[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 26 มิถุนายน 2557 09:58:00



หัวข้อ: ชานมไข่มุก - ประโยชน์เพื่อสุขภาพจริงหรือ?
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 มิถุนายน 2557 09:58:00
.

(http://www.ecomol.biz/image/article/big/A20130911122944.jpg)
ภาพจาก : เว็บไซต์ ecomol.biz

ชานมข่มุก

จากข้อมูลจากศูนย์วิทยบริการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข  ในการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ หัวหน้าภาควิชาโภชนาวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะเลขาธิการสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย รายงานว่า ต้นกำเนิดของชานมไข่มุกมาจากประเทศไต้หวัน ชื่อภาษาจีนว่า "จูเจินหน่ายฉา" แปลตามตัวว่า ชานมไข่มุก กรรมวิธีที่ทำเริ่มจากนำแป้งมันสำปะหลังมาทำให้ชื้น แล้วร่อนผ่านตะแกรงจนกลายเป็นเม็ดสาคูสีดำขึ้นมา ก่อนเอาไปต้มสุก จากนั้นทำชานมเย็นแล้วใส่เม็ดสาคูลงไป เกิดเป็นเครื่องดื่มชานมไข่มุก
 
ส่วนคนไทยเริ่มรู้จักชานมไข่มุก หรือชาไข่มุก อย่างแพร่หลายเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ต่อมาชานมไข่มุกเริ่มนำมาใส่ในเครื่องดื่มชนิดอื่นแทนชา เช่น นม โกโก้ กาแฟ หรือใส่เยลลี่เพิ่มเติมลงไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเครื่องดื่มประเภทชาไข่มุกได้รับความนิยมในยุโรป รวมทั้งเยอรมนี องค์การด้านสุขภาพและนักวิจัยเยอรมันได้ออกคำเตือน เพราะอาจมีกรณีสำลักเม็ดไข่มุก ทั้งยังระบุว่าตรวจพบสารก่อมะเร็งปนเปื้อน โดยผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลอาร์คอน (University Hospital Aachen) เตือนถึงการบริโภคเครื่องดื่มประเภทชาไข่มุกว่า นอกจากเสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายจากการสำลักเม็ดไข่มุกแล้ว จากการสุ่มตรวจ ยังพบว่าเม็ดไข่มุกเคี้ยวหนึบมีสารเคมีประเภท โพลีคลอริเนต ไบฟีนิล (Polychlorinated Biphenyls หรือ PCBs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเจือปนอยู่ด้วย
 
ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลพิษวิทยาระบุว่า สารเคมีประเภทโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล เป็นสารที่ละลายน้ำได้น้อย แต่ละลายในไขมันได้ดี และสลายตัวได้ยากในสิ่งมีชีวิต เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะถูกขับออกได้บ้างทางอุจจาระและปัสสาวะ ที่เหลือจะสะสมในร่างกายทีละน้อย จนเริ่มแสดงอาการของพิษ เริ่มตั้งแต่คลื่นไส้ เหนื่อย เบื่ออาหาร เกิดตุ่มฝีที่ผิวหนัง เล็บคล้ำ ฯลฯ ไปจนถึงอาการขั้นร้ายแรง คือทำให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกัน และอาจทำให้เป็นมะเร็ง



(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2014/04/you02300457p2.jpg&width=360&height=360)

นอกจากนั้นยังน่าเป็นห่วงว่า สีสวยๆ ของเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นชาเย็น นมเย็น ชาเขียว ฯลฯ ก็อาจมีความเสี่ยงเรื่องการเจือปนสีผสมอาหาร ซึ่งถ้ามีสีผสมอาหารมาก การดื่มมากก็ไม่ปลอดภัยเพราะเป็นสีสังเคราะห์ แต่ขณะนี้ยังไม่พบปัญหาดังกล่าว และส่วนมากเครื่องดื่มจากชามักผสมสมุนไพรที่เป็นสีจากธรรมชาติ

ส่วนด้านอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องการเจือปนของสารเคมี คือความหวานที่อาจส่งผลให้ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เสี่ยงมีภาวะน้ำหนักเกินและเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

จึงแนะนำว่าให้ลดปริมาณการบริโภคให้น้อยลง ดื่มนานๆ ครั้ง ไม่ต้องซื้อกินทุกวัน หรือวันละหลายๆ แก้ว เพราะชาไข่มุกมีรสหวานมาก รวมถึงการดูดผ่านหลอดขนาดใหญ่ หรือหลอดจัมโบ้ อาจทำอันตรายได้เช่นกัน เมื่อดูดเข้าไปแล้วกลืนลงทันทีอาจจะเกิดปัญหาเม็ดไข่มุกติดค้างในระบบทางเดินหายใจได้
.....ข้อมูล - หนังสือพิมพ์ข่าวสด