หัวข้อ: 10 อาหารอันตราย ที่ไม่คาดคิด เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 22 ตุลาคม 2553 13:50:04 (http://img706.imageshack.us/img706/433/75991.jpg) อาหารที่คุณรับประทานในชีวิตประจำวัน บางทีคุณอาจไม่คิดว่า มันมีอันตรายร้ายแรงขนาดปลิดชีพคุณได้ เพราะสามารถหาซื้อทานได้ตามท้องตลาดทั่วไป วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จึงรวบรวมผลการศึกษาวิจัยจาก สถาบันกุมารเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับอาหารที่เป็นภัยต่อร่างกายมากที่สุด และอาจร้ายแรงถึงชีวิต จำนวน 10 ชนิด ดังต่อไปนี้... อันดับ 10 : "เห็ด" (http://img191.imageshack.us/img191/9194/378u.jpg) อาจเป็นที่น่ากังขา ว่าเห็ดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จริงหรือไม่ นอกจากทำให้เกิดอาการทางประสาท หรือประสาทหลอน แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ "ใช่" เห็ดสามารถปลิดชีพได้ เช่นเห็ดระโงกหิน (Death Cap) และ เห็ดไข่เป็ด (Destroying Angel) ที่มีพิษร้ายแรง แม้จะมีข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า เสียชีวิตเพราะทานเห็ด แต่ทุกวันนี้ยังคงมีคนนิยมเก็บเห็ดตามป่ามาปรุงอาหาร โดยไม่ทราบว่า มีพิษหรือไม่ ดังนั้นการเลี่ยง รับประทานเห็ดที่หน้าตาไม่คุ้นชิน หรือไม่รู้จักจึงปลอดภัยที่สุด อันดับ 9 : "กาแฟ" (http://img163.imageshack.us/img163/3288/274007.jpg) นอกเหนือจาก ความเป็นไปได้ของอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หรือใจสั่น ปัญหาด้านการนอนหลับ และปัญหาฟันเหลือง จากการดื่มกาแฟเป็นประจำสม่ำเสมอ กาแฟยังสร้างปัญหาต่อร่างกายได้ เมื่อความร้อนเกินมาตรฐาน โดยกาแฟสามารถกร่อนผิวหนังได้เป็นอย่างดี อาจดูเหมือนเรื่องตลก ตัวอย่าเกิดขึ้นเมื่อปี 1992 ที่ร้านฟาสฟู้ดชื่อดัง McDonald เมื่อคุณยายวัย 79 ปี ดื่มกาแฟความร้อนจัดราว 170 องศา ทำให้ทวารของคุณยายถูกทำลาย จึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นมูลค่า 2.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับแต่นั้นเป็นต้นมา McDonald จึงมีมาตรการจำกัด อุณหภูมิของกาแฟไม่ให้สูงเกินความเหมาะสม อันดับ 8 : "มันสำปะหลัง" (http://img169.imageshack.us/img169/7528/274002.jpg) มันสำปะหลัง มักถูกนำมาผลิตในอาหารหลากหลายรูปแบบ แต่พืชชนิดนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรง หากมีวิธีและขั้นตอนการเตรียมที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ในมันสำปะหลังยังมีสารไซยาไนด์แฝงอยู่ ซึ่งหากได้รับในปริมาณมากอาจส่งผลถึงชีวิตเช่นกัน อย่างไรก็ดี ขนมที่ทำจากมันสำปะหลัง และได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ พุดดิ้ง กระทั่งกลุ่มมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐฯ ออกโรงเตือนประชาชนที่อ่อนไหวง่ายต่อยางของพืช ให้เลี่ยงไปรับประทานของทานเล่นประเภทอื่นแทน อันดับ 7 : "ทูน่า" (http://img690.imageshack.us/img690/6229/274mp.jpg) แทบไม่คาดคิดเมื่อปลาตัวเล็กตัวน้อยจำพวกทูน่า อาหารยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งในสังคมปัจจุบัน จะถูกประกาศเป็นอาหารสุดยอดอันตราย ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเตือนสตรีมีครรภ์ และเด็ก ให้หลีกเลี่ยง หรือรับประทานในปริมาณแต่น้อย เนื่องจากทูน่า คือปลาตัวเล็กหลากหลายสายพันธุ์ และมีปริมาณสารปรอทสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการคลอดบุตรสำหรับคุณแม่มีครรภ์ และอาจทำลายระบบประสาทสำหรับเด็กที่กำลังมีพัฒนาการ อันดับ 6 : "รูบาร์บ" (http://img72.imageshack.us/img72/15/274009.jpg) แม้จะมีงานวิจัยเผยว่า รูบาร์บช่วยต้านมะเร็งได้ แต่จากประวัติศาสตร์การแพทย์ระบุว่า ใบขนาดใหญ่ ของรูบาร์บนั้นมีพิษถึงชีวิต แม้จะรับประทานแบบดิบหรือนำมาปรุงจนสุกก็ตาม แต่ทั้งนี้ส่วนที่สามารถนำมารับประทานได้นั้นคือบริเวณก้านของรูบาร์บ หัวข้อ: Re: 10 อาหารอันตราย ที่ไม่คาดคิด เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 22 ตุลาคม 2553 13:51:34 อันดับ 5 : "ผักใบเขียว" (http://img535.imageshack.us/img535/1940/274006.jpg) เป็นที่น่าตกใจ เมื่ออาหารจำพวกผักใบเขียว ที่แลดูเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จะตกอยู่ในแบล็กลิสต์ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อปี 2009 ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ ระบุชื่อผักใบเขียวทั้งหลาย อาทิ ผักโขม ผักสลัด กะหล่ำปลี ผักชีฝรั่ง และผักคะน้า ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งเมื่อปีที่ผานมาในสหรัฐฯ มีผู้ป่วยจากผักดังกล่าว 240 กรณี ซึ่งส่วนใหญ่รับประทานอาหารตามร้าน หรือภัตตาคาร ส่วนการติดเชื้อเชื่อว่าเกิดจากการละเลยความสะอาด ทั้งความสะอาดของมือผู้ปรุงอาหาร และความสะอาดของผักที่ล้าง โดยเชื้อโรคส่วนใหญ่ที่มากับผักชนิดดังกล่าว คือ ไวรัสไนโร ซึ่งติดมากับผักเมื่อได้รับการสัมผัสจากสัตว์ป่า หรือน้ำที่ไม่สะอาด อันดับ 4 : "ถั่วลิสง" (http://img94.imageshack.us/img94/5220/274004.jpg) สมาคมโรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มักมีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานถั่วลิสง เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้ถั่ว ซึ่งปัจุจบันมีตัวเลขผู้มีอาการแพ้ถั่วเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่นับว่ายังไม่สูงมาก คิดเป็นเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตามจำนวนเด็กเสียชีวิตด้วยโรคแพ้ถั่ว เพิ่มขึ้นระหว่าง ปี 1997 -2002 ราว 2 เท่า อันดับ 3 : "ผลแอคกี" (http://img163.imageshack.us/img163/8065/274008.jpg) ผลแอคกี (Ackee) แต่เดิมเป็นผลไม้พื้นเมืองบริเวณพื้นที่แถบแอฟริกาตะวันตก แต่กลายมาเป็นผลไม้ประจำชาติจาไมก้า ราวปี 1788 สำหรับผู้ไม่รู้วิธีรับประทานผลแอคกีที่ถูกต้อง อาจเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียร และอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้ผลแอคกีดิบมีสารพิษที่ชื่อว่า Hypoglycin แฝงอยู่ ดังนั้นหากจะนำมารับประทานต้องรอให้ผลสุกจนกลายเป็นสีแดง และผลิออกจนเห็นเม็ดในสีดำเองตามธรรมชาติเสียก่อน สำหรับการรับประทานนั้น ชาวจาไมก้ามักทานเคียงกับปลาคอต อันดับ 2 : "ปลาปักเป้า" (http://img532.imageshack.us/img532/8552/274003.jpg) เสิร์ฟโดยการแร่เป็นชิ้นบาง ๆ โดยเชฟมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญ ปลาปักเป้านับเป็นอาหารจานหรู แต่มีพิษร้ายแรง ที่ชื่อว่า สารเตโตรโดทอกซิน (Tetrodotoxin) คร่าชีวิตนักชิมมากกว่าสารไซยาไนด์ หรือสารหนู (Cyanide)ในปลาปักเป้า 1 ตัวจะมีต่อมพิษอยู่ 1 ต่อม มีขนาดเล็กกว่าหัวเข็ม ผู้ที่สามารถเสิร์ฟอาหารจานนี้ได้ ต้องฝึกฝนและเรียนรู้นานกว่า 3 ปี เพราะพิษในปลาเพียง 1 ตัว สามารถปลิดชีพมนุษย์ได้มากถึง 30 คน ด้วยความประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงทำให้ปลาปักเป้ามีมูลค่าแพงราว 200 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6,500 บาท) ต่อจาน แต่อย่างไรก็ตามนักกินในประเทศญี่ปุ่นยังคงนิยมสั่งปลาปักเป้ามารับประทาน มากกว่า 10,000 ตันต่อปี และมีมากกว่า 40 สายพันธุ์ให้เลือกลิ้มรส อันดับ 1 : "ฮอทดอก" (http://img717.imageshack.us/img717/6966/274005.jpg) สถาบันกุมารเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ระบุว่า อาหารชนิดนี้ส่งผลอันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ เพราะ เนื้อที่นำมาผลิตมักมีคุณภาพต่ำ หรือเป็นการนำเศษเนื้อที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์มาบด และทำเป็นไส้กรอก จากรายงานบอกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี มักเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเมื่อบริโภคอาหารประเภทดังกล่าว สำหรับสาเหตุที่อยู่ในรายการอาหารที่อันตรายที่สุดเป็นเพราะ ฮอทดอกเป็นอาหารที่นิยม รับประทานในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยปราศจากการหลีกเลี่ยง หรือคำนึงถึงอันตรายที่แฝงอยู่ ที่มา: ข่าวไทยรัฐ |