[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 18 ธันวาคม 2552 07:23:13



หัวข้อ: จิตเดิมแท้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 18 ธันวาคม 2552 07:23:13
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/pha1.jpg)



ธรรมญาณเป็นรากฐานเดิมตามธรรมชาติแท้ของจิต ยากที่จะอธิบายสภาวะนั้นด้วยภาษาคนเพราะฉะนั้นจึงเรียกว่าจิตเดิมแท้ แต่ในที่นี้เรียกว่า ธรรมญาณ อันเป็นญาณที่มาจากธรรมชาติดั้งเดิมแท้จึงการค้นพบภาวะธรรมญาณ ของตนเองจึงเป็นเรื่องที่ลึกล้ำและยากนักท่านหงเหยิ่นพระสังฆปริณายกองค์ที่ 5 จึงเรียกประชุมศิษย์ทั้งปวงแล้วกล่าวว่า การเวียนว่ายตายเกิดเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่มีใครเอาใจใส่แทนที่จะหาหนทาง พาตัวเองให้พ้นไปจากทะเลทุกข์แห่งการเวียนเกิดและเวียนตายอันไม่มีที่สิ้น สุดกลับพากันหมกมุ่นอยู่แต่บุญกุศลที่มีตัณหาชักนำอันเป็นต้นเหตุให้เกิดใหม่ ถ้าธรรมญาณยังมืดมัวอยู่ บุญกุศลทั้งปวงก็หามีประโยชน์อันใดไม่ จนตั้งใจค้นหาปัญญาของตนเองแล้วเขียนโศลกว่าด้วยเรื่องของ ธรรมญาณผู้ใดเข้าใจได้ถูกต้องว่า ธรรมญาณ นั้นเป็นอย่างไรผู้นั้นจะได้รับมอบผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นเครื่องหมายตำแหน่ง พระสังฆปริณายก พร้อมทั้งธรรมะอันเป็นคำสอนเร้นลับแห่งนิกายเซ็น และจะสถาปนาขึ้นเป็นพระสังฆปริณายกองค์ที่หกแห่งนิกายเรา อย่ามัวรีรอตรึกตรองเพราะไม่จำเป็นและไม่เกิดประโยชน์อะไร ผู้ที่รู้แจ้งชัดใน ธรรมญาณจะพูดได้ทันทีที่มีใครมาชวนคุยด้วยและมันไม่เลื่อนลอยไปจากธรรมจักษุของเขา แม้จะชุลมุนวุ่นวายอยู่ท่ามกลางสนามรบก็ตามวจนะของท่านหงเหยิ่นเป็นความจริงจนถึงการสมัยปัจจุบันมนุษย์ยังคงเวียน ว่ายอยู่ในทะเลทุกข์โดยมิได้รู้สึกว่ากำลังจมอยู่ในห้วงทะเลแห่งการเกิดและ ตาย เขาเหล่านั้นจะรู้สึกถึงปัญหานี้ ก็ต่อเมื่อความตายมาเยือนอยู่ตรงหน้า และพากันบอกหนทางโดยหวังว่าจะช่วยให้พ้นไปจากนรกอเวจีและเชื่อว่าบุญกุศลที่ ได้สั่งงสมเอาไว้ทำให้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเก่า การสร้างบุญกุศลเช่นนี้กระทำได้ง่ายกว่าการใช้ปัญญาค้นคิดหาหนทางแห่งการพ้น ทุกข์อันเกิดจากเวียนว่ายตายเกิด มนุษย์จึงมี บุญและบาปเป็นเหตุปัจจัยให้ไปเวียนเกิด-ตายเพื่อไปรับผลอันมาจากเหตุที่ตนเองสร้างไว้ ไม่มีที่สิ้นสุด การสร้างบุญจึงไม่ต่างอะไรกับการหาเงินฝากธนาคารเอาไว้เป็นของตน เมื่อใช้จนหมดแล้ววิถีแห่งชีวิตก็ต้องยากจนลงไปเหมือน กินบุญหมดแล้วจึงไป รับบาป ชดใช้หนี้สินหมดแล้วจึงไป กินบุญ เวียนกันไปไม่มีที่สิ้นสุดผู้ที่ไม่เข้าใจทุกข์แห่งการเกิดและตาย จึงทำบุญด้วยการอยากเกิดใหม่ เพื่อให้ได้ชีวิตที่ดีกว่าเท่านั้นเอง วิถีแห่งชีวิตจึงไม่พ้นไปจากวัฎสงสาร เพราะตัณหาเป็นตัวชักนำ แต่พระพุทธองค์ทรงเบื่อหน่ายการเกิด-ตาย ทรงเล็งเห็นเป็นความทุกข์อันแท้จริงจึงทรงสละฐานันดรกษัตริย์ ซึ่งปุถุชนเห็นเป็นความสุขสมบูรณ์อันสูงงสุดทิ้งเสียและทรงค้นคว้าหาหนทางที่สามารถไปพ้นจากทะเลทุกข์ ทรงลำบากตรากตรำทั้งปฏิบัติและศึกษานานถึง 6 ปี เมื่อกลางคืนวันเพ็ญเดือนหก พระพุทธองค์ทรงค้นพบญาณทวารและวิถีจิต อันเป็น อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณทวาร เป็นประตูวิเศษอันเร้นลับ ซึ่งพระพุทธทีปังกรเคยพยากรณ์ว่าสุเมธดาบสจักสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในภัทร กัปน์ได้นิมิตเป็นแสงดาวสว่างวาบตรงจุดนั้น วิถีแห่งจิต เป็นหนทางอันตรงต่อประตูวิเศษซึ่งเป็นทางสายกลาง อนุตตรสัมมาสัมโพธิ เป็นปัญญาอันยิ่งเพราะรู้ถึง ธรรมญาณ ซึ่งพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิดอันแท้จริง เพราะสภาวะแห่ง ธรรมญาณนั้นมิได้ เกิดจึงมิได้ตาย และไม่อาจนำเอาบัญญัติใด ๆ ในโลกนี้มาเทียบเคียงหรืออธิบายให้ใครเข้าใจได้เลย เพราะสภาวะนั้นพ้นไปจาก รูป และนาม อนุตตรธรรม ที่พุทธองค์ตรัสรู้จึงเป็นเรื่องรับรสได้เฉพาะตนแต่เหตุไฉนตลอด 45 พรรษา พระพุทธเจ้าจึงทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ชี้แนะหนทางเท่านั้น ส่วนการเดินไปสู่จุดหมายปลายทางล้วนต้องประคองจิตด้วยตนเองทั้งสิ้นและเพื่อมิได้ อนุตตรธรรม สูญหายไปจากโลกนี้ พระพุทธองค์ทรงถ่ายทอดประตูวิเศษนี้ไว้ด้วยวิธีอันเร้นลับ มิได้ถ่ายทอดโดยเปิดเผย สมกับคำกล่าวโบราณที่ว่าไม่รู้ถึงหูที่หกสมัยนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางสงฆ์สาวกล้วนเป็นพระอรหันต์ 1,250 รูป ณ ภูเขาคิชฌกูฏแห่งกรุงราชคฤห์และมิได้ตรัสประการใดจึงมีผู้ทูลอาราธนาว่าข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเหตุไฉนวันนี้ พระองค์จึงมิได้ตรัสเทศนาโปรดเวไนยสัตว์เลยในครั้งนั้นพระพุทธองค์ทรงชู


หัวข้อ: Re: จิตเดิมแท้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 18 ธันวาคม 2552 07:23:49
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/pha1.jpg)



(:LOVE:)พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:)พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:)พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:) พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:) พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:) พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:) พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:) พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:)พระสูตรท่านเว่ยหลาง(ฮุยนึ๊ง) (:LOVE:)



ดอกไม้ขึ้นดอกหนึ่งแล้วตรัสว่าตถาคตมีธรรมจักษุอันละเอียดอ่อนสุขุมคัมภีรภาพปราศจากรูปลักษณ์ใด ๆ อยู่ในครรโภทร…........ที่ประชุมสงฆ์สาวกทั้งนั้น มีแต่พระมหากัสสปะซึ่งเป็นผู้สูงอายุหน้าตายับยู่ยี่ด้วยเร่งบำเพ็ญเพียรจน ไม่เคยยิ้มเลยตลอดเวลาที่ปฏิบัติธรรมอยู่ เมื่อเห็นพระพุทธองค์ทรงแสดงรหัสตรัสเช่นนี้จึงรู้ได้ด้วยไวปัญญา พระมหากัสสปะจึงยิ้มครั้งแรกในชีวิตและแสดงกริยาก้มหน้าเป็นการตอบรับ พระพุทธองค์ทรงกล่าวต่อไปว่าตถาคต ได้ส่งมอบธรรมะนี้แก่พระมหากัสสปะแล้ว พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญพระมหากัสสปะว่าเป็นผู้มีปัญญาอันเลิศ จึงทรงแลกบาตรและจีวรกับพระมหากัสสปะปัญหาที่น่าพิจารณาคือบรรดาพระอรหันต์ทั้ง 1,249 รูป นั้นมิได้รู้อนุตตรธรรมเหตุไฉนจึงสามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์พ้นเวียนว่ายตายเกิดได้เล่า คำตอบอยู่ที่บรรดาสงฆ์สาวกทั้งปวงล้วนปฏิบัติตรงตามทางสายกลางที่พระ พุทธองค์ทรงสั่งสอนและประคองจิตของตนเองมิได้พ้นไปจากเส้นทางสายนี้ เช่นเดียวกับพระมหากัสสปะจึงเป็นผู้ได้หนทางแต่มิได้รู้ถึงประตูวิเศษแต่พระพุทธองค์ทรงรู้ถึง ทวารวิเศษ บรรดาสงฆ์สาวกซึ่งรักษาจิตของตนเองในหนทางสายกลางย่อมเดินไปจนถึงทวารวิเศษนี้ ในวันสุดท้ายของการทิ้งกายสังขารเมื่อพระมหากัสสปะได้รับการถ่ายทอด ทวารวิเศษและประคองจิตของตนเองอยู่ในหนทางสายกลาง จึงย่อมเสมอเหมือนพระพุทธองค์เพราะฉะนั้นบาตรและจีวรของพระพุทธองค์จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการถ่ายทอดทวารวิเศษของอนุตตรธรรม สืบต่อกันมาจนถึงพระธรรมาจารย์ หงเหยิ่น องค์ที่ห้า ในครั้งนั้นพระมหากัสสปะจึงเป็นพระธรรมาจารย์องค์ที่หนึ่งซึ่งได้รับรู้ประตูของธรรมญาณอันเป็นหนทางแห่งอนุตตรธรรมนั่นเอง


http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma

http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/)



หัวข้อ: Re: จิตเดิมแท้
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 กันยายน 2554 11:04:58
(http://image.ohozaa.com/i/1bf/we76p.jpg)


ดันกระทู้ขึ้นมา POST ไว้ - 1 ปีกว่ามาแล้ว

(:LOVE:) (:LOVE:) (:LOVE:)