบราณ ไม่ใช่โกนง่ายๆ เหมือนนายเบ๊กแฮม บาร์เตซฯลฯ ดังนั้นต้องเปิดตำรามาตอบกันหน่อย

ในหนังสือ การเกิด ของเสฐียรโกเศศ ระบุว่า การโกนผมไฟและทำขวัญเป็นพิธีออกหน้าออกตา บางทีมีการตั้งชื่อเด็กในตอนนี้ เป็นเรื่องรับรองเด็กที่เกิดใหม่ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกของสกุล โดยมากเป็นเรื่องของชาวกรุงผู้มีฐานะมั่งคั่งทำกัน

การโกนผมไฟทำเมื่อเด็กอายุได้ครบเดือนกับ ๑ วัน ที่แถมมาอีก ๑ วันก็เพื่อให้ชัวร์ว่าครบเดือนโดยบริบูรณ์ ช่วงเวลานี้บ่งบอกว่าล่วงพ้นอันตรายจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ส่วนรายละเอียดในพิธีก็แตกต่างกันไปตามฐานะ แต่โดยสรุปแล้ว การโกนผมไฟนั้น ต้องทำบัตรพลีสังเวยพระภูมิเจ้าที่ตามธรรมเนียม

เวลาโกนจะเหลือที่ขม่อมไว้หย่อมหนึ่ง ว่ากันว่าเพราะขม่อมยังบางอยู่ ส่วนผมที่โกนแล้วบรรจุในกระทง มีใบบัวใบบอนรองก้น บางทีมีดอกไม้ปนด้วย อย่างดีก็วางลงบนพานอีกที แล้วนำไปลอยน้ำ ผู้เอาไปลอยต้องว่า ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขเหมือนแม่พระคงคา

สำหรับรายละเอียดช่วงนาทีโกนมีอยู่ว่า เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เวลาเย็นเสร็จแล้ว รุ่งขึ้นเอาขันใบใหญ่ใส่น้ำพระพุทธมนต์มาจัดตั้งไว้ในพิธีมงคล จัดให้เด็กผินหน้าไปสู่ทิศตามที่โหรกำหนดไว้  พอได้ฤกษ์จึงเชิญผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นประธานในพิธีหลั่งน้ำมนต์ด้วยสังข์ลงที่ศีรษะเด็ก แล้วลงมือตัดผมด้วยกรรไกร ขณะนั้นพระสงฆ์สวดชยันโต ถ้ามีพราหมณ์ก็เป่าสังข์ไกลบัณเฑาะว์ โหรก็บูชาฤกษ์ ปี่พาทย์ก็บรรเลงเพลงอวยชัยให้พร เมื่อเสร็จพิธีมอบให้เด็กผู้อื่นโกนผมไฟต่อไป

สำหรับผมที่เหลือไว้กลางขม่อม ก็จะปล่อยให้ยาว เพื่อไว้จุก แล้วค่อยทำพิธีโกนจุกอีกครั้งหนึ่งเมื่อเด็กโตจะเป็นหนุ่มเป็นสาว ตามความเชื่อของชาวมลายู การเหลือผมไว้หย่อมหนึ่งนี้ เพื่อเป็นที่พักของขวัญ ถ้าไม่มีผมเหลือ ขวัญจะไม่อยู่และหนีไปที่อื่น จะทำให้เด็กไม่สบายอาจถึงตายได้

พอเสร็จพิธีโกนผมไฟแล้ว จะมีพิธีเอาเด็กลงอู่สู่เปล พิธีนี้แปลกดีมีแมวมาร่วมด้วย เลยขอเล่าต่อหน่อย

พิธีลงอู่นี้จะต้องเตรียมฟักเขียวหน่วยหนึ่ง ล้างให้สะอาดแล้วทาแป้งให้ขาว มีหินบดยาและลูกหินสำรับหนึ่ง และแมวคราวตัวหนึ่ง ต้องแต่งแมวให้สะอาดเสียก่อน นอกจากนี้ยังมีถุงผ้าเล็กๆ บรรจุข้าวเปลือก ถั่วเขียว งา เมล็ดฝ้าย อย่างละถุง จากนั้นวางไว้ในเปล ถ้าเด็กที่จะลงเปลเป็นชายให้มีสมุดดินสอ ถ้าเป็นหญิงให้มีด้ายเข็ม วางในเปลด้วย นอกจากนี้จะมีบายศรีปากชามและเวียนเทียนอีกก็ได้ บางแห่งก็มีบัตรพลีสังเวยเปลด้วย พอเอาของที่กล่าวลงเปลเสร็จ ก็เริ่มไกวทันที ๓ หน ถ้าไม่รีบไกว แมวจะโดดออกมาซะก่อน

 
เมื่อไกวเสร็จ ให้เอาแมวออกจากเปล แล้วอุ้มเด็กลงเปล ไกวอีก ๓ หน ถ้าตั้งชื่อเด็กแล้วให้เขียนชื่อลงวางลงในเปลด้วย  สิ่งที่วางลงในเปลนั้น เป็นเคล็ดหมายถึงความเจริญงอกงาม ที่มีคำให้พรติดปากว่า "ให้เย็นเหมือนฟักหนักเหมือนแฟง ให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราว"
 เรื่องก็มีด้วยประการฉะนี้......นสพ.ข่าวสด

(http://www.forexorder.com/wp-content/uploads/2013/02/imagesCAH72052.jpg)
ภาพจาก : www.forexorder.com (http://www.forexorder.com)