[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 24 มิถุนายน 2557 13:28:35



หัวข้อ: พระแม่โพสพ เทวีแห่งธัญญาหาร
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 มิถุนายน 2557 13:28:35
.

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2014/06/bud08240657p1.jpg&width=360&height=360)

พระแม่โพสพ
เทวีแห่งธัญญาหาร

พระแม่โพสพ "เทวีแห่งข้าวพันธุ์ธัญญาหาร" ตามคติความเชื่อของไทย เป็นที่เคารพสักการะและกราบไหว้บูชามาตั้งแต่ครั้งโบราณของชาวไทย ลาว และละแวกลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพราะถือเป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ในด้านข้าวปลาอาหาร โดยเฉพาะชาวนาผู้ปลูกข้าว มักบูชาเพื่อขอความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูกตามฤดูกาล แล้วทราบหรือไม่ว่า "พระแม่โพสพ" มีความเป็นมาอย่างไร

พระแม่โพสพนั้น เป็นความเชื่อที่รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นภาคเทวสตรี บางตำราเรียก "พระไพรศรพณ์" อันเป็นอวตารในภาคเทพบุตร ซึ่งมีตำราหลากหลายที่กล่าวถึงกำเนิดความเป็นมา อาทิ

"พระแม่โพสพ" เป็นการแบ่งภาคของ "พระพรหม" ด้วยทรงร้อนอาสน์ในความทุกข์ร้อนของมวลมนุษย์ เมื่อทรงตรวจดูก็พบว่า ประไลยโกฏิพระดาบส ได้บำเพ็ญตบะด้วยความมุ่งมั่น แต่ต้องหิวโหยอดอยากเพราะขาดอาหาร อยู่ในชายป่าริมแม่น้ำ จึงอวตารลงมาในนาม "พระไพรศรพณ์" บันดาลให้เกิดฝนตกทั่วบริเวณอาศรม

เมื่อฝนซาก็ปรากฏเมล็ดข้าวสาลีโปรยทั่วบริเวณ และเจริญเติบโตขึ้นเป็นรวงข้าวเหลืองอร่าม พระดาบสจึงได้เก็บเกี่ยวมารับประทานและแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน บางส่วนให้เป็นอาหารของนกกา จากนั้นมาท่านก็ได้ดูแลรดน้ำต้นข้าวสาลีอย่างสม่ำเสมอ และได้แบ่งเมล็ดพันธุ์ไปให้ชาวบ้านนำไปเพาะปลูกจนมีข้าวสาลีมากมาย ทำให้ชาวบ้านพ้นจากความอดอยาก ประไลยโกฏิดาบสจึงบอกกล่าวให้ชาวบ้านบูชาบวงสรวงพระแม่ไพรศรพณ์ ด้วยความเคารพนับถือที่เป็นผู้ประทานข้าวให้แก่เหล่ามวลมนุษย์ และเป็นความเชื่อสืบต่อมาจนปัจจุบัน

หรือบางตำรากล่าวว่า "พระแม่โพสพ" เป็นนางฟ้าอยู่ เป็นสนมเอกขององค์อัมรินทราธิราช บนสรวงสวรรค์ วันหนึ่งนำดอกไม้ไปถวายองค์ อัมรินทราธิราช พระองค์ทรงมองเห็นว่า พระแม่โพสพซึ่งมีเนื้อเหลืองอร่ามดั่งทองนั้น ดูหม่นลง จึงให้นางเสียสละเนื้อให้แก่ชาวโลก นางจึงเสด็จลงมายังโลกโดยเก็บดอกไม้สวรรค์มาด้วย เพื่อมาหา "ฤๅษีตาไฟ" ซึ่งฤๅษีตนนี้จะนั่งหลับตาตลอดเวลา และลืมตาเมื่อดอกไม้ในป่าหิมพานต์บานเพียงครั้งเดียวโดยจะออกจากฌานด้วย เพราะถ้าไม่ได้ออกจากฌานแล้ว เมื่อลืมตาไฟก็จะไหม้

เมื่อพระแม่โพสพเข้าไปหา ฤๅษีได้กลิ่นดอกไม้สวรรค์จึงลืมตาโดยยังไม่ออกจากฌาน ปรากฏว่าไฟไหม้พระแม่โพสพจนเป็นเถ้า ฤๅษีเห็นดังนั้นก็แปลกใจ จึงชุบขึ้นมาถามไถ่ พระแม่โพสพบอกวัตถุประสงค์แล้วกลายรูปเป็นเมล็ดข้าว พระฤๅษีจึงใช้ไม้เท้าตีลงบนข้าวและอธิษฐานจิต ข้าวแตกกระจายเป็นแมลงเม่าบินลงมาตกทั่วภาคพื้นดิน มนุษย์จึงเก็บพืชพันธุ์ไปปลูกให้ลูกหลานกินสืบต่อมา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม พระไพรศรพณ์ หรือ พระแม่โพสพ นับว่ามีบุญคุณใหญ่หลวงแก่มนุษย์โลกให้ได้มีข้าวพันธุ์ธัญญาหารในการดำรงชีพ การบูชาพระแม่โพสพนั้น มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเรื่อยมา แม้พระมหากษัตริย์ก็ยังบูชาคุณพระแม่โพสพทุกปี นับแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงปัจจุบัน ในฤดูกาลทำนา ชาวนาก็จะมีการจัดพิธีเคารพบูชาและขอพรทุกครั้งในทุกๆ ขั้นตอน นอกจากนี้จะสังเกตได้ว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ คนไทยโบราณ เมื่อรับประทานข้าวเสร็จแล้วจะยกมือพนม เพื่อไหว้ขอบคุณพระแม่โพสพด้วย

ลักษณะทางศิลปะของ "พระแม่โพสพ" เป็นสตรีมีใบหน้างดงาม รัดเกล้าเพียงน้อยแล้วปล่อยสยาย ประดับด้วยอัญมณี และทองคำสีเหมือนรวงข้าว ประทับนั่งอยู่บนอาสนะอันงดงาม บ้างก็ประทับนั่งอยู่บนพาหนะเป็นหงส์ พระหัตถ์ข้างหนึ่งถือพระขรรค์ อีกข้างถือรวงข้าว หรือตามจินตนาการของผู้สร้าง ซึ่งส่วนใหญ่วัดในแถบภาคกลาง โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ในย่านที่เป็นทุ่งนา มักมีการจัดสร้าง "รูปบูชาพระแม่โพสพ" เพื่อให้ชาวนาได้เช่าไว้สักการบูชา

ท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ คุณประทีป จินดารักษ์ สำนักงานส่งเสริมการผลิตข้าว กรมการข้าว ที่ได้จัดส่งข้าวมงคล ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมาให้เพื่อความเป็นสิริมงคลครับผม
 ข้อมูลและภาพ : หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า ๒๗ ฉบับประจำวันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗