[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 26 สิงหาคม 2557 00:53:59



หัวข้อ: ประวัติ และ เรื่องราวน่าอัศจรรย์ หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ กทม.
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 26 สิงหาคม 2557 00:53:59
หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ กทม.

(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/t1.0-9/10251974_765255263519209_8337265936364257728_n.jpg)

อาจารย์อีกรูปหนึ่ง ที่เสด็จเตี่ยฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านเคยจารตระกรุดใต้นํ้าถวายเสด็จเตี่ย..

ตามประวัติ ครั้งหนึ่งทหารติดตามเสด็จเตี่ยได้พากันมาเที่ยวแถวถนนตก เกิดทะเลาะกับนักเลงเจ้าถิ่น ได้มีการต่อสู้กัน ถึงกับใข้อาวุธเข้าปะทะกัน ซึ่งนักเลงเจ้าถิ่นพลาดท่าให้กับทหารหลายครั้ง แต่คมดาบไม่สามารถทำอะไรผิวหนังของนักเลงเจ้าถิ่นได้ จนความทราบถึงเสด็จเตี่ยท่านจึงเสด็จมาที่เกิดเหตุ พอดีกับทหารคนหนึ่งเสียท่าล้มลง นักเลงเจ้าถิ่นเงื้อมดาบสุดแขนฟันลงที่ร่างทหาร แต่เสด็จเตี่ยได้กระโดดค่อมร่างของทหารไว้ดาบนั้นจึงฟันลงที่แผ่นหลังของเสด็จเตี่ยอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่สามารถทำอะไรผิวหนังท่านได้ นักเลงเจ้าถิ่นเห็นอย่างนั้นจึงหันมาเล่นงานเสด็จเตี่ยด้วยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มีต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครผลัดกันลุกผลัดกันรับและแล้วนักเลงเจ้าถิ่นก็พลาดท่า โดนดาบลงอาคมของเสด็จเตี่ย ฟันเข้าที่ลำตัวอย่างเต็มที่ แต่ดาบลงอาคมของเสด็จเตี่ยกลับไม่สามารถ ทำอะไรผิวหนังของนักเลงเจ้าถิ่นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เสด็จเตี่ยจึงทราบทันทีว่า ต้องเป็นศิษย์มีครูแน่ดาบลงอาคมถึงทำอะไรนักเลงเจ้าถิ่นไม่ได้เสด็จเตี่ยจึงท้าให้ทิ้งดาบแล้วมาสู้กันด้วยมือเปล่า นักเลงเจ้าถิ่นจึงรับคำท้าทั้งสองจึงใช้ แม่ไม้มวยไทยต่อสู้กันและแล้วนักเลงเจ้าถิ่น ก็สู้เสด็จเตี่ยไม่ได้ด้วยเชิงมวยผิดกัน จึงโดนทหารติดตามรุมจับมัดด้วยผ้าขาวม้าเสด็จเตี่ยจึงตรัสถามว่า

...มึงลูกศิษย์ใคร...

นักเลงจึงตอบกลับมาว่ากูลูกศิษย์พ่อพุ่ม วัดบางโคล่ วันต่อมาเสด็จเตี่ยและทหารอีกสองคนแต่งชุดชาวบ้าน พายเรือไปหาหลวงปู่ พอถึงวัดหลวงปู่พุ่มท่านได้นั่งรออยู่ที่นอกชานกุฎิ แล้วร้องทักขึ้นมาก่อนว่า...มาถึงแล้วหรือมหาบพิตร อาตมานั่งรอต้องนาน เสด็จเตี่ยจึงรู้ทันทีว่า อาจารย์องค์นี้ไม่ธรรมดา ถึงรู้ว่าท่านจะมาและรู้ว่าท่านเป็นใคร จึงขึ้นไปกราบและสนทนากันในกุฎิ ครู่ใหญ่หลวงปู่พุ่มเดินออกมาพร้อมแผ่นโลหะและเหล็กจาร เดินลงไปในแม่นํ้หน้าวัดแล้วดำหายไปครู่ใหญ่โผล่ขึ้นมาจากนํ้าพร้อมโลหะม้วนเป็นแท่ง...แต่ที่น่าแปลกจีวรท่านไม่เปียก

...นี่คือบันทึกจากทหารติดตามที่พายเรือไปกับเสด็จเตี่ย...



หัวข้อ: Re: ประวัติ และ เรื่องราวน่าอัศจรรย์ หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ กทม.
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 26 สิงหาคม 2557 00:57:33

(http://www.amulet2u.com/board/images/board/3_1252053905.jpg)

หลวงปู่พุ่ม วัดบางโคล่นอก
ยอดเกจิอภินิหาร-เหรียญมหาอุด

 
                ในสมัยรัชกาลที่ 5-8 มีพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชนอยู่หลายองค์ และต่างก็มีความเชี่ยวชาญในไสยศาสตร์แต่ละวิชาที่ท่านได้เรียนมา

                ตั้งแต่สะพานกรุงเทพลงไป พระอาจารย์ในสมัยนั้นที่นับว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปเห็นจะมีอยู่ 2องค์  ฝั่งธนบุรีได้แก่ “หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก” เขตราษฎร์บูรณะ  ส่วนฝั่งกรุงเทพฯได้แก่ “หลวงปู่พุ่ม วัดบางโคล่นอก” เขตยานนาวา  ซึ่งต่างก็มีศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก ที่ได้ไปขอความช่วยเหลือหรือพระเครื่องรางของขลัง ท่านทั้งสองเป็นพระเกจิอาจารย์ซึ่งเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ “เสด็จเตี่ย” ทรงให้ความเคารพศรัทธา และทรงได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมขลังด้วย และเป็นสุดยอดคณาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ที่วัดราชบพิธ เมื่อปีพ.ศ.2481

                หลวงปู่พุ่ม เกิดในสกุล “รัตนรังษี” เมื่อปี พ.ศ. 2400  สมัยรัชกาลที่ 5 ตามประวัติที่มีผู้เล่าสืบกันมาว่าท่านเป็นคนในบ้านบางโคล่ หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า แขวงบางโคล่ เขตยานนาวา  ที่กล่าวว่าท่านเกิดในท้องที่นี้ ก็เพราะว่าญาติพี่น้องของท่านอยู่ในบริเวณนี้ และได้ถึงแก่กรรมในที่เดียวกันนี้ โดยเฉพาะพี่สาวของท่านถึงแก่กรรมเมื่อมีอายุถึง 104 ปี
 
                ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร และอุปสมบทที่วัดไทร แขวงบางโคล่ เขตยานนาวา ได้เรียนพระธรรมวินัยและวิปัสสนากรรมฐานมาตั้งแต่ต้นจนมีความรู้ดีพอสมควร ส่วนในด้านปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานนั้น ท่านมีความเชี่ยวชาญมากรูปหนึ่ง  ได้อยู่จำพรรษาที่วัดไทรเป็นเวลาหลายปี จนได้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดนี้ ต่อมาท่านได้ย้ายไปอยู่วัดบางโคล่นอก

                ตามหลักฐานที่ค้นพบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ วันที่ 4 ก.ค. 2461 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางโคล่นอก และในระยะ 2-3 ปี ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระปลัด ไม่ทราบว่าเป็นฐานานุกรมของพระเถรรูปใด  วันที่ 12 ธ.ค. 2464 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูรัตนรังษี”  วันที่ 9 ม.ค.  2465 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ในขณะนั้นท่านมีอายุ 65 ปี 45 พรรษา

                คนเฒ่าคนแก่หลายท่านได้กล่าวยืนยันว่า หลวงปู่พุ่ม เป็นอาจารย์รุ่นเดียวกับ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก ซึ่งมีชื่อเสียงควบคู่กันมาคนละฝั่งคลอง โดยเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในไสยศาสตร์มากรูปหนึ่ง ยามว่างท่านจะนั่งวิปัสสนาในที่มืด ๆ เพื่อทำจิตให้สงบ อุปนิสัยของท่านเป็นพระเคร่งขรึม ใครถามคำ ก็จะพูดคำ แต่มีเมตตาสูงต่อบุคคลทั่วไป เมื่อใครประสบความทุกข์เดือดร้อน ก็จะช่วยปัดเป่าให้หาย จึงมีประชาชนทั้งใกล้และไกลไปขอความช่วยเหลือมิได้ขาด วัดบางโคล่นอกในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ นับว่าเป็นวัดที่เจริญมาก จะเห็นได้ในการสร้างอุโบสถที่ใหญ่ที่สุดในแทบนั้น

                แม้แต่ผู้ที่อยู่ในเขตอ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ยังมาร่วมงานที่วัดเป็นประจำ จนกลายเป็นวัดที่มีความคึกคักและเนืองแน่นไปด้วยสาธุชนผู้มีศรัทธาทั้งหลาย

                หลวงปู่พุ่ม มีวิชาความรู้ที่นับว่าเยี่ยมอยู่อย่างหนึ่งคือ การรักษาผู้ที่ถูกอสรพิษกัด บางคนถูกกัดจนสลบนิ่งไป ทางญาติเตรียมนำไปเผา ท่านสามารถช่วยจนกลับฟื้นคืนชีพได้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก

                ในสมัยที่ยังมีชีวิตได้สร้างพระเครื่องไว้ 3 อย่าง เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่เคารพนับถือ ได้แก่ เหรียญรูปเหมือนแบบรูปไข่ ปี2477 ฉลองอายุ 77 ปี  ข้างหน้าเป็นรูปตัวท่านครึ่งองค์ ข้างหลังเป็นยันต์ ซึ่งมีประสบการณ์ทางแคล้วคลาดและมหาอุดอย่างมาก แรกๆที่เหรียญออกมาใหม่ มีเด็กห้อยคอแล้วตกน้ำไม่จม อีก 2 อย่างคือ “แหวนนพเก้า และมงคลสามสาย”ภายหลังท่านมรณภาพ ลูกศิษย์ลูกหาได้สร้าง“ผ้ายันต์กันไฟ” แจกเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งผ้ายันต์นี้มีประสบการณ์อยู่เป็นประจำ

                 เรื่องราวเกี่ยวกับอภินิหารอันน่าอัศจรรย์ของท่านนั้นมีอยู่มากมายหลายเรื่อง

                 ท่านได้ปลูกต้นมะม่วงไว้ต้นหนึ่งที่ใกล้อุโบสถ ยามว่างก็ไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานใกล้ต้นมะม่วงนั้น โดยนั่งหลับตา ภาวนาอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งมีพวกรถรางหลายคนไปที่วัด เห็นท่านกำลังภาวนาอยู่ก็อยากจะกินมะม่วง จึงคิดจะเก็บ ทันใดนั้นท่านก็กล่าวขึ้นว่า “ของเขามีเจ้าของ เมื่อจะกินก็ต้องบอกเสียก่อน” ทุกคนที่ไปนั้นต่างตกตะลึง ไม่คิดว่าท่านจะทราบ เพราะเห็นนั่งหลับตาอยู่ แล้วรู้ได้อย่างไร และยังไม่ได้เก็บด้วยซ้ำไป กลายเป็นว่าได้สร้างศรัทธามากขึ้น

                พระภิกษุสามเณรที่บวชกับท่าน หรือขอลาสิกขากับท่านเพื่อไปเป็นฆราวาส ท่านจะจัดการให้ทุกคน แต่ท่านจะขอเพียงอย่างเดียวว่า ห้ามดื่มสุราเป็นอันขาด บางคนไม่เชื่อฟังตามที่ท่านขอไว้ ไปดื่มสุราเข้า ไม่ช้าก็ถูกยิงตาย ซึ่งเป็นที่เล่าลือในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านมาจนกระทั่งทุกวันนี้

                หลวงพ่อพุ่มมรณภาพเมื่อปีพ.ศ.2489 สิริอายุได้ 89 ปี 69 พรรษา  น่าอัศจรรย์ที่มีตัวเลขลงท้ายด้วยเลข 9 ทั้งสิ้น




ที่มา: เพจเรื่องเล่าชาวสยาม / เว็บมงคลพระ