หัวข้อ: วันโลกพินาศ 2012 คอลัมน์ วัยทวีนส์ นสพ.มติชน เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 18 ธันวาคม 2552 15:05:01 วันโลกพินาศ 2012
คอลัมน์ วัยทวีนส์ นสพ.มติชน โดย เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล บทความนี้สะท้อนหลากหลายแนวความคิดที่มีความสัมพันธ์กับความวิตกกังวลของผู้คนทั่วโลกถึงชะตากรรมที่มวลมนุษยชาติต้องแบกรับเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้โลกจะถึงคราวพินาศลงในปี ค.ศ.2012 ซึ่งตรงกับ พ.ศ.2555 จริงหรือไม่ คงเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งก็ได้ทำให้ผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ต่างรู้สึกกังวลมาโดยตลอด โดยเฉพาะตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ได้กลายเป็นหนึ่งข้อกังวลอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากมายจากความวิตกในช่วงปี ค.ศ.2000 ในกรณีของ Y2K นั่นเองครับ "แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรที่เสียหายมากมายจากระบบคอมพิวเตอร์การสื่อสาร" ส่วนในปี ค.ศ.2012 นั้น บ้างก็ทำนายไว้ว่าจะเป็นวันสิ้นโลก อีกด้านหนึ่งก็บอกว่าเป็นการริเริ่มของโลกใบใหม่ ซึ่งปฏิทิน 22 ของชนเผ่ามายาที่ได้ทำปฏิทินเอาไว้ที่ 5,000 ปี โดยแต่ละเดือนจะมี 20 วัน และเชื่อว่าโลกวันสุดท้ายคือวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ.2012 "จะเป็นวันที่พระเจ้าของพวกเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งนั่นเอง" ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์แม้กระทั่งองค์กรนาซ่าก็ออกมายอมรับว่าปรากฏการณ์ของปี ค.ศ.2012 จะเกิดขึ้นจริง แต่มากน้อยเพียงใดอันนี้เขาไม่ได้ตอบอย่างชัดเจน ทั้งนี้ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความวิตกนี้ขึ้นมา นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งได้ศึกษา "ปรากฏการณ์แกนโลกพลิกตัว" และกล่าวไว้ว่า "โลกและดวงอาทิตย์ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันโดยจะแลกเปลี่ยนพลังงาน และใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วอีกครั้งหนึ่ง" ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายล้านปี ทำให้พวกไดโนเสาร์สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น ทั้งนี้การพลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก คือกระบวนการเมื่อขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้กลับตำแหน่งกัน ทำให้สนามแม่เหล็กลดลงเกือบจะถึงศูนย์ และเป็นจังหวะที่ดวงอาทิตย์ปะทุขึ้นอีกทีในรอบ 11 ปีอย่างสูงสุด สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือเมื่อสนามแม่เหล็กโลกตกลง คราวนี้รังสีและความร้อนสุดขีดก็จะสาดส่องทะลุทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศโลกอย่างง่ายดาย บวกกับปรากฏการณ์สภาวะเรือนกระจก จะทำให้โลกร้อนขึ้นอย่างฉับพลัน ดั่งถูกอบด้วยเตาไมโครเวฟอย่างไงอย่างนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาคือน้ำแข็งจากขั้วโลกจะถูกละลายอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนไป อาทิ น้ำท่วมโลก แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด การยกตัวของผิวดินแตกต่างกันไป ระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากจะทำงานผิดปกติ รวมถึงระบบขีปนาวุธ เกิดการอพยพของฝูงสัตว์ ทำให้สูญเสียทิศทาง เพราะสัตว์จำนวนมากใช้สนามแม่เหล็กโลกในการเดินทางเป็นหลัก จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในสัตว์โลกตกลง และทำให้มนุษย์อ่อนแอลงมาก ในเมื่อแสงสาดเข้ามาอย่างไม่มีเกราะคุ้มกัน มนุษย์เราก็จะถูกรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ ทำให้ถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังในเวลาต่อมา ส่วนวัตถุในอวกาศที่มีเส้นทางผ่านเฉียดโลกก็สามารถโคจรเข้ามาใกล้อย่างง่ายดาย จนทำให้มีการคาดคะเนว่าผู้ที่จะอยู่รอดได้นั้นอาจต้องมีชีวิตอยู่ใต้ดิน หรือใต้เปลือกโลกเท่านั้น จึงเป็นข้อสันนิษฐาน ว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าดาวอังคารเคยประสบสภาวะเช่นนี้มาแล้ว" ในอีกมุมมองหนึ่งซึ่งเป็นด้านความเชื่อจนถึงขั้นมองเห็นด้วยจิต "นายกอร์ดอน" Gordon-Michael Scalion ชาวอเมริกันที่เสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1979 แต่กลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง และได้รับพรให้หยั่งรู้อนาคต เขาเคยทำนายไว้อย่างแม่นยำในกรณีเกิดแผ่นดินไหวในลอสแองเจลิสในปี พ.ศ.2535 สุดท้ายเป็นไปตามคำทำนายที่คาดการณ์เอาไว้ "ในคราวนี้ นายกอร์ดอนได้ระบุไว้เช่นกันว่าสิ่งที่ผมเกริ่นมานั้นจะเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1998-2012 และในปี ค.ศ.2015 ก็จะถึงวันสิ้นสุดของโลกอย่างแท้จริง!!" เพราะมนุษย์จะทนความร้อนไม่ไหว ในอีกด้านหนึ่งบางรายก็บอกว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ กล่าวคือเห็นโฉมหน้าใหม่ของโลก หลังจากประสบกรณีน้ำท่วมโลก จนทำให้หลากหลายประเทศจมอยู่ใต้ทะเล อาทิ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรปตอนเหนือ เป็นต้น ส่วนประเทศไทย ตั้งแต่อีสานบางส่วนและภาคใต้ก็จะจมลงใต้น้ำเช่นกัน ซึ่งอาจรวมไปถึงกรุงเทพมหานครด้วย ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากการทำนายปรากฏการณ์ของนายอัล กอร์ แต่อย่างใด ทั้งนี้ ไม่ว่าท่านผู้อ่านจะเชื่อแนวความคิดอันใด อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน แต่เราต้องมาตั้งคำถามกันแล้วละครับ ว่าถ้าเกิดขึ้นจริงใครกันแน่เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ "ธรรมชาติ หรือ มนุษย์ ครับ" หัวข้อ: Re: วันโลกพินาศ 2012 คอลัมน์ วัยทวีนส์ นสพ.มติชน เริ่มหัวข้อโดย: PETER ที่ 22 ธันวาคม 2552 10:32:29 เหตุฉะนั้น............
จงอย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่า.............. วันพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวาย สำหรับ...........พรุ่งนี้เอง แต่ละวัน............ ก็มีความทุกข์พออยู่แล้ว |