[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เรื่องราว จากนอกโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊ก ที่ 11 ธันวาคม 2553 22:28:13



หัวข้อ: เอเลี่ยน..! ผู้มาจากต่างดาว มาดี..หรือ..มาร้าย?
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 11 ธันวาคม 2553 22:28:13
(http://www.nokroo.com/picture/nokroo_1283620625_1142.jpg)
 
 
 
ไม่ใช่เป็นการพูดเอามันส์อีกแล้วสำหรับผู้มาจากต่างดาว เดินทางมาถึงโลก หรือ ดวงดาวสีน้ำเงิน นักวิทยาศาสตร์ พิสิกซ์ ชั้นยอด 2 คน ของโลก  ต่างยืนยัน...เขามาแล้ว แต่มาดี หรือ มาร้าย ยังไม่รู้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ คนดัง ของโลกชาวอังกฤษผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกซ์อวกาศ สตีเวน ฮอว์กิน ได้ออกมากล่าวเตือนชาวโลกว่าเมื่อมนุษย์ต่างดาวมาถึงโลกแล้วอาจเป็น ภัยต่อมนุษย์โลกและไม่มีข้อสงสัยอะไรอีกแล้วว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่

สตีเฟน ฮอว์กินปัจจุบันป่วยเป็น โรคเส้นประสาทกล้ามเนื้อทั่วร่างกายไม่ทำงาน เขาจึงเดิน และเคลื่อนไหวไม่ได้ แม้แต่คอเอียง ไปด้านหนึ่งตลอดเวลาใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น ตลอดเวลาแต่มันสมองของเขายังคงปราดเปรื่อง
สตีเฟนยืนยันในการแถลงข่าวครั้งนี้ ว่าจากการคำนวณด้วยสมองของตนเอง มีมนุษย์ต่างดาว หรือ เอเลี่ยนแน่นอน เพราะ ในจักรวาล มีกาแล็คซี่ ต่าง ๆ กว่าแสนล้าน แห่งแต่ละกาแล็กซี่มีดวงตาอีกหลายร้อยล้านดวง ทำให้เป็นเรื่องยากที่คิดสรุปว่า โลกของเราเป็น เพียงดวงดาวเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ใน จักรวาลทั้งระบบ
กับคำถามว่าแล้วมนุษย์ต่างดาวผู้ ทรงภูมิปัญญายิ่งกว่ามนุษย์เดินทางมาถึง โลกหรือยังนั้นคงไม่เป็นคำถามที่น่าสนใจอีก ต่อไปเพราะคำถามที่น่าสนใจที่สุดคือ มนุษย์โลกสามารถพัฒนาเทคโนโลยีถึงขั้น ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้หรือไม่
ตัวตนของมนุษย์ต่างดาวมีแน่นอน แต่อยู่ในรูปแบบอะไร เป็นสสาร หรือ พลัง หรือ เป็นอะตอม หรือ อณู แปรเปลี่ยนรูปแบบได้ ตามใจชอบ

สำหรับรูปร่างเอเลี่ยน รูปร่างผอมสูง เหมือนโครงร่างคนหัวโต ตาโต เหมือนลูก           อัลมอนด์ไม่มีจมูกมีปากเล็ก ๆ ไม่มีใบหู ผิวกาย เทาอมเขียวล้วนเป็นจินตนาการได้จากหนัง ฮอลลีวู๊ด
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ด้านดารา ศาสตร์อวกาศก็สร้างจินตนาการเอาว่ารูป ร่างรูปแบบของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวน่าจะเป็น สิ่งมีชีวิตเรืองแสงได้ คล้ายปลาหมึกหรือเป็น สัตว์นักล่าสีเหลืองสด สามารถฆ่าเหยื่อได้โดยการ ใช้หางแหลมทิ่มแทงดังรูปโฉมในหนังเรื่อง พรีเดเตอร์

ทั้งหมดล้วนเป็นข้อสันนิษฐานเพราะไม่มีใครในโลกสามารถมองเห็น             หรือสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวได้

มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนที่สุดมนุษย์ต่างดาว คือผู้ทรงภูมิปัญญาเหนือกว่ามนุษย์โลก มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าโลกเป็นพันปีหรือ หมื่นปี เพราะมิฉะนั้นแล้ว พวกเขาไม่อาจเดิน ทางไกลเป็นระยะทางหลายร้อยหลายพันปีแสงมาถึงดาวโลกได้
สตีเฟน อธิบายอีกว่า หากเอเลี่ยนมาถึงโลกเมื่อใด ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นเดียวกัน ที่เรือใบ 3 เสา ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้ค้นพบทวีปอเมริกาเป็นคนแรก ซึ่งแน่นอนว่า ผู้มาเยือนอาจมีทัศนคติไม่ดีนักต่อชนเผ่า อินเดียนแดงท้องถิ่น ซึ่งมีสภาพชีวิตของสังคม ด้อยพัฒนาในทุกด้าน

จึงมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อมนุษย์ ต่างดาวมาถึงพบว่าชาวโลกใช้ประโยชน์ใช้สอย ได้อีก ก็จะไล่ล่าทำลายล้างเหมือนคนผิวขาว ไล่ล่าอินเดียนแดงจนเกือบสิ้นเผ่าพันธุ์

ในยุคปัจจุบัน จึงเป็นไปได้ว่ามีกลุ่มเอเลี่ยนที่มีวิวัฒนาการสูงส่ง ออกเดินทาง         เร่ร่อนไปในจักรวาลเพื่อค้นหาอาณานิคมดังนั้น จึงกล่าวว่าไม่รู้โชคดีหรือร้ายหากเอเลี่ยน มาถึงโลกของเราแล้ว
การพูดอย่างเปิดอกของสตีเฟน ฮอว์กิน ครั้งนี้ เป็นไปในลักษณะ “คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้” ปกติแล้ว สตีเฟน เป็นคนพูดน้อยมากจนถึงระดับไม่เคยพูดอะไรเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน แต่สมองของเขาทำงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการออกมาเตือนภัยมนุษย์ต่างดาวครั้งนี้ จึงบอกให้รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพเหลืออดเหลือทนที่ชาวโลกต้องเผชิญหน้ากับภัยร้ายแรงโดย ไม่รู้อะไรเลย

ทั้งนี้เมื่อหลายปีก่อน องค์การอวกาศ แห่งสหรัฐอเมริกา หรือ นาซ่า จัดทำโครงการ ใหญ่เพื่อติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกหลายครั้ง หลายหน เช่นส่งยานอวกาศไพโอเนียร์ 10 และ 11ขึ้นสู่อวกาศในปีค.ศ.1972และปี 1973 พร้อมติดตั้งภาพเปลือยผู้ชายผู้หญิงของ มนุษย์โลกรวมทั้งสัญลักษณ์ให้รู้ว่าตำแหน่ง ของโลกอยู่ที่ใดในจักรวาล
ต่อมาได้ส่งยานอวกาศโวยาจเจอร์ 1 และ 2 ขึ้นสู่อวกาศอีก ในปี 1977 พร้อมแผ่น โฟโนแกรม ทำจากทองคำ ซึ่งมีการบันทึกเสียง และภาพของโลกเอาไว้ ซึ่งยานอวกาศทั้งหมด เดินทางร่อนเร่ไปในอวกาศ เพื่อว่าสักวันหนึ่ง ได้พบกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว

ล่าสุดในปี ค.ศ.2008 หรือ 2 ปี ที่ผ่านมา องค์การน่าซ่ายังได้ส่งคลื่นเสียงเพลง “อะครอส ดิ ยูนิเวิร์ส” หรือ ข้ามผ่านจักรวาล ของวงเดอะปีเติลส์ ไปยังจักรวาลอื่น ๆ เพื่อส่งข้อฃวามสันติภาพไปยังมนุษย์ต่างดาว ซึ่งอาจอาศัยอยู่ในกลุ่มดาวเหนือ

องค์การ “เซตี” ได้รับสัญญาณจาก นอกโลกตอบกลับมาอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ไม่มีใครในโลกถอดรหัสสัญญาณได้ว่า หมายถึงอะไร

องค์การเซตี หรือ หน่วยงานวิจัย ค้นหาสิ่งมีชีวิตผู้ทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก (SETI) เพื่อแถลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า แท้จริงแล้ว มนุษย์ต่างดาว อาจนั่งดูโศกนาฎกรรมชีวิต บนโลกมนุษย์อยู่ เหมือนนั่งดูละครโทรทัศน์ น้ำเน่า
แฟงค์ เดร็ค อายุ 79 ปีนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์อวกาศ ชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งองค์กรณ์การเซตี กล่าวยืนยันว่า “ผู้มา จากนอกโลก กำลังยืนดูศึกสงครามความ ขัดแย้งที่มนุษย์โลกกำลังไล่ล่ากันชนิดเลือด ท่วมจอภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้มนุษย์ต่างดาว สรุปได้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นบนดวงดาวสีน้ำเงิน เราอยู่อย่างอารยะชน หรือคนป่าเถื่อน”


“ในทางกลับกันกรณีที่มนุษย์ ต่างดาวไม่ตอบกลับมายังโลก อาจมีเหตุผล                      2 กรณี ประการแรก เอเลี่ยนมองว่าชาวโลก เป็นสิ่งมีชีวิตไม่มีคุณค่าพอที่พวกเขาสมควร คบหาสมาคม อย่างฉันท์มิตรได้ ประการที่สอง แรงส่งคลื่นวิทยุไมโครเวฟ ไปยังดวงดาวต่างๆ นั้นด้วยเทคโนโลยี และ มีกำลังส่งแค่น้อยนิด ไปไม่ถึงถิ่นที่อยูในสภาพคว้าน้ำเหลว” แฟรงค์ ผู้ก่อตั้งเซตีกล่าว

ทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ยุคนี้ทิ้งไป เพราะนับวันเป็นอันตรายต่อโลกและดวงดาว อื่น ๆ หรือ เก็บเอาไว้เพื่อเอาเป็นอาณานิคม กวาดต้องคนไปเป็นทาสเหมือนประวัติศาสตร์โลก เมื่อ 400 ปีก่อน เป็นยุคคนผิวขาวผู้ฉลาดกว่า จากทวีปยุโรปออกล่าดินแดนอาณานิคมจากชน เผ่าที่ด้อยพัฒนากว่า
อย่างไรก็ตาม นักยูเอฟโอ. ชาว อังกฤษผู้หนึ่ง ยืนยันว่ามนุษย์ต่างดาวอย่างน้อย 2 ชนเผ่าเดินทางมาถึงโลก เมื่อราว 5,000 ปีก่อน ดังจะพบว่ามนุษย์โลกได้พัฒนาเทค โนโลยีขึ้นอย่างกะทันหันจากยุคออกจากถ้ำ รู้จักโละ รู้จักปลูกพืช แล้วเจริญพรวดพราดมา เป็นผู้สร้างพีระมิดที่อียิปต์ ค้นพบวิธีทำดิน ปืนที่จีน ค้นพบวิธีทำวงล้อรถโดยชาวกรีกโบราณ ตลอดจนการรู้วิธีจดบันทึกประสบการณ์ตัวเอง เพื่อพัฒนาประสบการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นัก ยู เอฟ โอ. วิตกผู้นี้อธิบายอีกว่า วิธีพัฒนาเทคโนโลยีแก่มนุษย์โลกโดยมนุษย์ ต่างดาวมี 2 วิธี ฃือ ถ่ายทอดวิทยาการความรู้ให้ โดยตรงจากบันทึก นักปราชญ์ชาวกรีกเมื่อ 4,000 ปี ก่อน มีสิ่งมีชีวิตขึ้นจากทะเลมา สั่งสอนวิทยาการแก่ชนเผ่าที่อยู่ริมทะเลสิ่งมี ชีวิตนั้นมีรูปร่างฃล้ายปลา มีเกล็ดเขียวทั้งตัว
วิธีที่ 2 คือ พัฒนาสายพันธุ์มนุษย์ โดยการโคลนนิ่ง โครงสร้าง ดีเอ็นเอ. มนุษย์ ต่างดาวเข้ากับเชื้อพันธุ์ของชาวโลก วิธีนี้ทำให้ ชาวโลกที่ผ่านการโคลนนิ่งสามารถพัฒนา ตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดได้แฃ่ชั่วข้าวคืนเท่านั้น
นัก ยู เอฟ โอ.วิทยาชี้ให้เห็นว่ามนุษย์ โลกสามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้เร็วมากอย่าง เหลือเชื่อ เมื่อ 100 กว่าปีก่อน พี่น้องตระกูลไรท์ เพิ่งสร้างเครื่องบินลำแสงได้สำเร็จเวลาผ่านไป ร้อยกว่าปีเท่านั้นนักวิทยาศาสตร์สร้างยาน อวกาศเดินทางไปสำรวจถึงขอบนอกของสุริย จักรวาลได้แล้ว วิวัฒนาของมนุษย์เช่นนี้ คงไม่ใช่เป็นไป อย่างบังเอิญอย่าง แน่นอนต้องมี สิ่งที่อยู่เบื้องหลัง แต่ก่อนคนเราคิด ว่าเป็นการกระ ทำโดยพระเจ้าแต่ เวลานี้เรามั่นใจ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นฝีมือผู้ทรง ภูมิปัญญาจาก ต่างดาว

“มีคำ ถามว่าแล้วมนุษย์ ต่างดาวเร่งวิวัฒนา การมนุษย์โลก ไปเผื่ออะไร? แต่ ก่อนไม่มีคำตอบ เวลานี้นักวิทยาศาสตร์หลายคนพบว่าการ ปลูกพืชก็ย่อมหวังผลดังนั้นการเร่งให้สายพันธุ์มนุษย์ ฉลาดขึ้นให้เทคโนโลยีทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็เพื่อให้มนุษย์โลกพัฒนาตัวเองไปถึงจุด ๆ หนึ่ง ซึ่งมนุษย์ต่างดาวสามารถใช้ประโยชน์ได้”
“เหมือนเจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่ ต้องเลี้ยงไก่ให้อ้วน มีน้ำหนักดี ปราศจากโลก ทำให้ขายได้ราคา หรือเอาไปเชือดกินก็คุ้มค่า เช่นเดียวกัน หากใครต้องการทาสผู้รับใช้ ไม่เพียง ให้เขาแต่งตัวสะอาดเท่านั้น ต้องเฉลียวฉลาด พอสมควรด้วย” นัก ยู เอฟ โอ. ชาวอังกฤษ กล่าววิเคราะห์อย่างน่าฟัง

นักวิยาศาสตร์ ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับ มนุษย์ต่างดาวระบุว่า การติดต่อกับชาวโลก โดยมนุษย์ต่างดาว แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ระดับแรก หรือ เฟิร์สต ดายด์ การเดินทางมาถึงโลก ระดับที่ 2 ปรากฏตัวให้ชาวโลกเห็น เห็นทั้งรูปจำลอง และ ยานอวกาศ ระดับที่ 3 แอบดู แอบฟัง เพื่อเก็บ ข้อมูล ระดับที่ 4 ลักพาตัวขึ้นยานเพื่อสแกน ตรวจสอบร่างกายอย่างละเอียดระดับที่ 5 เร่งวิวัฒนาการมนุษย์ ซึ่งตรงกับสถานการณ์ ปัจจุบันระดับที่ 6ครอบครองและปรากฏตัวตน ที่แท้จริง
“เราเคยตั้งทฤษฎีเพื่ออธิบายว่า มนุษย์จากต่างดาว ควรมีรูปร่างอะไรสัมมนากัน หลายครั้ง มีข้อสรุปตรงกันประการเดียวว่า สิ่งที่มนุษย์โลกเคยเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว ล้วนเป็นรูปสมมติทั้งสิ้น ตัวตนที่แท้จริง เป็นอะไรอย่างไร ไม่มีใครในโลกสามารถ รู้ได้”

“แต่มีทฤษฎี หนึ่งน่าสนใจผู้มาจาก นอกโลกน่าจะเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่มีสภาพ แต่สามารถแปรเปลี่ยนเป็น อะไรก็ได้ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ดังที่พระชาวทิเบตอธิบายว่า เป็นดวงจิต หรือ ดวงวิญญาณก็ได้”
“ซึ่งเช่นนี้ มีความเป็นไปได้สูง เพราะมีแต่พลังงานไร้สภาพหรือ ดวงจิตเท่านั้น ที่สามารถเดินทางข้ามผ่านมิติแห่งกาลเวลา หรือเดินทางด้วยความเร็วสูงกว่าการเดินทาง ของแสงโดยที่ไม่ได้ความเสียหาย” นัก ยู เอฟ โอ. วิทยาคนเดิมกล่าว

“ทีมงานวิจัยของเรา จึงขอสรุปว่า มนุษย์ต่างดาวเดินทางมาถึงโลกนานแล้ว แต่จะมาดีมาร้าย กาลเวลาเท่านั้นที่จะ บอกได้”

โพสต์เมื่อ : 2010-09-05 00:17:05

http://plak.nokroo.com/browse.php?cat_id=30&id=11701 (http://plak.nokroo.com/browse.php?cat_id=30&id=11701)
 


หัวข้อ: Re: เอเลี่ยน..! ผู้มาจากต่างดาว มาดี..หรือ..มาร้าย?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 12 ธันวาคม 2553 19:53:16
ชอบมากครับ

ผมชอบแนวคิดของ ฮอว์กิ้ง แกเก่งจริง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของนักฟิสิกส์ของโลก นับจากไอน์สไตน์เลย

แถมการพูดของแกครั้งนี้น่าเชื่อถือ มีเหตุผล ลองอ่านหนังสือของฮอว์กิ้งเกี่ยวกับจักรวาลดูครับ เปิดโลกได้มาก

ผมชอบอีกอย่างคือทฤษฏีของนักยูเอฟโออังกฤษ ที่เทียบเรื่องฟาร์มไก่ กับวิวัฒนาการมนุษย์

ขอบคุณมากครับ

ชอบ ๆ ๆ ๆ


หัวข้อ: Re: เอเลี่ยน..! ผู้มาจากต่างดาว มาดี..หรือ..มาร้าย?
เริ่มหัวข้อโดย: ปู่ซ่า....นะเออ ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2555 23:23:41
ผมว่านักฟิสิกส์ เขาเอาความรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์โลกซึ่งประกอบไปด้วยกิเลส ตัณหา มาประกอบแสดงความคิดเห็น
มากเกินไป ซึ่งความเป็นจริงแล้ว อาจจะแต่งต่างจากสิ่งที่นักฟิสิกส์คิดไว้ก็ได้ ในสุริยะจักรวาลมีดาวหลายล้านดวงนับกัน
ไม่ถ้วน อาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่ดีและไม่ดี ปะปนกันไป ที่มาโลกเราก็หลายดวง ผมว่า มนตด คงทำตามใจอย่างตัวเองคิดคงไมได้
เพราะทุกอย่างถูกกำหนดด้วยกรรม ทุกดวงดาวอยู่ในวัฏสงสารเหมือนกัน  (:fall:)


หัวข้อ: Re: เอเลี่ยน..! ผู้มาจากต่างดาว มาดี..หรือ..มาร้าย?
เริ่มหัวข้อโดย: ยังทุกข์ ที่ 22 สิงหาคม 2555 06:14:08
บางทีเขาอาจจะรู้จักมนุษย์ดีแล้วก็ได้ว่า 

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวไม่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่พยายามที่จะพูดคุยกับมนุษย์อีกเลย
เพราะเขาได้อ่านคำกลอนของสุนทรภู่นั่นเอง


หัวข้อ: Re: เอเลี่ยน..! ผู้มาจากต่างดาว มาดี..หรือ..มาร้าย?
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 22 สิงหาคม 2555 11:32:16
บางทีเขาอาจจะรู้จักมนุษย์ดีแล้วก็ได้ว่า 

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวไม่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่พยายามที่จะพูดคุยกับมนุษย์อีกเลย
เพราะเขาได้อ่านคำกลอนของสุนทรภู่นั่นเอง

 ;D (^^)