[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ => ข้อความที่เริ่มโดย: พัดลมเพดานหมุนติ้ว ที่ 18 ธันวาคม 2557 14:08:20



หัวข้อ: ดาวที่ดำที่สุดในจักรวาล เท่าที่เคยมีการค้นพบ
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลมเพดานหมุนติ้ว ที่ 18 ธันวาคม 2557 14:08:20
ดาวที่ดำที่สุดในจักรวาล

(https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/v/t1.0-9/10402945_790180647719603_2733934762081218509_n.jpg?oh=dafe6649685644836ed77bbcd1b6c937&oe=550B0820&__gda__=1426334360_0611ea3dd10e07ca9e544ecb888dfd54)

ดำ ที่สุดในจักรวาล การที่อะไรจะดำได้มันจะต้องสะท้อนแสงได้ต่ำ เมื่อแสงไม่สะท้อนออกมาเราก็จะมองเห็นมันเป็นสีดำ และดาวดวงนี้ก็มีค่าการสะท้อนแสงน้อยกว่า 1% ของแสงที่ตกกระทบ

ดาวดวงนี้เป็น ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอื่น(Exoplanet) ที่รู้จักในชื่อ TrES-2b มันมีค่าการสะท้อนแสงน้อยกว่า 1% ทำให้มันเป็นดาวที่ ดำที่สุดในจักรวาล เท่าที่มนุษย์มีการค้นพบในปัจจุบัน(2011)

หากจะถามว่า ค่าความสะท้อนแสงที่ 1% นี้เทียบได้กับอะไร ก็ต้องบอกว่า มันดำกว่า สีอคีลิกสีดำ เสียอีก
ดาว TrES-2b เป็นดาวเคราะห์แก๊ซ ทรงกลมขนาดประมาณดาวดาวพฤหัสบดี ห่างจากโลกประมาณ 750 ปีแสง ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2006 จากโครงการสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจักรวาล ที่มีชื่อโครงการว่า Trans-Atlantic Exoplanet Survey

ถึง TrES-2b จะเป็นดาวแก๊ส และมีขนาดพอๆกับดาวพฤหัสบดี แต่มันแตกต่างจากดาวพฤหัสบดี โดยสิ้นเชิง คือ ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวที่ห่อหุ้มไปด้วยเมฆแอมโมเนีย ที่สามารถสะท้อนแสงได้ถึง 1 ใน 3 ของแสงที่ตกกระทบ แต่ TrES-2b นั้นไม่มีเมฆแอมโมเนียเพราะว่ามันร้อนมาก(1,000 องศาเซลเซียส)
การที่มันเป็นดาวเคราะห์แต่มีอุณหภูมิสูงมาก เป็นผลมาจากการที่มันโคจรใกล้ดาวฤกษ์ ที่ชื่อว่า GSC 03549-02811 มากคือมีระยะห่างเพียง 4 ล้านกิโลเมตร(โลกห่างดวงอาทิตย์ประมาณ 149.6 ล้านกิโลเมตร)

ดาว TrES-2b มีชั้นบรรยากาศเป็น ไอระเหยของโซเดียม(sodium) ไอระเหยของโพแทสเซียม และออกไซค์ของไทเทเนียมที่อยู่ในสถานะของแก๊ส ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการดูดซับแสง แต่ นั้นก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม มันถึงทำให้ดาวดวงนี้มีค่าสะท้อนแสงได้ต่ำกว่า 1%
ถึงมันจะได้ชื่อว่าดาว ที่ ดำที่สุดในจักรวาล แต่ ทั้งดาวก็ไม่ได้เป็นสีดำเสียทั้งหมด คือบางส่วนเป็น สีแดง อันเป็นผลมาจากการที่บริเวณนั้นเกิดการลุกไหม้ จากอุณหภูมิของดาวที่สูงมาก

รายละเอีัยดของการค้นพบนี้ ได้รับการตีพิมพ์ใน วรสารรายเดือนของ the Royal Astronomical Society โดยการค้นพบนั้นได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลจาก กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์(Kepler) ของ นาซ่า ที่มีความสามารถสูงในการตรวจวัด สิ่งที่มีแสงน้อย จากดวงดาวที่ห่างไกล



ขอขอบคุณ: allmysteryworld.blogspot.com/2011/08/darkest.html?m=1