[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 14 มกราคม 2558 15:41:26



หัวข้อ: ผลบุญ 9 ประการ
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 14 มกราคม 2558 15:41:26
.

(http://www.bloggang.com/data/t/thammakittakon/picture/1249133001.jpg)
ผลบุญ 9 ประการ


ผลบุญ 9 ประการ

1. ผลบุญจากการสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
 
กรรณกะเทพบุตร ผู้มีวรรณอันงามผุดผ่อง มีเครื่องประดับกายแล้วไปด้วยแก้ววิเศษ มีรัศมีมีเรืองรองพวยพุ่งรุ่งโรจน์ ดูเปล่งปลั่งสุกใสไปในทิศทั้งหลาย มีนางเทพอัปสรเก้าหมื่นเป็นยศบริวาร เสวยสุขออยู่ ณ เมืองแมนแดนสวรรค์ เมื่อเขาเป็นมนุษย์ เป็นชายหนุ่มมีภูมิลำเนาอยู่เมื่องอนุราธบุรี วันหนึ่งเขาได้ดอกไม้ คือ ดอกกรรณณิกาประมาณเท่ากำมือหนึ่งแล้วนำไปสักการะบูชาพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าด้วยใจนับถือเลื่อมใส เขาตายจากชาตินั้นแล้ว บุญนั้นได้บันดาลให้เขาบังเกิดในแดนสวรรค์ เสวยสุขเกษมในแดนสวรรค์ตราบเท่าทุกวันนี้
 
ท่านธาตุปูชกะเถระ เป็นพระอรหันต์ ทรงคุณวิเศษองค์หนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเรานี้ ในกัลป์ที่ 94 นับแต่กัลป์ปัจจุบันนี้ถอยหลังไป มีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งบังเกิดขึ้นในโลก ชื่อสิทธัตถะ สัมพุทธะ และเมื่อปรินิพพานแล้ว ครั้นนั้นท่านได้พระธาตุองค์หนึ่ง "คือดวงหนึ่ง" ของพระพุทธเจ้าองค์นั้นแล้วเก็บไว้บูชา ดังว่าบูชาพระพุทธองค์ผู้สูงสุดฉะนั้น เขามิได้ทำการบูชาอยู่เนืองๆ ตลอดเวลา 5 ปี เพราะผลบุญนั้น ตลอด 94 กัลป์ เขามิได้รู้สึกในทุคติเลย ไม่ได้ไปเกิดในนรก ในเปรต ในอสูรกาย ในเดระฉาน แม้เป็นคนใบ้ บ้า หนวก บอดก็ไม่มี มีแต่เกิดที่สุคติโลกสวรรค์  ชาติปัจจุบันในพุทธกาลนี้ เขาได้เป็นพระอรหันต์ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยคุณ คือ ปฏิสัมภิทา 4 อภิญญา 6 วิชชา 8 ล่วงวัฏสงสารแล้วฯ  

นางเทพธิดาองค์หนึ่ง ผู้เป็นบริสัทของท้าวสักกะเทวราช มีปราสาท และเครื่องประดับเรืองเหลืองอร่าม แม้ม้าและรถก็ล้วนเป็นที่ยินดีทั้งนั้น เมื่อนางบังเกิดขึ้นบนแดนสวรรค์ ท้าวสักกะมีความสนพระทัยมาก จึงได้ถามนางดู นางกราบตอบสนองโองการว่า เหตุที่นางได้สมบัติทิพย์เหล่านี้ๆ โดยที่นางนำเอาดอกบวบขม 4 ดอก ถือเดินไปเพื่อจะบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ของพระพุทธเจ้า แต่เพราะความประมาท ได้ถูกแม่โคขวิดถึงแก่กรรมเสียก่อนไม่ทันได้ไปสักการะบูชาพระบรมธาตุเจดีย์นั้นแม้บุญที่เกิด แต่จิตและขวนขวายนี้ ก็ยังบันดาลให้นางมาเกิดในเทวพิภพอันมีความสุขอันน่ายินดีนี้ ฯ

สมัยพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ราวร้อยกว่าปี พระอรหันต์เจ้าและพระฤาษีเจ้าได้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้แล้ว ณ เมื่อโยนกบุรีศรีช้างแสน (ในจังหวัดเชียงรายปัจจุบัน) ลาวจกะ 2 ผัวเมียซึ่งอยู่ที่นั้น มีใจจงรักนับถือ นำดอกไม้ธูปเทียนไปสักการะบูชาทุกค่ำเช้า ตายจากนั้นก็ได้เกิดเป็นเทวบุตร เทวธิดา มีวิมานอันเลิศอยู่ปลายเขาสุคันธรแล.
 
2 ผลบุญจากการไหว้และสักการะบูชาต้นโพธิ์
ท่านโพธิวันทเถระ ในกาลแห่งพุทธเจ้าเรานี้ 91 กัลป์ มิได้เกิดในทุคติเลย เกิดท่องเที่ยวอยู่แต่สวรรค์และมนุษย์อันเป็นสุคติเท่านั้น เพราะผลบุญจากการทำความเคารพไหว้ต้นโพธิ์ อันเป็นพันธุ์ที่คล้ายต้นที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ก็ในกัลป์นั้นแล พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งบังเกิดขึ้นในโลกนามว่าวิปัสสีสัมมาสัมพุทธะ ในกาลนั้นท่านโพธิวันทกะนี้ได้ไปพบไม้แคฝอยอันมีใบงามเกิดขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่ง จึงนึกขึ้นในใจว่า ไม้นี้เป็นไม้พันธุ์เดียวกับที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ จึงทำความเคารพโดยทำผ้าเฉียงบ่าคือลดผ้าห่มลงจากบ่าขวา แล้วเฉียงชายผ้าขึ้นซ้อนทับชายผ้าทางบ่าซ้ายแล้วประคองมือทั้ง 2 กระทำอัญชลี (ไหว้) ในใจก็นึกว่าเราไหว้ไม้แคฝอยโพธิพฤกษ์นี้ด้วยความเคารพนับถือประหนึ่งใหว้พระพุทธเจ้าผู้ควรเคารพสูงสุด ซึ่งยังดำรงพระชนม์อยู่ฉะนั้น

พุทธกาลนี้ท่านก็จุติจากเทวโลกมาเกิดในตระกูลดี พอวัยสมควรก็ได้เข้ามาในธรรมวินัยของพระพุทธองค์แล้วกระทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษ แลกัลป์หนึ่งๆ นั้นเป็นเวลาอันนานนักหนา เราไม่อาจจะวัดหรือเขียนเป็นตัวเลขให้รู้ได้ แต่กัลป์หนึ่งๆ นั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสเปรียบเทียบไว้ ซึ่งตรัสแก่ภิกษุว่า บุคคลคนหนึ่งพึงเกิดมาแล้ว แล้วสิ้นอายุ ตายไปเกิดในโลกอื่น แล้วสิ้นอายุจากโลกอื่นๆมาเกิดใหม่ในโลกนี้ เขาท่องเที่ยว เพื่อเกิดตาย เกิดตาย สิ้นระยะกาลกัลป์หนึ่ง พึงมีกองกระดูกสูงใหญ่เท่าภูเขาเวบุลบรรพตนี้ หรือเปรียบไว้ว่า ภูเขาแล้ด้วยศิลาสูงหนึ่งโยชน์ กว้างหนึ่งโยชน์ 4 เหลี่ยมร้อยปีพึงมีเทพเจ้านำเอาผ้าเนื้ออ่อนดังปุยสำลีมาปัดหนึ่งครั้ง กว่าภูเขาศิลานั้นราบเรียบเป็นหน้ากลองจะเป็นเวลาประมาณหนึ่งกัลป์ หรือเปรียบว่า พึงมีกำแพงสูงหนึ่งโยชน์กว้างหนึ่งโยชน์ 4 เหลียม ร้อยปีพึงมีผู้นำเมล็ดพันธุ์ผักกาดมาใสลงหนึ่งเมล็ด กว่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้น จะเต็มกำแพงนั้นพึงเป็นเวลาประมาณกัลป์หนึ่งแล

ท่านเอกทีปิยเถระ ในพุทธกาลนี้แสนกัลป์มิได้ไปเกิดในที่ทุคติเลย คงเกิดแต่สวรรค์คติ มนุษย์คติที่สมบูรณ์ที่ล้ำเลิศกัลป์ ที่ 16000 แต่กัลป์นี้ถอยหลังไปเมื่อมาเกิดในมนุษย์ได้เป็นบรมจักรพรรดิ์ในกลัป์เดียวกันถึง 4 ครั้ง มีนามว่าจันทภา มีศักดิ์มีกำลังมาก ผลบุญของท่าน ที่ได้นำเอาประทีปดวงหนึ่งไปสักการะบูชาตามไว้ที่ไม้โพธิพฤกษ์(คือไม้สน) อันเป็นไม้ที่พระประทุมัตระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ชาติปัจจุบัน คือ สมัยพุทธกาลได้เข้ามาบวช ได้ทำให้แจ้งซึ่งญาณอันวิเศษระลึกชาติได้วิชา 3 ได้ทำให้แจ้งแล้ว
 
3 ผลบุญจากการก่อเจดีย์ทราย
วาฬุกะเทพบุตร ผู้อันเสวยสุขอยู่ในสรวงสวรรค์ มีเครื่องประดับกายอันแล้วด้วยแก้วควรยินดียิ่งนัก มีพรรณอันงามจับจิต มีรัศมีรุ่งเรืองเปล่งออกจากกายโดยรอบสง่างามอยู่เหนือวิมานรัตน์ แวดล้อมไปด้วยเทพอัปสรงามแสนนางดังพระจันทร์วันเพ็ลอยเด่นอยู่กลางอัมพร แวดล้อมประดับประดาไปด้วยดวงดาวงามระยับ ท่านเทพบุตรนี้จะบันเทิงสุขไม่มีทุกข์อยู่ในแดนสวรรค์นี้สิ้นกาลนาน ทิพย์สมบัติที่เขาได้นี้ ก็เพราะเขาก่อเจดีย์ทรายไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อเป็นมนุษย์ครั้งนั้น เขาเป็นมนุษย์ยากไร้อยู่เมืองอนุราธบุรี วันหนึ่งไปเที่ยวเกี่ยวหญ้าขายบังเอิญไปพบทรายขาวงามเข้าที่หนึ่ง จึงวางเคียว แล้วกระทำทรายนั้นไห้เป็นจอม พอเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่าเป็นพระเจดีย์ทราย แล้วนำเอาดอกไม้สีต่างๆ มาโปรยปรายประดับประดาบูชา ดวงใจก็นึกน้อมถึงพระพุทธคุณเป็นอารมณ์ เขาตายจากชาตินั้นบุญนั้นก็บันดาลให้เขามาเกิดในแดนสวรรค์นี้แล.
 
อันแดนสวรรค์นี้ แม้อย่างเลวก็มีความสุขยิ่งในแดนมนุษย์มาก แม้จะเป็นถึงเศรษฐี ราชา มหากษัตริย์ ก็ไม่เท่าความบันเทิงสุขส่วนหนึ่งของเทวดาสามัญในแดนสวรรค์ สวรรค์จึงเป็นโลกอันควรยินดีแล วาฬุวกะเทพบุตรนี้ ได้มาเกิดในแดนสวรรค์ชั้นที่ 2 ชั้นนี้มีท้าวสักกะเทวราชเป็นใหญ่ปกครองอยู่ในชั้นนี้.


4 ผลบุญจากการยกตุงตั้งไว้เป็นพุทธบูชา
ท่านธชทายกะเถร ในพุทธกาลนี้ได้ยกธงขึ้นไว้เป็นพุทธบูชา 92 กัลป์แห่งพระติสสทศพลมาในทุคติเลย เกิดแต่ในสุคติฝ่ายเดียว เมื่อเกิดท่องเที่ยวอยู่ในสุคติ ได้เกิดในแดนสวรรค์ 300 ครั้ง ได้เกิดในแดนมนุษย์ เป็นบรมจักรพรรดิ์อันถึงพร้อมด้วยสมบัติวิเศษถึง 500 ครั้ง เป็นราชามหากษัตริย์อันไพบูลย์นับไม่ถ้วน สมบัติวิเศษของบรมจักรพรรดิ์นั้นมีแก้ว 7 ประการเป็นต้น คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปรินายกแก้ว อันจักรแก้วเป็นต้นนั้น ย่อมเป็นไป โดยอัศจรรย์เมื่อบรมจักรพรรดิ์เจ้า ทำผ้าอุตราสงค์เฉียงบ่าแล้ว จับพระเต้าทองด้วยพระหัตถ์ซ้าย ทรงประพรมสุคนธวารีจักรด้วยพระหัตถ์ขวา แล้วตรัสว่า ขอจักรแก้วอันประเสริฐ จงเป็นไปเถิด ขอจักรแก้ว จงชนะโลกเมื่อตรัสดังนั้น แล้วจักรแก้วก็จะเลื่อนลอยไปในทิศทั้ง 4 เจ้าบรมจักรพรรดิ์ พร้อมด้วยจาตุรงคินี เสนาก็เลื่อนลอยไปพร้อมกัน เมื่อจักรนั้นพาไปในทิศทั้ง 4 เจ้าราชามหากษัตริย์ทั้งหลายก็จะยอกรน้อมถวายราชอาณาจักรให้ และเป็นข้าใต้ฝ่าธุลีพระบาท และขอรับโอวาทจากพระบรมจักรพรรดิ์ท่านก็จักประทานโอวาทให้ ตั้งอยู่ในศีล ในธรรม มีการไม่ให้ฆ่าสัตว์ ไม่ให้เบียดเบียนกันเป็นต้น
 
ท่านอุปวาณะเถร ในพุทธกาลนี้ เป็นบุตรพราหมณ์มีทรัพย์มาก และข้าทาสมากได้สละฆราวาสถือบวชในพระพุทธศาสนาแสนกัลป์ มิได้เกิดในที่ชั่วที่ทุกข์เลย เกิดแต่ในที่ดีที่มีสุข คือเกิดรื่นรมณ์อยู่ในแดนสวรรค์ 3 หมื่นกัลป์ เป็นเทวราช 80 ครั้ง เป็นบรมจักรพรรดิ์พันครั้ง เป็นราชามหากษัตริย์นับมิถ้วน มีจตุรงคเสนาแวดล้อมเป็นนิตย์ ดนตรีหกหมื่นประโคมแวดล้อมเป็นนิตย์ หญิงสาวแปดหมื่นหกพันนางประดับงามมีอาภรณ์ วิจิตรสรวมมณี กุลฑลแวดล้อมเป็นนิตย์  ผลบุญของท่านคือ ในแสนกัลป์ พระปทุมบุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกและเมื่อปรินิพานแล้ว ครั้นนั้นท่านเป็นคนแร้นแค้น เข็ญใจ ในเมืองหงสาวดี แห่งนครนั้นนั่นเองได้สละผ้าห่มของตนหนึ่งผืน ซึ่งซักขาวสะอาดดีแล้วๆ คล้องใส่ปลายไม้ไผ่ยกขึ้นเป็นตุง ตั้งไว้ในอากาศ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุต่างองค์พุทธเจ้าตายจากนั้นแสนกัลปเกิดแต่ที่สุขรื่นรมณ์ไม่ไปเกิดทุคติเลย
 

5 ผลบุญจากการสละทาน
เจ้าสีพีรัฐ ครองนครสีพี สอนบรรดาบริษัทข้าราษฏร์ใหญ่น้อยว่า จงให้ทานก่อนแล้วจึงบริโภคเถิด ในโลกนี้ไม่มีอะไรประเสริฐกว่าการให้ จงดูเราเถิด สละดวงตาดวงตาทั้ง 2 ให้แก่วนิพก จึงได้ดวงตาทิพย์เห็นผลประจักษ์ในปัจจุบัน เห็นทะลุแม้ในและนอกกำแพงและภูเขาตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ การให้ทานจะให้แก่สมณะก็ดี ให้แก่ผู้ปฏิบัติธรรมก็ดี ให้แก่ผู้เดินทางก็ดี ให้แก่คนใช้ก็ดี ให้แก่คนกำพร้า หรืออนาถาเข็ญใจก็ดี ให้แก่ผู้ดี ถึงคราวเคราะห์ร้ายประสบทุกข์ก็ดี การให้แม้ให้ก้อนข้าวแก่นกแก่ปลาสักหน่อยหนึ่งก็ดี ก็ย่อมมีผลมาก และประเสริฐทั้งนั้นดังตัวอย่าง เทพบุตรหนึ่งเถิดเทพบุตรองค์หนึ่ง มีพรรณงามนักหนา ประดับไปด้วยเครื่องประดับงาม รัศมีเปล่งปลั่งน่ายินดี มีนางเทพอัปสรประมาณพันนางเป็นบริวาร เทพบุตรองค์นี้ท่านจะเสวยสุขอยู่ในแดนสวรรค์นี้ไม่ต่ำกว่าสามล้านหกแสนปี หาทุกข์มิได้

การทำบุญของท่าน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ลำบากยากเย็นอะไรนักหนา คือเมื่อท่านเป็นมนุษย์ ท่านเป็นคนเข็ญใจ วันหนึ่งไปเที่ยวเกี่ยวหญ้าตามท้องนาเพื่อนำไปขายครั้นถึงเวลาจะกินข้าวในตอนกลางวัน แก้ห่อข้าวออกมาจะกิน แต่ยังไม่ทันจะกินกาตัวหนึ่งบินมาจับอยู่ในที่ใกล้ตนจะกิน ท่านคิดว่า กาตัวนี้คงแสบท้องหิวข้าวเหมือนเราจึงปันข้าวของตนน้อยหนึ่งวางไว้ให้แก่มัน ท่านตายจากชาตินั้น เพราะบุญนั้นบันดาลให้ท่านมาบังเกิดในดาวดึงส์เทวโลกนี้ คนเราในโลกนี้ ถ้าไม่เมาในความโลภเกินไป รู้สึกในอกเขาอกเรา ตายจากโลกนี้คงไม่มีความทุกข์แน่นอน

การให้ย่อมมี 3 อย่าง คืออย่างต่ำ อย่างกลาง และอย่างสูง เจ้าสีพีสละให้ดวงตาเป็นทาน จัดเป็นการให้อย่างกลาง กานกะเทพบุตร ผู้ให้ข้าวแก่กา จัดเป็นการให้อย่างต่ำ การให้อย่างสูง คือ สละชีวิตเป็นทาน การให้แม้ทั้ง 3 ย่อมประเสริฐทั้งนั้นแล

 
6 ผลบุญจากการรักษาอุโบสถ
นางสุนันทา อัคคเทวี ผู้ทรงไว้ซึ่งความเลิศได้เป็นอัคคมเหสีของท้าวสักกะเทวราช ณ แดนสวรรค์ มีรัศมีรุ่งเรืองงดงามยิ่งนัก ล้ำเลิศกว่าเทพธิดาทั้งหลาย ดังแสงอาทิตย์ย่อมข่มเสียซึ่งแสงแห่งดวงดาวทั้งหลายบนท้องฟ้า  ฉะนั้น เมื่อนางเป็นมนุษย์ ได้รักษาอุโบสถศีลในวันธัมสวนะเป็นประจำ และแม้ในคราวพิเศษตายจากชาตินั้น บุญนั้นจึงไห้มาเกิดเป็นอัคคมเหสีท้าวสักกะเทวราช ณ แดนสวรรค์นี้

นางกุมภทาสี สมัยพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก ในกัลป์ที่ 91 นางเป็นคนใช้เขา มีหน้าที่ตักน้ำ แผ้วกวาดบ้านเรือนของคนมีศักดิ์ในตระกูลหนึ่ง ในนครพันธุมดี ได้เห็นพวกเจ้าพวกนายในบ้านและนอกบ้าน หยุดราชการรักษาอุโบสถในวันเพ็ญจึงมาคิดถึงตน แล้วรักษาอุโบสถบ้าง เพราะผลบุญจากการรักษาอุโบสถของเธอนั้น จึงมาเกิดในดาวดึงส์เทวพิภพมีวิมานอันประดับแล้วด้วยดีสูงหนึ่งโยชน์มีเทพอัปสรแสนนางบำรุงด้วยดี ได้เป็นอัคคมเหสีท้าวสักกะเทวราช 64 ครั้ง ได้เป็นอัคคมเหสีพระบรมจักรพรรดราช 63 ครั้ง นางมีผิวพรรณดังทองคำ ได้ ยาน ช้าง ม้า รถ แม้ทุกอย่างมากมาย ได้ภาชนะแก้วผลึก ทุมารชทองและเงินมากมาย ผ้าดีๆ มากมาย ข้าวน้ำ ของเคี้ยว และเสนาสนะมากมาย เรือนยอดปราสาท มณฑป เรือนโล้น และถ้ำฯ ผลบุญนี้ เพราะรักษาอุโบสถอย่างเดียว ชาติปัจจุบันพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเราเกดขึ้นในโลก อายุ 7 ขวบ นางเห็นโทษในการครองเรือน เห็นคุณในเนกขัมมะ จึงได้สละตนออกบวช และไม่ถึงเดือนนางก็เสร็จกิจพรหมจรรย์เป็นผู้พ้นวิเศษ

นางบัลลังเทพธิดา กาลก่อนเป็นบุตรสะใภ้ของตระกูลมั่งคั่งอยู่ใใต้บังคับสามีเป็นผู้ไม่ประมาท ถึงวันอุโปสถก็รักษาอุโปสถไม่ขาด ครั้นสิ้นอายุ ได้มาเกิดในแดนสวรรค์มีวิมานเป็นที่รื่นรมย์ใหญ่โต วิจิตรด้วยแก้วมณี ทองคำ ดอกไม้ทิพย์สวยงามหอออมระรื่นเกลื่อนกล่น มีเทพอัปสรฟ้อนรำขับร้องให้บันเทิงอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้ทุกข์เลย คนในเรือนขอองอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี และในตระกูลอื่นๆ อีกมากมาย ชาวบ้านชาวเมืองมากมาย ทั้งใหญ่และน้อย ทั้งชายทั้งหญิง ทั้งมีครอบครัวแล้วและไม่มีครอบครัวในต้นๆ พุทธกาล รักษาอุโปสถ แล้วตายจากนั้น ที่ไม่ได้ถึงความสิ้นสุดในพรหมจรรย์ก็มาบังเกิดในแดนสวรรค์นี้ทั้งนั้น
 

7 ผลบุญจากการฟังธรรม
ท่านสัจจะสัญญาเถระ ผู้สาวกอรหันต์ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเรา ถอยหลังแต่ปัจจุบันไป 31 กัลป์ ท่านไม่เคยไปเกิดในนรก ในเปรต ในอสุรกาย ในสัตว์เดรัจฉาน มีแต่เกิดในสุคติภพ และมีปัญญา มีผู้นับถือทุกแห่งหน แม้เป็นคนบอด หนวกวิกลวิกาล ก็ไม่มี ตราบเท่าปัจจุบัน ได้เป็นพระอรหันต์ อันถึงพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา 4 อภิญญา 6 วิชชา 8 เพราะผลบุญอันเกิดจากการฟังธรรม ในศาสนาของพระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัลปที่ 31 โดยที่ท่านปลูกความพอใจในการฟังธรรม ในความเคารพ ในความตั้งใจฟัง ทำใจดังภาชนะทองอันมีค่ารองรับพระสัทธรรม การฟังธรรม แม้ฟังโดยเคารพ หรือเลื่อมใสแล้ว แม้จะไม่เข้าใจชัดในขบวนความก็มีผลมาก  

นางไก่ ในสมัยพระกุกสันธะสัมพุทธเจ้า องค์ที่ผ่านมาในต้นภัทรกัลปนี้ อยู่ในที่ใกล้อาสนะศาลา ได้ไปเกิดเป็นราชธิดา คือ เป็นลูกสาวเจ้าแผ่นดิน ชื่อ อุพพรี และได้บวชเป็นปริพาชิกา ปฏิบัติธรรมได้บรรลุถึงปฐมญาณ และตายจากนั้นได้ไปเกิดพรหมโลก และเมื่อสิ้นอายุจากพรหมโลก ได้มาเกิดในตระกูลเศรษฐีนับชาติที่เกิดเป็นนางไก่ นางเวียนว่ายตายเกิดอยู่ 12 ชาติ จึงได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์  ชาติที่12 นั้นมาเกิดเป็นธิดาของสุมนกุฏุมภี บ้านโสกันต มีนามว่าสุมนาอยู่ทิศใต้ของเมืออนุราธบุรี กาลาเมื่อเป็นสาวได้มาเป็นภรรยาของมหาอำมาตย์แห่งพระเจ้าทุฏฐคามินี และภายหลังนางระลึกชาติได้ มีความสังเวชใจมาก เพราะในชาติที่ 11 นางเกิดที่ตกต่ำ คือเกิดเป็นหมู จึงมองเห็นภัยในการเกิดโดยความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ จึงขออนุญาตสามีออกบวชในสำนักนางภิกษุณี และก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ในกาลไม่นาน
 
ฝูงค้างคาวหนูในถ้ำ สมัยพระกัสปพุทธเจ้าก็ดี งูเหลือมก็ดี ได้ฟังธรรมแต่ไม่รู้เนื้อความ เพียงทำความสำนึกว่า นั่นธรรม เท่านั้นสิ้นอายุจากชาติเดรัจฉานนั้นแล้วได้ไปเกิดสวรรค์เทวโลก  ฝูงชนอื่นๆ อีกมาก เป็นผู้มีบุญถึงซึ่งความประเสริฐก็เพราะฟังธรรม สัจธรรม นิยานิกธรรม สันติธรรม อันสัตว์ทั้งหลายผู้ท่องอยู่ในวัฏสงสารจะพึงได้ฟังเป็นการยาก พระพุทธเจ้าไม่บังเกิดขึ้นในโลก ก็จะไม่มีผู้มาชี้บอก
 

8 ผลบุญจากการอนุโมทนาบุญ
นางเทพธิดา ศรีคันธี ได้ทิพย์สมบัติในแดนสวรรค์อันคสรบันเทิงใจยิ่งนักนางได้รูปงามมีกลิ่นกายหอมฟุ้ง มีรัศมีดปร่งปลั่งออกทั่วอวัยวะน้อยใหญ่มีเครื่องประดับแลัวด้วยรตนะอันวิจิตร วิมานอันน่าอัศจรรย์ โดยรอบสูง 16 โยชน์ ไปได้ตามประสงค์ มีปราสาทเป็นส่วนๆ รุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์ มีสระโบกขรณี มีท่า มีทรายทอง มีน้ำใสมีมัจฉานาๆ ชนิด มีบัวนาพันธุ์ดารดาดใกล้วิมาน มีไม้ต่างๆ ไม้หว้า ขนุน ตาล มะพร้าว กึกก้องเสียงดนตรี และเทพอัปสรอันชวนชม

บุญที่นางทำ ก็ไม่ใช่อื่น คือ เพราะอนุโมทนาอย่างเดียว ในครั้งเมื่อเป็นสหายกับนางวิสาขาในแดนมนุษย์ ที่เมืองสาวัตถี คราวที่นางวิสาขา สละทรัพย์ขวนขวายคล้อยตาม เพราะที่อนุโมทนา คือ ยินดีด้วยนี้เท่านั้น จึงได้มาเกิดในแดนสวรรค์ ได้สมบัติทิพย์อันน่าบันเทิงยิ่ง
 

9 ผลบุญจากการไหว้พระสวดมนต์เช้าค่ำ
ท่านอัญชลีเถระท่านสวคเถระ ท่านสัตตกะทัมพะ เป็นผู้ไม่ประมาทในการไหว้การสวดมนต์ พระอรหันต์ ผู้ชื่อว่าอัญชลีกะ เป็นสาวกผู้ทรงคุณวิเศษของพระพุทธเจ้าในปัจจุบันนี้ ปางก่อนใน 91 กัลป์ วันหนึ่งท่านได้เห็นพระพุทธเจ้า องค์วิปัสสีสัมมาสัมพุทธะแล้วเลื่อมใส ได้กระทำอัญชลีกะนี้ ไม่ไปเป็นสัตว์เดรัจฉานเลย การไหว้จึงเป็นมงคลแก่ตัวยิ่งนัก ดังท่านอัญชลีกะนี้ อานิสงส์การไหว้ปิดอบายได้เด็ดขาด คงมีแต่สุคติโลกสวรรค์ล้วนเจริญใจ

พระอรหันต์ ผู้ชื่อว่า สาคตะ ผู้อันอิ่มเอิบไปด้วยความสุข และคุณต่างๆ อันวิเสาแสนกัลป์ ไม่ไปเกิดทุคติเลย มีแต่ความบันเทิงสุข ในสุคติรื่นรมย์ ในแสนกัลป์ท่านสาคคะนี้ ได้กล่าวคือ สวดยอพระพุทธคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นามว่า ประทุมุตรสัมพุทธะ ด้วยใจอันร่าเริงยินดี เคลื่อนจากชาตินั้น กุศลนั้นได้ตกแต่งให้ท่านเข้าถึงแดนสวรรค์อันรื่นรมย์ มาในพุทธกาลนี้ ก็ได้จุติจากเทวโลกชั้นดุสิตมาเกิดในสวรรค์ลงมา แล้วเข้าบวช กระทำมรรคผลให้เกิดขึ้นเป็นที่ยังทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายให้สิ้นไปแล.
 
ในกัลป์ที่ 94 พระปัจเจกพุทธเจ้า 7 องค์ อาศัยอยู่ที่เขาหิมพาน ในกาลนั้นท่านเห็นดอกกระทุ่มเกิดขึ้นตามดอนป่า จึงประณมมือหยิบมา 7 ดอก แล้วเรี่ยรายลงด้วยดียังพื้นที่อันควรพร้อมด้วยจิตนึกว่า เราขอสักการะบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า 7 องค์ ณ ที่โน้น ด้วยผลบุญนี้ แผ่ขยายไปตลอด 94 กัลป์ ตราบเข้าถึงพระนิพพานในกัลป์ปัจจุบันนี้แล.


watpanonvivek.com