[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 11 ธันวาคม 2553 23:30:51



หัวข้อ: ชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 11 ธันวาคม 2553 23:30:51
(http://lh5.ggpht.com/_0PApGu2nb30/TN1dX9SUVnI/AAAAAAAAA_U/eu9Wwd7xEAU/487395428-9.jpg)


......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................


ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ......................



(https://8201217188606720352-a-1802744773732722657-s-sites.googlegroups.com/site/boodbrother/7star/chxpingbuy2/216148.gif?attachauth=ANoY7creRBJ7GTh2iBWfrEu0-K9EThu9qgs8chsSxhBqbWpIKIwCcmYjF-8nvKFknsBNERJ8Si9PVj7ixBG9T0Q8m2vV1t0P3_2aJqJJSkw3jQyu3ihkVMrymO62IPwzyxDCHuPAxYhsq-_NcJnYvmegjkDOz3rWE34LFpfCrVhL7E_TTQaQKTogyEXEdHrNHxMDWlsUnJUu_TSBfxiiW79p1ebOahgNvg%3D%3D&attredirects=0)

http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma

ชีวิตเป็นกระแสจิต

เกิดดับสืบต่อกันทีละขณะจิตเรื่อยไป

ตั้งแต่เกิดจนตาย

จากชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่ง

กิเลสทุกชนิดเกิดขึ้นเพราะ

ได้สะสมมาแล้วในอดีต

เมื่อปัญญายังไม่เจริญถึงขั้นดับกิเลส

กิเลสก็เกิดอีก ๆ ต่อไปในอนาคต




คุณยุพา จากการสนทนาธรรมกันเสาร์ที่แล้วก็มีข้อสงสัยอยู่ อนิจจัง กับ ทุกขัง

ลักษณะต่างกันอย่างไรค่ะ

ท่านอาจารย์ คำว่า ไตรลักษณ์ หมายความถึง ลักษณะทั้ง ๓ ค่ะ ไม่ใช่เพียง

ลักษณะเดียว จึงใช้คำว่า ไตรลักษณ์เพราะฉะนั้นคำว่า อนิจจัง คือสภาพที่ไม่เที่ยง

เกิดขึ้นแล้วดับไป คำว่า เป็นทุกข์และคำว่า อนัตตาไม่ได้แยกกันเลยเป็นลักษณะ

ของสภาพธรรมซึ่งเมื่อเกิดแล้วดับ ลักษณะที่เป็น อนิจจังไม่เที่ยงนั่นแหละเป็น ทุกข์

เพราะฉะนั้น...........ไม่ใช่แยกลักษณะที่เป็นทุกข็ต่างหากจากสภาพธรรมที่เกิดดับแต่

สภาพธรรมใดก็ตามที่เกิดขึ้นแล้วดับไป สภาพธรรมนั้นเองเป็นทุกข์ แล้วสภาพธรรมที่

เกิดดับจึงเป็นทุกข์นั่นแหละ เป็นอนัตตา คือไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตนไม่มีใคร

สามารถที่จะยับยั้ง สภาพธรรมที่เกิดว่าไม่ให้ดับไปได้ เพราะฉะนั้นลักษณะทั้ง ๓ ไม่

แยกจากกันเลยจึงชื่อว่า{ไตรลักษณ์}เมื่อเกิดแล้วดับ จึงเป็น ทุกข์ จึงเป็น อนัตตา

ไม่ใช่ว่า ลักษณะนี้เกิดดับแล้ว ลักษณะ อื่นเป็นทุกข์ แล้วอีกลักษณะหนึ่ง

เป็นอนัตตาแต่ สภาพธรรมที่เกิดนั้นเอง ดับ ไม่เที่ยง เป็น ทุกข์ และ เป็น อนัตตา

ไม่ทราบว่ายังมีข้อสงสัยอื่นอีกหรือเปล่าค่ะ

คุณอดิศักดิ์ คำว่า อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง

คำว่า ทุกขัง แปลว่า ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้

ลักษณะ มันก็เหมือนกัน ทำอย่างไรจึงจะเข้าใจได้ชัดแจ้งขอให้อาจารย์

อธิบายให้ละเอียดหน่อย

ท่านอาจารย์ ลักษณะที่ไม่เที่ยงนั้น ควรจะเป็นลักษณะที่พึงเห็นหรือควรเห็นว่า

เป็นทุกข์ ทุกข์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้เศร้าโศกแต่หมายความว่าไม่ควรเป็นที่

เพลิดเพลินยินดี - ตรงกันข้ามกับลักษณะที่น่าเพลิดเพลินยินดี

เพราะฉะนั้น....อรรถ.....หรือ ความหมายอีกอย่างหนึ่งของสภาพธรรมที่เป็นทุกข์ก็

คือ ตรงกันข้ามกับเป็นสุข เพราะว่าถ้าสภาพธรรมใดเป็นสุขก็เป็นที่ยินดีพอใจแต่

ทำอย่างไรจึงจะคลายความเพลิดเพลินยินดีได้ ถ้ายังคงเห็นลักษณะนั้นน่าพอใจ ถ้า

ยังคงเป็นลักษณะที่น่าพอใจอยู่ก็จะติดและจะเพลินอยู่เรื่อย ๆ จนกว่าจะเห็นว่า

ลักษณะนั้นไม่น่าพอใจเลยไม่ควรจะเป็นที่ติดที่ยินดี เพราะฉะนั้น.....ลักษณะนั้นตรง

กันข้ามกับสุข

นี่คือความหมายของคำว่า ทุกข์ ไม่ใช่ ให้เจ็บปวดให้ทรมาน หรือไม่ใช่ให้

เศร้าโศกเสียใจ แต่เห็นว่าไม่ใช่สภาพธรรมที่ควรติดหรือว่าควรยินดี ควรเพลิด

เพลินอีกต่อไปทั้ง ๆ ที่สภาพธรรมในขณะนี้ทุกคนก็เห็นว่าไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับ

ไปจริง ๆ อย่างเสียงเป็นต้นปรากฏนิดเดียวชั่วขณะหนึ่งแล้วก็หมดไปแล้วทำไม

ไม่เห็นว่าเป็นทุกข์ คือ ยังไม่ยอมเห็นว่าเป็นสภาพที่ไม่น่ายินดีไม่น่าจะติด

ไม่น่าที่จะยินดีเพลิดเพลินต้องการ

เพราะฉะนั้นลักษณะที่เป็น ทุกขลักษณะ ซึ่งเป็นไตรลักษณ์เป็นสภาพที่เห็น

ยากไม่ใช่ว่าจะเห็นง่าย เพราะว่าจะต้องประจักษ์ถึงความเกิดขึ้นและดับไปจึง

สามารถจะเห็นว่าลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏในขณะนี้เป็นทุกข์เพราะไม่ควร

เพลิดเพลินยินดีทั้งนั้น ถ้ายังไม่ประจักษ์ก็ยังคงพอใจอยู่แน่นอนเพราะว่าสภาพ

ธรรมใดดับไปแล้วสภาพธรรมอิ่นก็เกิดสืบต่อทันทีทำให้ไม่ประจักษ์ในการดับไป

ของสภาพธรรมก่อนเพราะว่ามีสภาพธรรมอื่นเกิดขึ้นสืบเนื่องทันทีดูไม่น่าประหวั่น

เพรั่นพรึงเลยใช่ไหมค่ะ พราะว่าไม่น่าประจักษ์การขาดตอนของของการดับไปและ

การเกิดขึ้นของสภาพธรรมแต่ละขณะ

คุณอดิศักดิ์ เมื่อไม่อยู่ในสภาพเดิมก็แปลว่าไม่เที่ยงมันก็น่าจะเหมือนกัน

ท่านอาจารย์ พอไหมล่ะค่ะไม่เที่ยงก็ไม่เที่ยงแต่ไม่เที่ยงแล้วไม่เห็นว่าเป็นทุกข์

นี้สิค่ะ เพราะฉะนั้น.........จึงต้องแสดงลักษณะที่ไม่เที่ยงนั้นควรเห็นว่าเป็นทุกข์ เพราะว่า

ลักษณะจริง ๆ เป็นอย่างนั้น คือ เป็นสภาพที่ไม่ควรยินดีคำว่าทุกข์ที่นี่หมายความ

ถึงสภาพที่ไม่ควรยินดี ตรงกันข้ามกับสุขถ้าบอกว่าไม่เที่ยงก็ไม่มีการ สลดไม่

เที่ยงก็ไม่เที่ยง เพราะว่าไม่ประจักษ์ว่า ลักษณะที่ไม่เที่ยงนั้นเป็นทุกข์ จึงต้องทรง

แสดงทั้ง ๓ ของสภาพธรรมที่เกิด ว่าสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับแล้วนั้น เป็นทุกข์ด้วย

ไม่เพียงแต่ไม่เที่ยงเฉย ๆ ค่ะ ไม่ควรเป็นที่ยินดี เพลิดเพลินหรือพอใจแต่จะต้อง

ประจักษ์ลักษณะที่เกิดดับจริง ๆ จึงจะเห็นว่าเป็นทุกข์อย่างไร เป็นทุกข์โดยที่ว่าไม่

น่ายินดี พอใจในสภาพที่เพียงเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเท่านั้นเองจะให้แต่แสดง

ลักษณะที่ไม่เที่ยง และไม่ให้แสดงว่า ลักษณะที่ไม่เที่ยงนั้นเป็นทุกข์ด้วยหรือคะไม่

จำเป็นหรือค่ะซึ่งความจริงแล้วจำเป็นมากเพราะว่าที่จะรู้ว่าไม่เที่ยงต้องเห็นว่า

เป็น ทุกข์ด้วย


จากการสนทนาธรรม มูลนิธิศึกษาอภิธรรม บ้านธรรมะ บุคโล ฝั่งธนบุรีโดยคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ



face book........http://www.facebook.com/itsariyathanakorn (http://www.facebook.com/itsariyathanakorn)

twitter.........http://twitter.com/soka45 (http://twitter.com/soka45)

My Blog.........http://yoawarat.blogspot.com/ (http://yoawarat.blogspot.com/)

My Blog.......http://drinkmecome.blogspot.com/ (http://drinkmecome.blogspot.com/)

ชอปปิ้งกัน........https://sites.google.com/site/boodbrother/7star/chxpingbuy2 (https://sites.google.com/site/boodbrother/7star/chxpingbuy2)

ฟอรั่ม........http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/)



นานมาแล้ว ยังมีบัณฑิตหนุ่มฐานะค่อนข้างยากจนคนหนึ่งอาศัยอยู่ในชนบท มีความใฝ่ฝันที่จะเข้ารับราชการเป็นขุนนาง
เขาเพียรศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ จนแตกฉาน ครั้นถึงวาระอันสมควรก็จัดเตรียมข้าวของสัมภาระเพื่อที่จะไปสอบคัดเลือกยังเมืองหลวง
ระหว่างทาง ชายหนุ่มผู้นี้ได้พบกับหมอดูมีชื่อเสียงคนหนึ่ง ซึ่งได้ทำนายเขาว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกได้ไม่นานนัก ควรคิดกลับบ้านเสียเถิด ชายหนุ่มผู้นี้รู้สึกหมดอาลัยในชีวิตเดินไปริมน้ำเพื่อที่จะโบกเรือกลับสู่ถิ่นฐานของตน ทันใดนั้นเ้ขาต้องตกใจเมื่อเห็นสตรีมีครรภ์ผู้หนึ่งจูงลูกน้อยเดินอย่าง เหม่อลอยตรงไปในทะเล เขาวิ่งอย่างเร็วตรงไปยังสตรีผู้นั้น ช่วยชีวิตนางและบุตรของนางได้ทันเวลา
ต่อมาภายหลัง เขาจึงทราบสาเหตุที่แท้จริงของนางในการคิดฆ่าตัวตายครั้งนี้ เนื่องจากสามีของนางใช้ให้นำวัวไปขายทอดตลาด เมื่อขายวัวได้แล้วปรากฏว่าเหรียญที่นางได้รับไว้นั้นไปจับจ่ายของในร้าน แห่งหนึ่งไม่ได้ เจ้าของร้านไม่ยอมรับบอกว่าเป็นเหรียญปลอม ดังนั้นนางจึงเกิดความกลัวไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับสามี ซึ่งปกติเป็นคนดุร้ายมาก ถ้าเกิดรู้เรื่องขึ้นคงไม่ปล่อยนางไว้แน่ ๆ
ชาย หนุ่มเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงทำทีขอดูเงินนั้น แล้วแอบเปลี่ยนเอาของตนที่มีอยู่ซึ่งเป็นเงินแท้ส่งให้นาง แล้วบอกแก่หญิงนั้นว่า"เหรียญเหล่านั้นเป็นของแท้ ใช้ซื้อของต่าง ๆ ได้ให้นางนำไปลองใช้ที่ร้านอื่น ๆ ใหม่เถิด"การกระทำของเขาในครั้งนี้เท่ากับช่วยชีวิตคนไว้ถึง 3 ชีวิต แต่พอตกดึกเขาก็ต้องไปนอนในศาลร้างเพราะว่าหมดเงินเสียแล้ว พอกำลังเคลิ้มหลับ เขาได้ยินเสียงชาย 2 คนคุยกันว่า จะมาถล่มศาลนี้ให้ราบ เขาได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งออกจากศาลร้างได้ทันท่วงที
วันรุ่งขึ้นเขาได้พบกับหมอดูอีกวาระหนึ่ง คราวนี้หมอดูมองหน้าชายหนุ่มอย่างฉงนสนเทห์ พร้อมกับถามว่า"ที่ดูดวงหน้าของท่านไม่หมองคล้ำเหมือนดังแต่ก่อน ท่านคงไปทำกุศลยิ่งใหญ่อะไรไว้แน่ ๆ คราวนี้ไม่เพียงจะอายุยืนยาวถึงร้อยปี แต่ยังจะเป็นขุนนางที่มียศและชื่อเสียงขจรไกลทีเดียว"
พูดจบหมอดูยื่นเงินให้ชายหนุ่มเพือ่ใช้เป็นค่าเดินทางต่อไปยังเมืองหลวงและอวยพรให้เขาโชคดีและสมหวังในสิ่งที่เขาปรารถณา
ความดีที่บัณฑิตหนุ่มทำไปโดยไม่หวังอะไรตอบแทนนั้น หลังจากนั้นไม่นาน มีผลทำให้ชีวิตของเขาประสบความสำเร็จได้รับทั้งเกียรติ์นิยม
ชื่อเสียง และมีอายุยืนยาว สมดังคำทำนายของ ซินแส หมอดูทุกประการ.................................

..........จบ.......

จาการเรียบเรียงบทความของผู้ใช้นามแฝงว่า ตอไม้ บันทึกไว้ปี 2528

มัชฌิมประภาสปุญสถาน

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ......................


หัวข้อ: Re: ชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 12 ธันวาคม 2553 20:20:58
ขอบคุณครับ