หัวข้อ: การกินยาหอม (ยาลม) ให้มีประสิทธิภาพแก่ร่างกายสูงสุด เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 11:09:32 .
(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSESB8QXoPX3AjY5ShhHL0nLwvOC-tbwOTM-vgM2PxpUn1SfCqg5w) จากอรรถาธิบายของ รศ.รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่า ยาหอมสำหรับคนทั่วไปก็เข้าใจเพียงว่าเป็นยาคนแก่ ใช้แก้ลมวิงเวียนเท่านั้น แต่ผู้ที่ศึกษาองค์ความรู้การแพทย์แผนไทยทราบดีว่า ยาหอมในคัมภีร์แพทย์แผนไทยมีจำนวนมากกว่า ๓๐๐ ตำรับ ใช้ในโรคต่างๆ มากมาย แพทย์แผนไทยสมัยโบราณจะมียาหอมไว้ในล่วมยาสำหรับรักษาโรคยามฉุกเฉิน แล้วค่อยจ่ายยาต้มตามมาภายหลัง ถือได้ว่าเป็นยาสำคัญทีเดียวในการแพทย์แผนไทย ความสำคัญของยาหอมค่อยเลือนหายไปจากสังคมไทย เนื่องจากการใช้ส่วนใหญ่คงอยู่เฉพาะในกลุ่มแพทย์แผนไทย ซึ่งมีคนไข้มารับการรักษาน้อย และคนไข้ที่เป็นโรคง่ายๆ ก็เลือกใช้แต่ยาแผนปัจจุบันที่หาซื้อง่าย ทั้งประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในการเลือกใช้ยาไทยด้วยตนเองเหมือนคนสมัยก่อน คนที่มีความรู้บ้างก็หาซื้อยาได้ยาก ด้วยยอดขายที่น้อย ทำให้บริษัทผู้ผลิตยาไทยทยอยปิดตัวลง ไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่ผลิตยาหอมซึ่งนับว่าคงอยู่ได้นานกว่ายาประเภทอื่น (https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ-huUOnf-T3Gr1HhjKU0UKkEuKQg537VtIWkoaOT5eXAAt1UVvvA) เมื่อมีการฟื้นฟูการแพทย์แผนไทย รวมถึงการรณรงค์ให้ใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้มีประกาศบัญชียาแผนโบราณสามัญประจำบ้าน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๒ ด้วยจุดมุ่งหมายที่ให้ประชาชนได้มียาสมุนไพรที่ดี ปลอดภัยไว้ใช้ในบ้าน โดยยาประเภทนี้สามารถวางขายในที่ใดก็ได้ ไม่ต้องเป็นสถานที่ที่ได้รับอนุญาตขายยา หรือสถานการแพทย์ ด้วยต้องการให้มีการกระจายยาอย่างทั่วถึง ประชาชนเข้าถึงยาสมุนไพรได้ ในประกาศนั้นมียาตำรับแผนโบราณ ๒๗ ตำรับ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีประสิทธิภาพดีและใช้กันมายาวนาน ในจำนวนนั้นมียาหอมอยู่ถึง ๔ ชนิด คือ ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโอสถ ยาหอมอินทจักร และยาหอมนวโกฐ ทั้ง ๔ ชนิดมีข้อบ่งใช้ดังนี้ ยาหอมเทพจิตร ใช้แก้ลม บำรุงหัวใจ โดยผสมน้ำดอกไม้เทศ, ยาหอมทิพโอสถ แก้ลมวิงเวียน แก้ลมบาดทะจิต ใช้น้ำดอกมะลิเป็นน้ำกระสายยา, ยาหอมอินทจักร แก้คลื่นเหียนอาเจียน โดยใช้น้ำลูกผักชี หรือเทียนดำต้ม หรือน้ำสุก แก้ลมจุกเสียด ใช้น้ำขิงต้ม และยาหอมนวโกฐ แก้ลมคลื่นเหียน อาเจียน ใช้น้ำลูกผักชี เทียนดำต้ม แก้ลมปลายไข้ ใช้ก้านสะเดา ลูกกระดอม และบอระเพ็ด ต้มเอาน้ำ ถ้าหาน้ำกระสายไม่ได้ ให้ใช้น้ำสุกแทน การใช้ยาหอมให้ได้ผล แม้จะเป็นชนิดเม็ด ควรนำมาละลายน้ำกระสายยา หรือน้ำอุ่น รับประทานขณะกำลังอุ่น เหมือนกับวิธีการเดิม เพราะการออกฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยที่มีในยาหอมจะช่วยทำให้ยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น และออกฤทธิ์ผ่านประสาทรับกลิ่น และการดูดซึมผ่านกระเพาะอาหาร (https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSpIAyzxXPMStgzvS1UKBfczPpZNz58lH3DJ_VaxcnU7p_vyCEW) อย่างไรก็ตาม ยาหอมไม่ใช่ยารักษาอาการโดยตรง แต่เป็นยาปรับสมดุลธาตุ โดยเริ่มจากธาตุลม เพื่อไปกระตุ้นการทำงานของน้ำและไฟ ทำให้มีการไหลเวียนสะดวก เผาผลาญตามปกติ ซึ่งเป็นหลักวิธีคิดแบบองค์รวม ดังนั้น การใช้ยาหอมจะไม่ได้ให้ผลดีแบบปุบปับเหมือนยาเคมีสังเคราะห์ แต่จะทำให้สมดุลที่เบี่ยงหรือเอนไป ค่อยๆ ปรับกลับสู่สภาพเดิม ขนาดที่ใช้ควรใช้ตามคำแนะนำ การกินเกินขนาดที่แนะนำไม่ทำให้เกิดอาการพิษทันที แต่จะผลักดันให้การทำงานของธาตุเปลี่ยนไปเร็ว และทำให้สมดุลอาจขาดหรือเกินไปอีกทางได้ จึงควรเดินทางสายกลาง เริ่มใช้ยาตั้งแต่มีอาการน้อยๆ ค่อยเป็นค่อยไปจึงจะดี การเลือกใช้ยาหอมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรเลือกชนิดของยาหอมและน้ำกระสายยาให้ถูกกับอาการ ขนาดที่ใช้ใกล้เคียงกับน้ำหนักตัว หากไม่สามารถซื้อหรือเก็บยาหอมหลายชนิดไว้ในตู้ยาประจำบ้าน ให้เลือกยาหอมประเภทกลางๆ เช่น ยาหอมอินทจักร ใช้ร่วมกับน้ำกระสายยาตามที่ระบุ หนังสือพิมพ์รายวันข่าวสด |