[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: sati ที่ 17 ธันวาคม 2553 13:22:47



หัวข้อ: เสียงกรนสัญญาณที่ไม่อาจเพิกเฉย
เริ่มหัวข้อโดย: sati ที่ 17 ธันวาคม 2553 13:22:47

(http://www.thaihealth.or.th/files/u4910/-847ii.jpg)
จากปัญหาของคนทั่วโลกที่ต้องเผชิญกับ "เสียงกรน" ไม่เพียงก่อให้เกิดความรำคาญยังส่งผลต่อสุขภาพกาย สภาพจิตใจ ชีวิตสมรสและสถานภาพทางสังคมของผู้กรน ที่สำคัญเสียงกรนอาจเป็นสาเหตุร่วมของการเกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมา อาทิ โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ และนอกจากนี้ยังพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยหยุดหายใจขณะหลับและมีปริมาณออกซิเจนลดลงเกินครึ่ง ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ เสี่ยงเกิดอันตรายขณะทำงานหรือขับรถในตอนกลางวัน ซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้  

ด้วยผลของโรคนอนกรนที่ตามมาจนไม่อาจนิ่งนอนใจได้ทั้งต่อผู้กรนและคนใกล้ชิด มูลนิธิโรคนอนกรนและการนอนหลับผิดปกติ นำโดย ศ.นพ.ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ ประธานมูลนิธิฯ ผนึกกำลังจัดงาน “วันโรคนอนกรน” ณ ห้องประชุมชั้น 10 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา เพื่อสร้างความเข้าใจเบื้องต้นสู่การป้องกันและรักษาอาการกรน โดยได้รับเกียรติจาก พลโทธวัชชัย ศศิประภา ผอ. ศูนย์แพทย์พระมงกุฎเกล้า เป็นประธานเปิดงาน ภายในงานจัดให้มีการบรรยายในหัวข้อ “โรคนอนกรนรักษาได้” จาก พ.อ.นพ.ดร.โยธิน ชินวลัญช์ และ พญ.วิสาข์สิริ ตันตระกูล

 ศ.นพ. ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ กล่าวว่า ร้อยละ 90 ของคนนอนกรนจะไม่รู้ว่าตัวเองกรน และมักปฏิเสธว่าตัวเองไม่กรน บางครอบครัวภรรยาทนไม่ได้ต้องรีบพาสามีมารักษา เพราะนอนไม่หลับกันทั้งบ้าน หรือเมื่อต้องไปค้างคืนที่ต่างจังหวัดไม่สามารถนอนร่วมห้องกับผู้อื่นได้ ทำให้เกิดความอับอาย เกิดปัญหาต่อการเข้าสังคมได้ บางรายเป็นหนักถึงขั้นหงุดหงิด ทะเลาะวิวาท เกิดปัญหาครอบครัวตามมา นอกจากนี้ข้อเท็จจริงที่อันตรายที่สุดของโรคนอนกรน คือ ปัญหาคุณภาพชีวิตของผู้กรนและคนรอบข้าง แม้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่ไม่ควรเพิกเฉย ส่วนอาการที่บ่งชี้ว่าต้องรับการรักษา คือ เมื่อคนรอบข้างบอกว่า เมื่อเริ่มมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ เกิดอาการง่วงนอนตอนกลางวันมากผิดปกติ และควรสังเกตตัวเองด้วยว่า เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการหายใจไม่ออกและสำลักน้ำลายร่วมด้วยหรือไม่ ถ้ามีอาการควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว

 “อาการกรนพบได้ในทุกวัย โดยเฉพาะวัยทำงาน ผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง สำหรับสาเหตุของการกรนก็ได้แก่ โรคอ้วน,  ดื่มสุรา,  สูบบุหรี่, ลักษณะทางพันธุกรรม, โรคภูมิแพ้, การทำงานและการออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป ส่วนสาเหตุการกรนในเด็กนอกจากจะมีปัจจัยคล้ายๆ ผู้ใหญ่แล้ว โรคต่อมทอนซิล (ต่อมน้ำเหลืองหลังคอ)อักเสบ และ ต่อมอะดีนอยส์ (ต่อมน้ำเหลืองหลังโพรงจมูก) อักเสบ ซึ่งจะทำให้เด็กหายใจยาก ก็เป็นสาเหตุของการกรนได้ง่ายขึ้นด้วย”

  นอกจากนี้ประธานมูลนิธิ ยังกล่าวว่า ผู้ป่วยโรคนอนกรนสามารถใช้หมอนช่วยลดอาการกรนได้ เนื่องจากการหนุนหมอนที่มีระดับความสูงพอเหมาะ จะช่วยให้ทางเดินหายใจไม่พับงอจนเกินไป  แต่ในรายที่มีอาการกรนมากควรเริ่มรักษาด้วยการดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก เลิกสุรา งดบุหรี่ ไม่ทำงานหรือออกกำลังกายจนหักโหมเกินไป ควรเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ง่วงนอน เพราะจะทำให้กรนมากขึ้น  นอกจากนี้ยังบริหารช่องคอให้กล้ามเนื้อตึงตัวด้วยการเป่าท่อที่มีความยาว 1.5 เมตร โดยเป่าจนสุดแรงวันละ 20 นาที สำหรับผู้ประสบปัญหานอนกรนเล็กน้อยถึงปานกลาง ลองกำมือหนึ่งข้างให้หลวมพอสำหรับลมผ่านได้ นำมือจ่อที่ริมฝีปาก ก่อนออกแรงเป่าลมค้างไว้ครั้งละ 5-10 วินาที โดยส่งแรงลมให้ผ่านออกทางด้านล่างของมือ ทำติดต่อกันวันละ 20 นาที จะช่วยทำให้ช่องลมกว้างขึ้น

 “ถ้าในบางรายอาการหนัก การรักษาก็ต้องอาศัยเครื่องมือและการผ่าตัดร่วมด้วย ซึ่งปัจจุบันการรักษาอาการนอนกรนทำได้ง่ายกว่าที่คิด อย่ามัวรอให้เกิดผลเสียต่อร่างกายจนเกิดโรคอื่นๆ ตามมาแล้วถึงคิดตัดสินใจมาพบแพทย์ อยากให้ทุกคนร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญ ว่ายังมีทางออกสำหรับโรคนอนนกรน โดยที่ไม่ต้องทนอีกต่อไป” ศ.นพ. ชัยรัตน์ กล่าว


ที่มา คมชัดลึก


หัวข้อ: Re: เสียงกรนสัญญาณที่ไม่อาจเพิกเฉย
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 17 ธันวาคม 2553 23:33:49
มีคนบอกผมนอนกรน ดังมากกกกก...

แต่แปลกที่หูกับปากอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ผมกลับไม่ได้ยิน 5555+

สำหรับตัวผมเอง 1 คือ อ้วน และ 2 ผมนอนหนุนหมอนซ้อนกัน 2-4 ใบ

ชอบนอนหมอนสูงจนคอแทบจะตั้งฉาก

เวลาไปนอนต่างที่ต่างถิ่นถ้ามีหมอนให้แค่ใบเดียว

ผมต้องเอามาพับครึ่งก่อนหนุน (ให้มันสูงขึ้น)

ลำบากจริ๊งงงง... 5555+