หัวข้อ: ชาติที่๙ วิธูรบัณฑิต{จุติ}สังสารวัฏฏ์ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 21 ตุลาคม 2553 13:06:17 (http://uyfz9q.bay.livefilestore.com/y1puwwLyY1hQGevKbPEFyCjgBoQn3NSNeo-y8gjotl_lxJ--glH5i3PgMx-t56j5hxrXEdhp0j_jvxReSFv7ti_moNX3z_jaCAr/hyooneunhye.gif?psid=1) (http://lh5.ggpht.com/_Sjz6qpNqFUs/TL_ftyPGc2I/AAAAAAAAACo/bzXRHgBf-wQ/PA16011-1.jpg) ภาพจากงานเทศกาลงดเว้นการกินเนื้อสัตว์ประจำปี 2553 ถ้าสนใจจะ POST ให้ดูน๊า ถ้าไม่สนใจก็ไม่ POST น๊า http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma My Blog......................http://red-jeeeun.blogspot.com/2010/10/blog-post_20.html (http://red-jeeeun.blogspot.com/2010/10/blog-post_20.html) My Blog......................http://red-jeeeun.blogspot.com/ (http://red-jeeeun.blogspot.com/) ก่อนอื่นควรทราบว่า{จิต}เกิดดับสืบต่อกัน เป็นปัจจัยแก่กันในชาติปัจจุบันนี้จิตขณะ แรกเกิดขึ้นดับไปเป็นปัจจัยแก่จิตขณะต่อมาสืบต่อมาเรี่อย ๆ จิตขณะนี้ดับไปเป็น ปัจจัยแก่จิตขณะต่อไปสืบต่อไปจนถึง{จุติจิต}จุติจิตเป็นปัจจัยแก่ปฏิสนธิจิตในชาติ ต่อไปสืบต่อเนื่องไป เรียกว่า{สังสารวัฏฏ์}อกุศลกรรม และกุศลกรรมที่เรากระทำในชาติ ก่อน ๆ หรือชาตินี้ ย่อมสะสมสืบต่อไปแม้ว่าจะเป็นบุคคลใหม่ในชาติใหม่แล้วก็ตามวิบาก ย่อมเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นตามสมควรแก่เหตุ กรรมไม่ได้หายไปไหน แม้ผู้ทำกรรมลืมไป แล้วแต่กรรมย่อมไม่ลืมที่จะให้ผล .................................ชาติที่๙ วิธูรบัณฑิต.......................... ในอดีตกาลนานมาแล้ว ยังมีเศรษฐีหนุ่ม ๔ คน ซึ่งเป็นสหายสนิทกัน ครั้งหนึ่งสหายทั้ง ๔ ได้พบเห็นดาบส ๔ องค์ที่ออกจากป่าหิมพานด์มาจำพรรษาในเมื่องระหว่างฤดูฝน ก็ให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใส จึงนิมนต์ดาบสแต่ละองค์ไปพักอยู่ในเคหสถานของตนเศรษฐีหนุ่มแต่ละคนต่างก็ปรนนิบัติบำรุงดาบสองค์ที่ตนนิมนต์อย่างดีด้วยอาสนะและอาหารต่าง ๆ ซึ่งดาบสทั้ง ๔ จะมายังเคหสถานของเศรษฐีเฉพาะในตอนเย็นเท่านั้น แต่ตอนกลางวันต่างก็แยกย้ายกันไปพักยังที่อื่นดังนี้ ดาบสท่านหนึ่ง ไปพัก ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดาบสท่านหนึ่ง ไปพัก ณ เมืองบาดาล ดาบสท่านหนึ่ง ไปพัก ณ วิมานพญาครุฑ ดาบสท่านหนึ่ง ไปพัก ณ อุทยานของพระเจ้าธนญชัยโกรพ ดาบสทั้ง ๔ ต่างก็ได้พรรณนาถึงสมบัติของพระจันทร์ในดาวดึงส์ของพญานาคในบาดาล ของพญาครุฑและพระราชาให้เศรษฐีแต่ละคนได้ฟังว่า สมบัติเหล่านั้นมีความวิเศษอย่างไรบ้าง เมื่อฟังแล้วเศรษฐีหนุ่มทั้ง ๔ สหายต่างก็เกิดความชื่นชมอยากได้ครองสมบัติวิเศษเยี่ยงนั้นบ้างต่างจึงเพียรทำบุญบริจาคทาน และประพฤติมั่นอยู่ในความดีตราบจนสิ้นอายุขัย เศรษฐีคนหนึ่ง จึงได้ไปจุติเป็นพระอินทร์ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เศรษฐีคนหนึ่ง จึงได้ไปจุติเป็นพญานาค ณ เมืองบาดาล เศรษฐีคนหนึ่ง จึงได้ไปจุติเป็นพญาครุฑ ณ วิมานฉิมพลี เศรษฐีคนหนึ่ง จึงได้ไปจุติเป็นพระโอรสของพระราชา ผู้ที่ได้ไปจุติเป็นพระโอรสของพระเจ้าธนญชัยโกรพนั้นมีพระนามว่า พระโกรพกุมาร ครั้นพระราชบิดาเสด็จสวรรคตก็ได้ขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อไป หัวข้อ: Re: ชาติที่๙ วิธูรบัณฑิต{จุติ}สังสารวัฏฏ์ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 21 ตุลาคม 2553 13:11:25 (http://lh5.ggpht.com/_Sjz6qpNqFUs/TL_ftyPGc2I/AAAAAAAAACo/bzXRHgBf-wQ/PA16011-1.jpg) ในราชสำนักนั้นมีอำมาตย์ราชบัณฑิตท่านหนึ่งนามว่า วิธูรบัณฑิต ซึ่งเป็นผู้ที่พระราชาโกรพให้ความเคารพนับถือ วิธูรบัณฑิตได้ถวายคำแนะนำให้พระราชาโกรพตั้งอยู่ในทศพิธ - ราชธรรมและบำเพ็ญศีล ซึ่งพระราชาก็ทรงปฏิบัติตามนั้นเสมอมาพระเจ้าโกรพนั้นทรงโปรดการเล่นสกามาก ทรงสำราญพระทัยในการเล่นสกาเหนือสิ่งอื่นใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ชนะเสมอนั่น เองการที่คู่เล่นต้องพ่ายแพ้ทุกครั้งทุกคราว ที่แท้ก็เป็นเพราะมีเทพธิดาองค์หนึ่งคอยช่วยกลับลูกสกาที่ทอดให้ได้แต้มดีทุกครั้งไป เทพธิดาองค์นั้นเป็นเทพธิดาประจำพระองค์ มีหน้าที่คอยพิทักษ์และคุ้มครองพระราชาโกรพโดยที่พระองค์มิได้รู้ในข้อนี้ จึงคิดว่าตนนั้นมีพระปรีชาสามารถในสกาเหนือกว่าผู้ใด ทุก ๆ วันอุโบสถ พระราชาโกรพจะต้องออกจากพระราชวังไปรักษาศีล และสนทนาธรรมกับสหายในชาติเดิมทั้ง ๓ ซึ่งในทั้ง ๓ภพนี้ก็คือพระอินทร์ พญานาค และพญาครุฑนั่นเอง วันหนึ่งสหายทั้ง ๔ ได้สนทนาว่าการถือศีลของผู้ใดจะประเสริฐกว่ากัน พญานาคกล่าวว่าตนมีธรรมชาติอันดุร้าย แต่สามารถข่มกลั้นโทสะได้เมื่อมาถือศีล พญาครุฑกล่าวว่าตนต้องกินนาค แต่ก็สามารถอดกลั้นได้เมื่อมาถือศีล พระอินทร์กล่าวว่าตนต้องสละความสุขทั้งปวงบนดาวดึงส์มาถือศีล จึงน่าจะประเสริฐที่สุด พระราชาโกรพกล่าวว่าตนพิจารณาเห็นโทษของกามคุณ จึงออกมาถือศีล ด้วยปรารถนาจะให้มีการชี้ขาดว่าผู้ใดประเสริฐกว่า จึงให้วิธูรบัณฑิตมาพิจารณาตัดสินวิธูรบัณฑิตฟังความทั้งสิ้นแล้วก็ทูลว่า ศีลของท่านทั้ง ๔ ประเสริฐเสมอเหมือนกัน มิได้มียิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย พระสหายทั้ง ๔ ปลื้มปิตินัก จึงมอบของกำนัลบูชาราชบัณฑิตดังนี้.......................... หัวข้อ: Re: ชาติที่๙ วิธูรบัณฑิต{จุติ}สังสารวัฏฏ์ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 21 ตุลาคม 2553 13:14:46 (http://lh5.ggpht.com/_Sjz6qpNqFUs/TL_ftyPGc2I/AAAAAAAAACo/bzXRHgBf-wQ/PA16011-1.jpg) พระอินทร์บูชาด้วยผ้าวิเศษทุกูลพัสตร์ พญานาคบูชาด้วยแก้ววิเศษ พญาครุฑบูชาด้วยดอกไม้ทอง พระราชาบูชาด้วยโคนม ๑๐๐๐ ตัว ฝ่ายพญานาคนั้นเมื่อได้กลับไปยังเมืองบาดาล พระมเหสีวิมาลาเห็นแก้ววิเศษที่คล้องคอหายไปจึงไถ่ถาม ครั้นพอทราบความแล้วก็อยากฟังธรรมจากวิธูรบัณฑิตบ้าง แต่ท้าววิรุณนาคราชเห็นว่าคงมิสามารถนำตัววิธูบัณฑิตลงมายังเมืองบาดาลได้พระมเหสีจึงแสร้งทำเป็นป่วยจนทรุดหนัก พระราชธิดาอิรันทตีจึงอาสาไปนำ{หัวใจ}วิธูบัณฑิตมาถวายพระมารดา พระนางอิรันทตีขึ้นมายังเมืองมนุษย์ในรูปโฉมของสตรีผู้งดงามพลางขับร้อง พรรณนาถึงสมบัติวิเศษและความงามของตน ซึ่งจะมอบให้แก่ผู้ที่น่าเอา{หัวใจ}ของวิธูบัณฑิตมาให้ตนได้สำเร็จ ยักษ์ตนหนึ่งนามว่า{ปุณณกะ}เป็นผู้อาสากับพระราชธิดาแล้วปุณณกะก็ทำอุบายไปขอแข่งสกากับพระราชาโกรพ เดิมพันนั้นคือแก้ววิเศษกับม้าวิเศษ แลกกับราชสมบัติทั้งปวงเมื่อการเล่นสกาเริ่มขึ้น พระราชาโกรพก็ทอดลูกบาศก์ได้แต้มดีกว่าเสมอจนปุณณกะสงสัย จึงใช้ญาณวิเศษเล็งไปจึงเห็นว่ามีเทพธิดาคอยช่วยอยู่ยักษ์ปุณณกะจึงถลึงตาขู่ เทพธิดาตกใจกลัวจึงหนีออกไปจาก ณ ที่นั้นทันทีเมื่อสิ้นเทพธิดาคอยช่วย ในที่สุดยักษ์ปุณณกะก็ได้ชัยในการเดิมพัน ครั้งนี้ แต่ทว่าปุณณกะทูลต่อพระเจ้าโกรพว่า เขามิต้องการราชสมบัติทั้งปวงของพระองค์ เขาต้องการตัวของวิธูรบัณฑิตเท่านั้น พระราชาจึงว่า วิธูรเป็นราชบัณฑิตที่ตนนับถือ มิใช่เป็นสมบัติของพระองค์ที่จะยกให้แก่ผู้ใดได้ ปุณณกะจึงให้เชิญวิธูรมาตัดสินวิธูรบัณฑิตก็ตัดสินว่า ตนเองเป็นข้ารับใช้ของพระราชาเมื่อเป็นดังนั้น พระเจ้าโกรพจึงจำต้องยกวิธูรบัณฑิตให้กับปุณณวะที่ปลอมตัวเป็นมานพผู้หนึ่ง ไปตามประสงค์ โดยขอให้วิธูรแสดงธรรมอันไพเราะให้พระองค์ได้สดับฟังเป็นครั้งสุดท้าย ตลอดทางที่ปุณณกะได้ขี่ม้าเดินทางไปโดยได้ให้วิธูรบัณฑิตเกาะหางม้าและแกล้ง ขี่ม้าผาดโผนหวังให้วิธูรกระทบถูกภูเขาและต้นไม้เพื่อที่จะได้ตายไป และตนก็จะได้ควักหัวใจวิธูรไปให้พระนางอิรันทตีอย่างง่าย ดายแต่เมื่อเห็นวิธูรบัณฑิตยังรอดปลอดภัยดี ปุณณกะก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ร่ายเวทเรียกลมกรดมา แต่ทว่าลมกรดก็พัดแยกออกให้วิธูรผ่านไปได้โดยมิเป็นอันตรายแม้สักน้อย หัวข้อ: Re: ชาติที่๙ วิธูรบัณฑิต{จุติ}สังสารวัฏฏ์ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 21 ตุลาคม 2553 13:17:28 (http://lh5.ggpht.com/_Sjz6qpNqFUs/TL_ftyPGc2I/AAAAAAAAACo/bzXRHgBf-wQ/PA16011-1.jpg) มิว่าจะจำแลงแปลงร่างมาทำอันตรายใด ๆ ปุณณกะก็มิอาจสามารถทำร้ายวิธูรบัณฑิตได้ ด้วยเพราะอำนาจบารมีแห่งศีลแห่งสัตย์ปกป้องรักษาอยู่อย่างมั่นคง วิธูรบัณฑิตถามปุณณกะถึงเหตุที่พยายามเอาชีวิตของตน ปุณณกะจึงเล่าความทั้งหมดให้ฟังตามจริง วิธูรบัณฑิตจึงเข้าใจได้ว่า การที่พระมเหสีของพญานาคบอกว่าต้องการหัวใจของตนนั้นหมายถึง ต้องการฟังธรรมจากตน เพราะธรรมคือหัวใจของนักปราชญ์ราชบัณฑิต มิได้ต้องการฆ่าตนเพื่อเอาหัวใจ แต่อย่างใด วิธูรบัณฑิตจึงได้แสดงโอวาทแก่ปุณณกะจนกระทั่งปุณณกะสำนึกได้ว่าตนหลงผิด เพียงเพราะลุ่มหลงในมายาสตรี เมื่อซาบซึ้งในธรรมอันไพเราะแล้ว ปุณณกะจึงคิดเลิกเอาชีวิตวิธูรบัณฑิตอีกต่อไปเมื่อวิธูรบัณฑิตลงไปยังเมืองพญานาคก็ได้แสดงธรรมแก่ท้าว วิรุณนาคราชและพระมเหสีทั้งสองผู้เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลบังเกิดความซาบซึ้งในธรรมและเลื่อมใสใน ตัววิธูรบัณฑิตเป็นยิ่งนัก ก็ได้กล่าวยกย่องสรรเสริญและให้ปุณณกะนำตัววิธูบัณฑิตขึ้นไปส่งยังราชสำนัก และได้ประทานราชธิดาอิรันทตีแก่ปุณณกะด้วย พระราชโกรพปิติยินดีเป็นยิ่งนัก ทรงโปรดให้จัดงานฉลองรับขวัญวิธูรบัณฑิตนาน ๑ เดือนเต็ม พร้อมทั้งทรงบำเพ็ญกุศลบริจาคทานเป็นการใหญ่ด้วยระลึกได้ว่า การเล่นพนันอย่างลุ่มหลงของพระองค์แท้ๆ เทียวที่ทำให้ต้องสูญเสียราชบัณฑิตผู้เป็นดั่งแก้วแห่งบัลลังก์ไปอย่างน่าเสียดายธรรมนั้นได้ช่วยให้วิธูรบัณฑิตรอดพ้นจากความตาย และยังทำให้มีแต่ผู้ศรัทธาเลื่อมใสในทุกแห่งหน ..............จบชาติที่๙ วิธูรบัณฑิต{จุติ}สังสารวัฏฏ์............... |