[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สยาม ในอดีต => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:16:42



หัวข้อ: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:16:42
(http://image.ohozaa.com/ir/tzpi1.jpg)

http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/05.%20Track%205.wma

วัดแจ้งเดิมชื่อ วัดมะกอก เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนเมื่อครั้งกรุงธนบุรี วัดแห่งนี้ได้ถูกผนวกเข้าเขตพระราชฐานถือเป็นวัดในวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ เมื่อครั้งกรุงเก่า ขอให้ลบภาพในปัจจุบันออกไม่มีพระปรางค์ใหญ่โต มีเพียง พระอุโบสถ พระวิหารหน้าพระปรางค์ หมู่กุฏิสงฆ์ และพระปรางค์สูง 8 วา เท่านั้น
อีกทั้งเป็นวัดสำคัญ ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกตและพระบางเมื่อรัชกาลที่ 1 อัญเชิญมากเวียงจันทน์ เมื่อ พ.ศ. 2322 เพื่อรอการก่อสร้างพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามให้เสร็จใน พ.ศ. 2327
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯให้ทำการบูรณะใหม่ทั้งพระอาราม ก่อสร้างเสริมพระอุโบสถใหม่ อีกทั้งปั้นพระพักตร์พระประธานด้วยฝีพระหัตถ์ และทำหมู่กุฏิสงฆ์ด้วยการก่ออิฐถือปูน ทรงพระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม
ครั้นสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรำรึกถึงพระปรางค์ที่พระบรมชนกนาถได้ทรงริเริ่มจะทำการก่อสร้างให้เป็น มหาธาตุสำหรับพระนคร จึงโปรดเกล้าให้ขยายพระปรางค์ให้สูงขึ้น พร้อมกันนี้ได้ก่อสร้างประตูทางเข้าพระอุโบสถ ทรงมงกุฎ พร้อมก่อสร้างเมรุปูนขนาดใหญ่ไว้ด้วย
ครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้นำกระเบื้องเซรามิคจากจีน ลายดอกไม้ มาประดับผนัง ต้นเสา เหมือนลายใบไม้ร่วง ที่พระอุโบสถด้วย ทรงพระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เกิดเพลิงไหม้พระอุโบสถขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2438 พระองค์เสด็จมาคุมการดับไฟด้วยพระองค์เอง พร้อมทั้งนำกล่องบรรจุอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยออกมาจากฐาน ชุกชีหน้าพระประธานได้ทันและได้นำกลับบรรจุใหม่เมื่อการซ่อมแซมสำเร็จบริบูรณ์แล้วเมื่อ พ.ศ. 2441


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:20:17
(http://image.ohozaa.com/ir/wvg01.jpg)


นอกจากนี้ในพ.ศ. 2448 ซุ้มประตูทรงยอดมงกุฎ นี้ได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก เนื่องจากก่อสร้างมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 3 แล้ว พระยาราชสงครามได้กราบบังคมทูลว่า ถ้าจะโปรดเกล้าให้ซ่อมใหม่ ก็ใช้เงินสูงถึง 16,000 บาท (200 ชั่ง) หรือไม่ก็ทำการรื้อทิ้งเสีย เพราะเกรงว่าจะเกินอันตรายเมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้าพระกฐิน ซึ่งทรงมีพระราชกระแส เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2448 ว่า ซุ้มประตู นี้อยากจะให้คงรูปเดิมเพราะปรากฎแก่คนว่าเป็นหลักของชาวบางกอกมาช้านานแล้ว ขอให้พระยาราชสงครามคิดการเป็นก่อรวมอย่างประตูวัดเทพศิรินทราวาส แต่ที่วัดอรุณขอให้คงรูปเสียที่รับยอดเป็นก่อรวม แล้วจะติดหลังคาเป็นเครื่องไม้ต่อออกมาก็ได้ ขอให้ถ่ายรูปเดิมไว้ให้มั่นคง เวลาทำอย่าให้แปลกกว่าเก่าเลยเป็นอันขาดอย่าเพิ่งให้รื้อจะไปถ่ายรูปไว้เป็นพยาน เมื่อกะประมาณเป็นเงินเท่าไร ให้ขึ้นงบประมาณปีหน้าคงจะหาเงินได้ กฐินจะย้ายไปประตูเหนือ ก็ย้าย
นี่เป็นพระราชดำรัสแห่งองค์ล้นเกล้าฯ ซึ่งไม่ยอมให้รื้อทำลายประตูยอดทรงมงกุฎแห่งนี้ลงไป และโปรดให้ถ่ายภาพไว้ เพื่อให้การบูรณะซ่อมแซมเหมือนของเดิมมากที่สุด ถึงแม้ในตอนท้ายพระราชดำรัสว่า กฐินจะย้ายไปประตูเหนือก็ย้าย หมายถึงว่า เวลางานพระราชทานผ้าพระกฐิน จะต้องเสด็จพระราชดำเนินอ้อมไปทางประตูพระระเบียงด้านทิศเหนือซึ่งมีระยะทางไกลกว่าภาพลายเส้นประตูซึ่งวาดขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 4


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:42:16


................................ภาพถ่ายมุมสูงมองไปยังประตู...............................

(http://image.ohozaa.com/ie/50j2f.jpg)


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:44:07


................ภาพในปัจจุบันได้รับการบูรณะเป็นอย่างดีแต่มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยก็ลองเทียบกันดู...................

(http://image.ohozaa.com/ix/d6t4f.jpg)


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:50:44


สิ่งที่คู่กับประตูยอดมงกุฎมาตลอดคือ ยักษ์วัดแจ้งในตำนานกล่าวว่ายักษ์วัดแจ้งทะเลาะกับยักษ์วัดโพธิ์ จนทำให้เกิดท่าเตียนขึ้นโดยยักษ์หน้าประตูนี้คือ สหัสเดชะ และ ทศกัณฐ์ สูงประมาณ 3 วา ซึ่งก่อสร้างพร้อมกับซุ้มประตูในสมัยรัชกาลที่ 3 ภาพถ่ายสีลงสีในสมัยรัชกาลที่ 5 ถ่ายยักษ์วัดแจ้ง

(http://image.ohozaa.com/in/f298t.jpg)


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:55:01

และแล้วในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2473 เวลากลางคืนฝนตกหนัก ฟ้าได้ผ่าลงมาถูกยักษ์ด้านเหนือ สหัสเดชะ พังลง ซึ่งยักษ์นี้ก่อนหน้านี้ได้ซ่อมแซมอยู่เนืองๆ เช่น มีการซ่อมในสมัยรัชกาลที่ 6 อยู่สองครั้ง คือ ลำตัวร้าว และ แขนยักษ์หักภาพประกอบ


...........................ภาพถ่ายยักษ์และประตูในสมัยรัชกาลที่ 5..............................


(http://image.ohozaa.com/i6/tv86t.jpg)


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 19:58:53
(http://image.ohozaa.com/ir/tzpi1.jpg)


โดยประวัติของยักษ์นี้สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงอธิบายถวายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่ายักษ์วัดแจ้งนั้นเขาพูดถึงของเดิมว่าเป็นฝีมือของหลวงเพทกันคำว่า หลวงเทพนั้น จะเป็นหลวงเทพรจนา หรือ หลวงเทพยนต์อะไรก็ไม่ทราบ แต่คำว่า กัน เป็นชื่อตัวแน่เพราะฝีมือแกดีจึงโปรดให้ปั้นไว้ รูปเก่านั้นพังไปเสียแล้ว ที่ยืนอยู่บัดนี้ เป็นของใหม่ แต่ใหม่ก่อนท่านเจ้าขาด พระพิมลธรรม หรือ หลวงปู่นาค ไปอยู่แน่เข้าใจว่ายักษ์วัดแจ้งนั่นแหละ พาให้เกิดยักษ์ในวัดพระแก้วขึ้น ในที่สุดยักษ์ก็ต้องมี ที่ต้องมีนั้นจ้างเจ๊กทำก็ได้ เพราะราคาค่อนถูกหน่อย นี่ว่าถึงวัดพระแก้วแต่ยักษ์คู่ใหม่ที่วัดแจ้งนั้นไม่ทราบ เกล้ากระหม่อมเห็นว่า ถ้าหาช่างฝีมือดีปั้นไม่ได้ไม่ต้องมียักษ์ก็ได้ และว่า ยักษ์วัดพระแก้วนั้น คงทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นประเดิม เพราะจำได้ว่า คู่ทศกัณฐ์กับสหัสเดชะนั้นเป็นฝีมือหลวงเทพรจนา กัน คือ มือที่ปั้นยักษ์วัดอรุณสันนิษฐานว่าเพราะเวลานั้นมีช่างฝีมือดี ๆ จึงได้ทำขึ้นไว้ สาส์นสมเด็จภาค 55


..........................ตำนานเกี่ยวกับยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้ง..................................


ซึ่งทำให้เกิดท่าเตียนในปัจจุบันนั่นคือ ยักษ์วัดโพธิ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำหน้าที่ดูแล วัดแจ้งนั้น ทั้ง ๒ ตนเป็นเพื่อนรักกัน วันหนึ่งยักษ์วัดแจ้งไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดโพธิ์ เมื่อถึงกำหนดส่งเงินคืนยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมจ่ายดังนั้น........ยักษ์ทั้ง 2 ตนจึงเกิดทะเลาะกันแต่เพราะรูปร่างที่ใหญ่โตและพละกำลังที่มหาศาลของยักษ์ทั้ง 2 ตน เมื่อเกิดต่อสู้กันจึงทำให้บริเวณนั้นราบเรียบโล่งเตียนไปหมด เมื่อพระอิศวรทราบเรื่องนี้ จึงได้ลงโทษให้ยักษ์วัดโพธิ์ยืนเฝ้าพระอุโบสถวัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้งยืนเฝ้าวิหารวัดแจ้งตั้งแต่นั้นมา.................


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 20:11:03
(http://image.ohozaa.com/it/5lt10.jpg)



......................ศึกษาเพิ่มเติมกับพระพิมลธรรม (นาค) เจ้าอาวาสรูปที่ 10 แห่งวัดอรุณ........................


พระพิมลธรรม นามเดิม นาค นามฉายา สุมานนาโค เป็นชาวบ้านบางพูน จังหวัดปทุมธานี เกิดเมื่อปีวอก วันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น ๕ ค่ำ จ.ศ. ๑๒๓๔ ตรงกับวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2415 ในรัชกาลที่ 5 เมื่ออายุ 12 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่กับพระครูธรรมมานุสารี (หว่าง) วัดเทียนถวาย เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าอาวาสวัดสารพัดช่าง ที่บางขุนพรหม จังหวัดพระนคร จนอายุครบอุปสมบท จึงได้ย้ายมาอยู่กับสมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ฯ และได้อุปสมบท ณ.วัดนั้น เมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2435 โดยมี สมเด็จพระวันรัต (แดง) เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมต่อกับสมเด็จพระวันรัต (แดง) บ้าง กับพระยาธรรมปรีชา (ทิม) บ้าง ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมเมื่อปีขาล
พ.ศ. 2433 ได้เป็นเปรียญ 4 ประโยค ในปีมะเมีย พ.ศ. 2437 แปลพระปริยัติธรรมได้อีก 2  ประโยค รวมเป็น 6 ประโยค และในปีจอ พ.ศ. 2441 ได้แปลพระปริยัติธรรมได้อีก 1 ประโยค รวมเป็น 7 ประโยค
พ.ศ. 2442 พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงตั้งให้เป็นพระศรีสมโพธิ
ในรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเลื่อนให้เป็นพระราชเวที เมื่อปีมะเมีย วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2461 และทรงเลื่อนให้เป็นพระเทพสุธีเมื่อปีระกา วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2468 แล้วโปรดให้มาครองวัดอรุณ ฯ เมื่อปีฉลู วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2468
พ.ศ. 2469 ในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเลื่อนให้เป็น พระธรรมดิลก
พ.ศ. 2476 คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเลื่อนเป็น พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ และใน พ.ศ. 2482 ได้เลื่อนเป็น พระพิมลธรรม
พระพิมลธรรม (นาค) ถึงมรณภาพในรัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 อายุ 72 ปี 6 เดือน

.....................ข้อความบางส่วนจากหนังสือ"ประวัติวัดอรุณราชวรราม"............................


หัวข้อ: Re: the ising sun temple of bangkok
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2553 21:25:19
สุดยอดครับ ข้อมูลสาระความรู้ดีมาก ๆ

อ้างถึง
ยักษ์วัดโพธิ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำหน้าที่ดูแล วัดแจ้งนั้น ทั้ง ๒ ตนเป็นเพื่อนรักกัน วันหนึ่งยักษ์วัดแจ้งไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดโพธิ์ เมื่อถึงกำหนดส่งเงินคืนยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมจ่ายดังนั้น........ยักษ์ทั้ง 2 ตนจึงเกิดทะเลาะกันแต่เพราะรูปร่างที่ใหญ่โตและพละกำลังที่มหาศาลของยักษ์ทั้ง 2 ตน เมื่อเกิดต่อสู้กันจึงทำให้บริเวณนั้นราบเรียบโล่งเตียนไปหมด เมื่อพระอิศวรทราบเรื่องนี้ จึงได้ลงโทษให้ยักษ์วัดโพธิ์ยืนเฝ้าพระอุโบสถวัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้งยืนเฝ้าวิหารวัดแจ้งตั้งแต่นั้นมา

ยิ่งตำนานยักษ์วัดโพธิ์ กับ ยักษ์วัดแจ้ง
อ่านแล้วคิดถึงตอนเป็นเด็ก

แม้แต่การ์ตูน ไอ้ตัวเล็ก (ปังปอนด์) ของน้าต่ายยังเอามาลง

 (^^) (^^) (^^)