[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เรื่องราว จากนอกโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊ก ที่ 05 ธันวาคม 2553 22:02:34



หัวข้อ: ตัวอะไรกันเนี่ย???
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 05 ธันวาคม 2553 22:02:34
(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/hr1667/630.jpg)
ตัวประหลาดในภาพยนตร์เรื่องกระดึ๊บ

ว่ากันว่า คนเราแต่ละคนมักจะมี "ความหมกมุ่น" ในเรื่องอะไรสักเรื่องสองเรื่อง ซึ่งเราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามที แต่เชื่อเถอะว่า ทุกคนย่อมมีสิ่งที่สนใจเป็นพิเศษอยู่ในใจ  เช่น  บางคนสนใจเรื่องลึกลับ  บางคนเป็นหนอน หนังสือ บางคนสนใจเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องยนต์กลไก ฯลฯ

คนหลายคนหมกมุ่นอยู่กับเรื่องบางเรื่องจน กลายเป็นคนดัง เช่น พวกนักสะสม หรือนักค้นคว้าต่างๆ และวันนี้ ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วย'ตูน ก็จะขอนำเสนอเรื่องของชายคนหนึ่งที่เฝ้าติดตามเรื่องแปลกๆจนชื่อเสียงของเขา เป็นที่รู้จัก นั่นคือ ชาร์ลส์ ฟอร์ท (ค.ศ. 1874-1932) อดีตนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o7/420/500.jpg)
ชาร์ลส์ ฟอร์ท


ฟอร์ทเป็นคนที่ได้ชื่อว่าหลงใหลในเรื่องลึกลับ เขาใช้เวลาหลายปีไปในการค้นคว้าเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นบนโลก และรวบรวมมาเขียนไว้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะ เหตุการณ์ที่ไม่มีใครอธิบายให้ชัดเจนได้ว่าเกิดขึ้นอย่างไร หรือทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำให้สถานการณ์แบบนี้กลายเป็นคำศัพท์ที่เรียกกันว่า ฟอร์เทียน่า

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o8/420/500.jpg)
ปกหนังสือของฟอร์ท


ในช่วงแรกๆที่ฟอร์ทรวบรวมข้อมูล ฟอร์เทียน่ามักจะเป็นเรื่องราวของสิ่งที่หล่นมาจากบนฟ้าอย่างเต็มไปด้วย ปริศนา เช่น จู่ๆก็มีกบ ปลา งู ฯลฯ ตกลงมาจากฟ้าให้คนตกอกตกใจเล่น ซึ่งแม้ในระยะหลังจะมีคนพยายามออกมาอธิบายว่าน่าจะเกิดจากลมที่ไปหอบเอาเจ้า สัตว์พวกนี้ติดมา อยู่บนฟ้า แล้วตกลงมาพร้อมฝน แต่ก็ยังเป็นคำอธิบายที่คลุมเครือ เช่น หากลมจะหอบเอาเจ้าสัตว์พวกนี้มาจริงๆ ทำไมไม่มีของใกล้เคียงติด มาด้วย เช่น ปลาก็เป็นปลาชนิดเดียว ทำไมไม่มาหลายๆชนิด หากลมจะหอบเอาปลาจากทะเลขึ้นมาจริงๆ หรือกรณีหอบกบ หอบงูมา ทำไมไม่มีดิน หิน ทรายติดมาด้วย

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o9/420/500.jpg)
ฝนที่ตกเป็นสัตว์และสิ่งของ


ไม่เพียงเท่านั้น  ยังมีวัตถุหลาย อย่างที่น่าแปลก  และหล่นมาจากฟ้าได้ อย่างประหลาด เช่น วัตถุใสคล้ายเยลลี่ ซึ่งบางทีก็ตกลงมาเป็นวุ้นเฉยๆ หรือบางทีก็เป็นเยลลี่ที่ด้านในเป็นเมล็ดพันธุ์พืชที่สำคัญ พอเอามาเพาะตอนหลังก็ขึ้นงอกงามดีเสียด้วย แต่มันมาได้อย่างไร และเยลลี่นุ่มๆที่หุ้มมันอยู่มาจากไหน ไม่มีใครบอกได้

เหตุการณ์ใน ลักษณะที่อาจเรียกได้ว่า เป็นฟอร์เทียน่าที่โด่งดังมากอีกเรื่องคือ กรณีที่หลายคนเรียกขานว่า รอยเท้าปิศาจ ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองเดวอน ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.1855 ที่จู่ๆพอชาวเมืองตื่นเช้าขึ้นมาก็พบรอยเท้าประหลาด มีลักษณะเป็นกีบ เดินเพ่นพ่านไปรอบเมือง ที่สำคัญมันมีขาเดียว เดินเป็นแนวตรง หรืออาจจะเรียกว่ากระโดดไปเป็นแนวตรง มากกว่า คนส่วนใหญ่บอกว่าเป็น รอยเท้าปิศาจ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่จินตนาการว่า นี่อาจจะเป็นการมาเยือนของเอเลี่ยน ต่างดาวที่เรายังไม่เห็นตัว แต่มันโผล่มากระดึ๊บ...กระดึ๊บ...มาในความมืด แล้วก็หายไปก่อนสว่าง

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o2/420/252.jpg)
กล็อบสเตอร์แห่งทัสมาเนีย


แต่ที่เห็นตัวกันจะจะก็มีอยู่เหมือนกัน เช่นกรณีที่เรียกกันว่า เหตุการณ์ปิศาจ หรือตัวประหลาดที่โดเวอร์ ซึ่งมีเด็กหนุ่มชาวอเมริกัน เจอะเข้าในปี ค.ศ.1977 ที่เมืองโดเวอร์ รัฐแมสซาชูเสตต์ โดยผู้เจอเข้ากับสัตว์ประหลาดตัวนี้บอกว่า ระหว่างขับรถอยู่ก็เจอตัวอะไรสักอย่างปีนอยู่ที่กำแพงข้างๆถนน มันเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาด หัวกลมใหญ่ แต่แขนขาลีบเล็ก ตัวก็เล็กอีกต่างหาก ผู้พบเห็นบอกว่าดูเหมือนทารกตัวเล็กๆ มีวัยรุ่น 2 กลุ่มเจอมันเข้าในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และเห็นเหมือนๆ กัน แต่จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีใครบอกได้ว่ามันคืออะไรกัน แน่ หรืออาจจะเป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่อธิบายไม่ได้ และมันมาจากดาวอันไกลโพ้น เพื่อเยี่ยมเยียนพวกเราชั่วคราว

ส่วนเมื่อเร็วๆนี้ คือเมื่อปลายปีก่อน ก็มีรายงานว่า มีผู้พบสัตว์ ประหลาดรูปร่างเหมือนมนุษย์ต่างดาวที่ประเทศปานามา โดยวัยรุ่น 4 คน แจ้งว่า พบสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง มีแขนยาวเก้งก้าง หัว ล้าน พุงโต ผิวหนังเกลี้ยงเกลา สูงราวๆ  150  เซนติเมตร  อยู่ บริเวณน้ำตกริมทะเลสาบ

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o3/420/252.jpg)
ตัวสลอท


น่าเสียดายว่า วัยรุ่นเหล่านี้เกิดตกใจที่เจอตัวอะไรก็ไม่รู้เข้า แถมเจ้าตัวที่ว่ายังแสดงอาการเหมือนจะพุ่งเข้ามาทำร้ายพวกเขาด้วย วัยรุ่นกลุ่มนี้ก็เลยใช้ก้อนหินปา จนสัตว์ประหลาดนี้เสียชีวิต แต่ก็ยังดีที่มีสติในตอนหลัง และถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนจะโยนซากศพทิ้งทะเล สาบไป และเมื่อนำรูปกลับมาดูกัน ก็กลายเป็นข่าวกระฉ่อนว่าไอ้นี่มันตัวอะไรกันหนอ และถ้าชาร์ลส์ ฟอร์ท ยังมีชีวิตอยู่คงได้บันทึกเรื่องนี้ ไว้ในหนังสือรวมเรื่องประหลาดของเขา

แม้ จะยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน แต่มีผู้ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ สลอท ซึ่งอาจจะถูกโกนขนออก หรือไม่ก็เป็นสลอทกลายพันธุ์ที่ไร้ขนก็เป็นได้

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o4/420/252.jpg)
สัตว์ประหลาดที่โดเวอร์ รัฐแมสซาชูเสตต์


แต่ที่ประหลาดและ หาที่มาที่ไปยากจริงๆคือ พวกตัวประหลาดที่มาจาก ท้องทะเลที่เจอกันบ่อยๆในลักษณะเป็นซากขนาด ใหญ่ แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดไหนกันแน่ ส่วน ใหญ่จะออกแนวมาเป็นก้อนเนื้อหยุ่นๆ เป็นวุ้นขนาดมหึมา ซึ่งพอไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ฝรั่งเลยบัญญัติศัพท์ใหม่มาเรียกขานพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้ว่า กล็อบสเตอร์ หรือบางคนก็เรียกว่าบล็อบ ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกตีความไว้ก่อนว่า เป็นสัตว์ที่ไม่สามารถระบุประเภทที่ชัดเจน จนกล็อบสเตอร์มักจะหมายถึงสัตว์ประหลาดจากมหาสมุทร

กล็อบสเตอร์ส่วน ใหญ่จะมาแบบไม่มีรูปร่าง หรือรูปทรงที่ชัดเจน ไม่รู้ว่าอันไหนหัว อันไหนหาง แต่มาแบบก้อนหยุ่นๆ หรือบางทีอาจมีหนวดให้คนคิดไปได้ว่า เป็นซากปลาหมึกยักษ์ แต่โดยมากหลัง จากพิสูจน์กันชัดๆแล้ว มักจะพบว่าเป็นซากหรือส่วนหนึ่งของวาฬที่ถูกซัดมาเกยตื้น ให้คนตกใจกันเล่นกับขนาดยักษ์ของมัน

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o5/420/252.jpg)
กล็อบสเตอร์ที่เซนต์ออกัสติน


กล็อบสเตอร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด น่าจะเป็นซากที่ถูกพัดขึ้นมาเกยหาดที่เซนต์ออกัสติน  ในฟลอริดา ปี ค.ศ.1896 ก้อนเนื้อขนาดใหญ่นี้ ทำเอาคนตกใจ และไม่รู้จะบอกว่ามันคือตัวอะไรดี ทีแรกก็มีคนบอกว่าน่าจะเป็นปลาหมึก แต่ก็มีผู้ลงความเห็นในท้ายที่สุดว่ามันน่าจะเป็นวาฬ แต่ก็มีอยู่ เหมือนกันกับคนที่เชื่อว่า มันไม่ได้เป็นทั้งปลาหมึก และวาฬ แต่เป็นอะไรสักอย่างที่ยังไม่มีใครรู้

เหมือนกับกรณีที่เป็นข่าวใหญ่ ใน ค.ศ.1962 ที่มีการพบซากสัตว์ขนาด ใหญ่เกยตื้นบนฝั่งทัสมาเนีย มันไม่มีหัว ไม่มีตา ไม่มีอวัยวะอื่น มีแต่ ก้อนเนื้อขนาดยักษ์ ยาวราวๆ 20 ฟุต กว้าง 18 ฟุต หนักตั้ง 8 ตัน หนังเหนียว หนืด และไม่มีใครบอกได้ว่า มันคืออะไรกันแน่ และผ่านมาตั้งเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว มันก็ยังคงเป็นหนึ่งในความลับแบบฟอร์เทียน่าอยู่

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o6/420/252.jpg)
หนังสือพิมพ์ลงข่าวกล็อบสเตอร์


ส่วนในบ้านเรา มีเรื่องที่หากชาร์ลส์ ฟอร์ท มาเจอเข้าก็คงหงายเก๋ง เชื่อว่าท่านผู้อ่านยังจำกันได้กับกรณีเมื่อปี 2549 ที่มีเรื่องฮือฮา หลังมีผู้พบวัตถุใส หยุ่น เหมือนตัวอ่อนของอะไรสักอย่าง หล่นมาในหลายพื้นที่หลังฝนตก จนมีผู้สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นตัวอ่อนของเอเลี่ยนที่คุณแม่สายพันธุ์ ต่างดาวเผลอทำหล่นลงมา แต่ในที่สุดเมื่อมีการพิสูจน์ก็พบความจริงว่ามันเป็นเพียงแผ่นเจลลดไข้ ที่พองน้ำเท่านั้น แต่ก็ทำเอาแตกตื่นไปหลายวัน

และคิดว่าเรื่องนี้คง ไม่ถูกลืมไปจากความรู้สึกของคนไทย จึงมีผู้สร้างหนังสมอง ใสพลิกไอเดีย กลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง "กระดึ๊บ" ที่ได้ไอเดียมาจากสัตว์ประหลาดในข่าว ดังที่ความจริงเป็นเพียงแผ่นเจลลดไข้บวมน้ำ ธรรมดาๆ  แต่ดันหักมุม  (อีกที)  ให้กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวเข้าจริงๆ แถมยัง หน้าตาพิลึกพิลั่นจนใครเห็นก็ต้องร้องว่า เฮ้ย...ไอ้นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย...

(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o10/420/252.jpg)
ตัวประหลาดที่ปานามา



(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/04/131790/l20/o11/420/1003.jpg) รอยเท้าที่เดวอน


 
ทีมงานต่วย'ตูน
http://www.thairath.co.th/content/life/131790 (http://www.thairath.co.th/content/life/131790)


หัวข้อ: Re: ตัวอะไรกันเนี่ย???
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 ธันวาคม 2553 00:57:09
ขอบคุณครับ อ.มด

ชอบครับ

มีอีกไม๊ครับแนว ๆ นี้


หัวข้อ: Re: ตัวอะไรกันเนี่ย???
เริ่มหัวข้อโดย: ยังทุกข์ ที่ 22 สิงหาคม 2555 05:32:04
ประหลาดดีครับ
แต่จะประหลาดเหมือนมนุษย์ ในปัจจุบันหรือเปล่า
ที่แทบจะไม่รู้เพศกันแล้ว